รีวิว Thor Ragnarok ศึกอวสานเทพเจ้าเป็นภาพยนตร์ภาคที่3ของThorเทพเจ้าสายฟ้า ในภาคนี้ธอร์ รับบทโดย คริส เฮมส์เวิร์ธถูกเนรเทศไปยังสุดขอบจักรวาล กลายเป็นนักโทษโดยปราศจากค้อนคู่ใจ เขาจะต้องหาทางกลับไปยังแอสการ์ดเพื่อหยุดยั้งมหาสงครามที่จะทำลายล้างดินแดนแห่งเทพ และจบสิ้นอารยธรรมแห่งแอสการ์ด ภายใต้เงื้อมมือของวายร้ายคนใหม่ที่ทรงพลังและโหดเหี้ยมที่สุด เฮล่า รับบทโดย เคท แบลนเชตต์ แต่ก่อนอื่นเขาจะต้องเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้แบบฉบับกลาดิเอเตอร์ให้ได้เสียก่อน ซึ่งคู่ต่อสู้ในคราวนี้เป็นถึงหนึ่งในทีมอเวนเจอร์ที่เขาคุ้นเคยเดอะ ฮัลค์
แต่ก็ต้องยอมรับเลยว่าบทภาพยนตร์ของThor Ragnarok นั่นน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการที่โลกิยอมทำตามคำสั่งของธอร์อย่างว่านอนสอนง่าย หรือเรื่องค้อนแตก ธอร์ตาบอด ไปจนถึงเมืองแอสการ์ดถูกทำลาย ไม่ใช่แค่ไม่เหลือเถ้าถ่าน แต่ดาวทั้งดวงแตกสลายเป็นผุยผง ถึงอย่างนั้นคนเขียนบทก็ไม่ได้ใจร้ายกับคนดูมากจนเกินไปนัก เพราะว่าอย่างน้อย ก็มีชาวแอสการ์เดียนจำนวนหนึ่งที่รอดชีวิตขึ้นมาในยานอวกาศได้ ทำให้ชวนคิดไม่น้อยเลยว่า ถ้าหากวันนึงโลกของเราจะถูกยึดครอง หรือถึงคราวที่ต้องแตกสลายไปบ้างจริงๆ มันคงจะรู้สึกหดหู่ไม่น้อย
แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตก็ต้องก้าวต่อไป มันไม่สำคัญหรอกว่าประเทศจะตั้งอยู่ที่ไหนเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือประชาชนนั่นเอง ในส่วนของตัวละคร เราก็ยอมรับว่าโอเคในระดับหนึ่งแต่ดูไปดูมาเหมือนคอสทูมจะทำให้หนังเรื่องธอร์เป็นส่วนผสมระหว่าง Ironman กับ Game of Thorn ยังไงก็ยังงั้นเลย ไม่เชื่อก็ลองตีตั๋วไปพิสูจน์กันได้ในโรงภาพยนตร์นะเออ
ในปี 2017 แฟนคลับของ Marvel Studios จะได้ชมหนังเรื่องใหม่ด้วยกันถึง3เรื่องหนึ่งในนั้นคือ Thor Ragnarok ที่จะเข้าฉายในช่วงปลายปีซึ่งหลังจากปล่อยเบาะแสบางส่วนออกมาบ้างแล้วล่าสุด5มกราคม2017 Marvel ปล่อยภาพใหม่พร้อมเรื่องย่ออย่างเป็นทางการจากThor Ragnarok ก่อนที่เราจะได้ชมพร้อมกันในเดือนพฤศจิกายน ในเรื่อง Thor Ragnarok เทพเจ้าสายฟ้าธอร์ถูกจองจำอยู่อีกด้านหนึ่งของจักรวาลโดยปราศจากค้อนคู่กาย
โดยเขาต้องหาทางแข่งกับเวลาเพื่อกลับไปหยุดยั้งสงครามแร็คนาร็อคที่แอสการ์ด ซึ่งเกิดจากน้ำมือของภัยคุกคามอันทรงพลังอย่าง เฮล่า ที่จะทำลายบ้านเกิดของเขาและกลายเป็นจุดจบอารยธรรมของชาวแอสการ์ด อย่างไรก็ตามสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการเอาตัวรอดจากการแข่งขันกลาดิเอเตอร์ ที่ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับ ฮัลค์ อดีตพันธมิตรและเพื่อนสมาชิกจากทีมอเวนเจอร์ ผู้กำกับ Thor Ragnarokไทกาไวทีทีนำแสดงโดยคริสเฮมส์เวิร์ธในบทธอร์ ทอมฮิดเดิลสตันในบทโลกิร่วมด้วยไอดริส เอลบาแอนโทนีฮ็อปกินส์เคตบลังเชตต์มาร์ครัฟฟาโล่เจฟฟ์โกลด์บลุมคาร์ลเออร์บันรวมถึงเทสซาธอมป์สัน
รีวิว Thor Ragnarok
ถ้าใครอยากได้รับความสนุกและได้รับสิ่งเหนือความคาดหมายจากหนังแบบเต็มๆคือการไม่รู้อะไรก่อนไปดูเลย ดังนั้นใครอยากรู้สึกว้าวจริงๆจริงๆการจะดูหนังเรื่องนี้ให้สนุกสมดั่งที่นักