รีวิวหนัง เฮ้ยลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ ว่าด้วยเรื่องราวของหนุ่มนักแข่งรถสุดหล่อไฟแรงอย่าง ก็อต ที่ประสบกับอุบัติเหตุทางรถยนต์ในระหว่างทางกลับบ้าน อาการหนักเข้าขั้นโคม่านั้นและเหตุการณ์นั้นทำให้ตัวเขาย้อนเวลากลับไปยังปี 2541 ซึ่งเป็นปีก่อนที่เขาจะเกิด 1 ปี ทำให้เขาได้เจอกับ เปรม พ่อตัวเองในวัยหนุ่ม ซึ่งมีเป็นหัวหน้าแก๊งขาใหญ่สุดเท่สุดอันตราย ที่คอยเรียกเก็บส่วยจากร้านค้าต่าง ๆ ในเขตนั้น รวมไปถึงร้านคาราโอเกะของ ‘บิว’ ด้วยเช่นกัน แต่แล้วโชคชะตาดันเล่นตลก เมื่อพ่อลูกสองคนนี้ดันตกหลุมหลังสาวคนเดียวกันซะงั้น ความสัมพันธ์ของทั้ง 3 คนนี้จะลงเอ่ยเช่นไร ความสัมพันธ์พ่อลูกของ ก๊อต – เปรม จะเป็นอย่างไรไปติดตามรับชมกันได้ที่ดูหนังออนไลน์

พล็อตเรื่องเฮ้ย ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ ไม่ได้ถือว่าแปลกใหม่และไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เป็นภาพยนตร์ย่อยง่าย มีการเล่าเรื่องเป็นแบบเส้นตรง ที่เป็นเรื่องของพ่อกับลูกที่ไม่ค่อยลงรอยกัน เพราะมีปัญหาขัดแย้งไม่กินเส้นกันในอดีต โดยฝ่ายเปรมที่เป็นพ่อเองก็ล้มเหลวในชีวิตมาตอนสมัยหนุ่มๆ แถมเคยติดคุกมาอีกด้วย บวกกับตัวเองก็ชอบตบตีทำร้ายลูก ส่วนคนเป็นลูกอย่างก๊อต ก็มีปัญหาหมื่นแปดพันเก้า เพราะพอพ่อติดคุก แม่ก็ดันฆ่าตัวตายอีก แถมตัวก็อตเองก็ถูกพ่อกีดกันความฝันของเด็กหนุ่มที่อยากเป็นนักแข่งรถอีก การที่ต้องประสบกับอุบัติเหตุครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้ก็อตต้องอยู่ในภาวะเหมือนคนใกล้ตาย จึงได้ทำการย้อนเวลานั่นเอง แต่ถึงยังไงเราก็ยังรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ในส่วนของความหมายของคำว่า พ่อ ที่เมื่อภาพยนตร์จบลง ทำให้เราต้องย้อนกลับมาถามตัวเองว่า ถ้าหากเราล่วงรู้ถึงชีวิตของพ่อแม่ในอดีตว่าเป็นอย่างไร? เราจะสามารถเข้าใจพวกเขา มากขึ้นรึเปล่า และหนังเรื่องนี้แอบมีเซอร์ไพรส์เล็กๆ ในตอนจบด้วยแหละ

ความน่าสนใจที่สุดของหนังแอ็กชัน คอมเมดี้ เรื่องนี้ ก็คงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากคู่ดูโอ สองนักแสดงนำในเรื่องนี้อย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ วรรธนะภูติ และ เต๋อ ฉันทวิชช์ ชนะเสวี นั่นเอง ร่วมด้วยนางเอกละครสาวน้อยอย่าง แซมมี่ เคาวเวลล์ ที่มารับงานภาพยนตร์เป็นครั้งแรกนั่นเอง

รีวิวหนัง เฮ้ยลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ นักแสดงนำทั้ง 3 คนนั้นรับบทเป็นใครกันบ้าง

คนแรก เต๋อ ฉันทวิชช์ รับบทเป็น เปรม หรือ ลูกเพ่ โจ๋วัยรุ่นขาใหญ่ หัวหน้าแก๊งเจ้าโลก สุดโหด สุดอันตราย ผู้เป็นพ่อ คาแรคเตอร์สุดแรร์ของเต๋อที่เราอาจจะไม่ได้เห็นกันบ่อยนัก เป็นตัวละครที่เรียกรอยยิ้มของเราได้จริง ๆ เพราะเรื่องนี้เขาทั้งหล่อ ทั้งเท่ ทั้งตลกไปพร้อมกัน

นักแสดงนำหนุ่มหล่ออีกคนก็หล่อเท่ไม่แพ้กันเลยอย่าง โป๊ป ธนวรรธน์ รับบทเป็น ก็อต หรือลูกพ่อ นักแข่งรถสุดหล่อไฟแรง ที่ย้อนเวลากลับไปในอดีตได้เพราะประสบอุบัติเหตุใกล้ตาย นอกจากความหวานหล่อละมุนแล้วหนุ่มโป๊ปก็ถือเป็นนักแสดงชายมากฝีมือที่ถนัดบทตลกเหมือนกัน และบทของเขายังส่งให้เราได้เห็นมุมฮา ๆ ของหนุ่มโป๊บอีกเต็มๆ

ต่อไปนางเอกสาวสวยของเรา แซมมี่ เคาวเวลล์ รับบทเป็น บิว หรือแฟนลูกเพ่ สาวสวยคิคุคาวาอี้ เจ้าของร้านคาราโอเกะ ที่ทั้งสวยหวานปนขี้เล่น ที่ไม่ว่าชายใดเห็นเป็นต้องหลงรักแม่สาวคนนี้แน่นอน ถือเป็นการรับผลงานการแสดงหนังของเธอเป็นครั้งแรก และเป็นความท้าทายใหม่ในงานแสดงของเธอ แต่ต้องขอบอกเลยว่าทำออกมาได้ดี

รีวิวหนัง-เฮ้ยลูกเพ่-นี่ลูกพ่อ-3

และหนังก็ยึดคอนเซ็ปต์ตรงที่ว่า คนใกล้ตายจะสามารถย้อนอดีตกลับไปได้ ทำให้ก็อตได้ย้อนเวลากลับไปเจอพ่อในปี 2541 ช่วงวัยหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ก็อตเองได้ไปเจอเรื่องราวต่าง ๆ ที่พ่อและแม่ ในวัยหนุ่มสาวของเขาต้องประสบมา อีกทั้งยังต้องพยายามที่จะทำทุกวิถีทางที่จะเปลี่ยนแปลงอนาคตไม่ให้เกิดเรื่องร้าย ๆ เหมือนที่เขาและครอบครัวได้เจอมา

ย้อนอดีตกลับไปหาพ่อแม่วัยหนุ่มสาว เพื่อที่จะค้นพบว่าพ่อแม่ในวัยหนุ่มสาวเขาต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรมาบ้าง พล็อตเรื่องแบบนี้ไม่ได้เป็นพล็อตใหม่ และมันก็ทำให้คนดูหนังสามารถเดาพล็อตได้ง่ายมาก ส่งผลถึงการดำเนินเรื่องโดยรวมอยู่เหมือนกันนะครับ ซึ่งตัวหนังใช้ความเข้าขาของโป๊ปและเต๋อแบกความน่าติดตามและความน่าสนใจเอาไว้อยู่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน และหากคุณดูหนังเรื่องนี้ เพื่อความบันเทิง ดูแล้วไม่ต้องซีเรียสเรื่องพล็อต หนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ดีมากเรื่องหนึ่ง

ยอมรับว่าตอนแรกผมรู้สึกแปลกๆ กับการจับคู่ของโป๊ปและเต๋อ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คู่ดูโอ คือคู่หูที่เคมีเข้ากันจริง ๆ ครับ และที่สำคัญที่สุดคือ การรับส่งมุกตลกของทั้งคู่ที่ประกอบกันได้อย่างลงตัวสุดๆ ด้วยความที่ตัวหนังเองขับเคลื่อนไปได้ด้วยมุกตลกแบบซิตคอม และความเป็นธรรมชาติของทั้งคู่เอง แม้ว่าทางตลกของโป๊ปคือทางตลกมุกล็อก รอจังหวะแช่แว้บ ส่วนเต๋อคือตลกสายแถสด แต่มุกตลกของทั้งคู่ก็ดูแล้วได้ฮาเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะแอบมีมุกแป้กบ้างก็ตามแต่เชื่อว่าคนดูพร้อมจะให้อภัยได้อยู่แล้ว

ขอยกอีกประเด็นมาพูดด้วยคือเรื่องของแซมมี่ ที่โผล่เข้ามารับงานภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรก แม้ว่าจะไม่ได้โดดเด่นแพรวพราวอะไรถึงขนาดนั้น แต่ขอยอมรับว่า ความน่ารักสดใสของเธอโชว์พลังในจอใหญ่ได้ดีไม่แพ้ในจอทีวีเลยครับ บอกเลยแซมมี่เหมือนเป็นเครื่องปรุงที่ทำให้หนังเรื่องนี้กลมกล่อมขึ้นมาเลย

อีกจุดที่ผมรู้สึกสงสัยก็คือ ถ้ายึดข้อมูลจากเรื่องย่อ ก็อตย้อนกลับไปในปี 2541 ซึ่งก็ถือว่าเป็นปลายยุค 90’s ก่อนเข้าปี 2000 แต่กลายเป็นว่า ภายในหนังกลับมีอะไรที่ผิดยุคผิดสมัยอยู่เยอะมาก

เสื้อผ้า บ้าน อาคาร รถ ต่างๆ กลับย้อนยุคไปในช่วงปี 60’s ซะอย่างนั้น แถมสิ่งของที่เอามาเป็นพร็อพต่าง ๆ ก็มาอยู่ร่วมสมัยกันได้ยังไงก็ไม่รู้ เช่นเครื่องเพจเจอร์ที่คนเริ่มนิยมใช้ในยุค 80’s ทามาก็อตจิ และนิตยสาร ที่ฮิตในยุค 90’s ภาพถ่ายสติกเกอร์ที่นิยมกันในหมู่วัยรุ่นช่วงปี 2000 หรือแม้แต่คำพูดติดปากของเปรม เช่นคำว่า จ๊าบ หรือสะแด่วแห้ว ฯลฯ อยู่รวมกันให้มั่วไปหมด จนทำให้ผมเองก็งงว่า เอ๊ะ ตกลงนี่มันปี 2541 จริงเปล่าเนี่ย อันนี้ผมเองก็ได้แต่คิดไปว่า ผู้กำกับแกคงอยากนึกสนุก ตั้งใจ ผสมความเป็นเรโทรจากทุกยุคสมัยมามัดรวมกัน ให้ออกมาเป็นเรโทรแบบที่ดูเฟคไปหน่อยเหมือนพิพิธภัณฑ์ของเก่าแบบนี้นั่นแหละนะ

แต่แม้ว่าตัวหนังเองจะมีความงงๆแปลกๆ ในด้านโปรดักชันและเซ็ตติ้ง และรวมถึงการเอาฉากที่เป็น “บันดาลใจ” จากหนังย้อนเวลาในตำนานมาใส่กันแบบโครมๆโจ่งแจ้ง พล็อตที่ยังมีหลุด ๆ แอบรั่วบางที

แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้ยังพอมีอะไรให้จับใจได้ นั่นก็คือความโบ๊ะบ๊ะของโป๊ป เต๋อ ที่เรียกได้ว่าเหนือความคาดหมายมาก ๆ เรียกว่าดูคู่นี้แล้วได้ยิ้ม ๆ ฮา ๆ กันบ้างแหละ ส่วนแซมมี่ก็น่ารักเหลือเกิน แต่เหนืออื่นใด ด้วยความเข้าขาของโป๊ปกับเต๋อนี่แหละ ที่จะทำให้เราได้มองเห็นเรื่องราวความสัมพันธ์ของลูกเพ่ และลูกพ่อในแบบที่เชื่อว่า ดูแล้วต้องคิดถึงพ่อกับแม่กันบ้างแหละ

หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ผมคิดว่าออกแนวละครเวที หรือ ละครทีวีแบบตอนสั้นมากกว่า ด้วยลักษณะของบทหรือฉาก ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดีนะ ถ้าเป็นละครเวที หรือละครทีวี ก็จัดอยู่ในกลุ่มทุนสูงเลย (ก็สร้างหนังนี่นะ) แต่แค่ตัวฉากดูจำกัดในหลาย ๆ ฉาก แต่ทำออกมาสวยงาม ซึ่งเมื่อบวกกับโทนหนังที่เล่าเรื่องเกินจริงอยู่แล้ว เลยทำให้หนังดูมีกลิ่นอายละครหน่อย ๆ

ยังไงก็ตามหนังได้พยายามเสิร์ฟความฮา ความซึ้ง ความเศร้ามาเต็ม รวมถึงแง่คิดและมุมมองเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ซึ่งก็ทำออกมาได้ดีพอสมควร แต่ด้วยความที่มันเฉพาะตัว ผมคิดว่าคนที่ชอบหนังที่เล่าเรื่องเกินจริงนิด ๆ และอินกับประเด็นความสัมพันธ์ของคนในครอบครับ น่าจะชอบเลยล่ะ แต่ถ้าชอบความสมจริงของบทแบบหนังจริงจัง ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์ (เพราะหนังเล่าเกินเบอร์ไปมาก แต่ด้วยบริบทของหนัง ผมว่าทำออกมากำลังดี)

โดยรวมนี่เป็นหนังไทยเรื่องนึงที่ผมคิดว่าดูจบแล้วตัดสินใจได้ยากมากว่าจะเทใจไปทางชอบหรือไม่ชอบชัด ๆ คือ หนังไม่ได้แย่เลย แต่จะชมว่าดีมาก ก็มีจุดที่ผมรู้สึกขัดใจว่าเดินเรื่องง่ายไปนิด ทำให้มันดูเกินจริงไปหน่อยแม้จะเทียบกับบริบทของหนังเอง ซึ่งอันนี้พูดถึงในแง่ว่าเป็นหนังโรงนะ แต่ถ้าอยู่ในซิทคอมฉายที่บ้าน ผมอาจจะปล่อยผ่านและให้เกรดดีมากด้วยซ้ำ โดยรวมแล้วผมคิดว่าหนังสอบผ่านด้วยความบันเทิงครับ

ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้ ดูหนัง

ครอบครัวที่พ่อห่างเหินกับลูกจากความเข้มงวด  มีความแปลกใหม่เล็กน้อยจากหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นที่เคยพบมาโดยให้พระเอกที่เป็นลูกได้ไปเจอกับพ่อตัวเองในวัยหนุ่มซึ่งมีนิสัยนักเลงหัวร้อนแตกต่างจากในวัยแก่ที่เป็นคนสุขุมและเกลียดการชอบสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านมาก ดูไปดูมาทั้งคู่ก็มีนิสัยคล้าย ๆ กันทำให้เกิดถูกชะตา

และพระเอกก็ต้องค้นหาผู้หญิงที่จะมาเป็นแม่ของเขาในอนาคตซึ่งเสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายก่อนที่เขาจะจำความได้และพยายามสร้างมิตรภาพและเตือนเปรมอยู่เสมอเพื่อไม่ให้พ่อตัวเองเลือกเดินผิดทางในการใช้ชีวิตและการเลี้ยงลูกที่เอาแต่ใช้ความรุนแรง

เนื้อเรื่องแสดงให้เราเห็นถึงมิตรภาพระหว่างเพื่อนในสมัยก่อนที่เมื่อคบเพื่อนดีก็จะนำทางให้ตัวเองรู้คุณค่าของชีวิต ร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกันซึ่งหายากมากในสมัยนี้ แถมยังมีโลเกชั่นวิถีชีวิตของคนในยุคสมัยก่อนย่านชาวจีนของกรุงเทพด้วย ถือว่าตัวหนังถ่ายทอดได้ดีมากตรงนี้ ส่วนในเรื่องของความโรแมนติกคอมเมดี้ระหว่างบิวกับเปรมก็เป็นอะไรที่มักจะถูกพระเอกมาขัดขวางบ่อย ๆ ก็เป็นอะไรที่ฮาแบบรักเราสามคนเธอ เขา เรามาก

แต่หากมองในเรื่องของความสมเหตุสมผลของเหตุการณ์ในโลกอดีตกับยุคปัจจุบันเราคิดว่าหนังยังถ่ายทอดออกมาเป็นแบบปลายเปิดมากไปหน่อยในตอนสุดท้าย เพราะทำให้คนดูอยากรู้ว่าสรุปเรื่องราวเปลี่ยนแล้วชีวิตพระเอกจะเปลี่ยนไปในทางใด

หนังเฮ้ย ลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ ได้ให้ข้อคิดสอนเราทิ้งท้ายไว้ด้วย

รีวิวหนัง เฮ้ยลูกเพ่ นี่ลูกพ่อ-2

หนังสอนเราในสองมุมหลักๆ เริ่มด้วยที่ มุมของลูก แม้ว่าคำสอนของผู้ใหญ่อาจจะน่าเบื่อขนาดไหนและบางทีอาจฟังดูล้าหลังบ้าง หากเทียบกับมุมมองของคนในยุคสมัยใหม่แบบคุณที่มีความคิดมุมกว้างและแตกต่าง แต่ว่าในความคิดที่ฟังดูล้าหลังมีส่วนที่คุณจะนำไปปรับใช้ในชีวิตจริงได้ไม่มากก็น้อยแน่นอน เพราะประสบการณ์บางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าไปลองด้วยตัวเองหรอกครับ

ส่วนในมุมของพ่อแม่ คุณควรรับฟังลูกหลานและนำมาคิดบ้าง เพราะการเลี้ยงดูลูกหลานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญ เลี้ยงแบบไหน เขาก็โตขึ้นมาแบบนั้น หากเลี้ยงแบบไม่ใส่ใจและไม่ยอมรับเขามากก็อาจทำให้เขาเติบโตมาเป็นเด็กที่มีปัญหา ซึ่งคุณก็ไม่ควรไปว่าเขา เพราะมันไม่ใช่ความผิดของเขาเสียทีเดียว แต่เกิดจากการเลี้ยงดูของคุณที่ทำให้เขาเป็นเช่นนี้ด้วย หากเลี้ยงดูแบบรักใคร่ใกล้ชิดก็จะไม่เกิดปัญหาขึ้น

คะแนน 8.5/10 ติดเรื่องซีจี กับฉากที่หลงยุคค่อนข้างเยอะ แต่โดยภาพรวมถือเป็นหนังที่ดูสนุก คลายเครียดขั้นสุดในยุคแบบนี้ ควรมีหนังแบบนี้ออกมาเยอะๆครับ รีวิวหนังออนไลน์

จุดเด่น
– มุกฮา
– นางเอกน่ารักมาก
– ครบรส ฮา มันส์ เศร้า
จุดควรปรับ
– ความสนุกของทั้งเรื่อง โป๊ปและเต๋อ แบกรับมันไว้ทั้งหมด
– งานด้านฉากไม่ตรงกับยุคของเรื่องมากๆ
– พล็อตเดาง่ายมากๆ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *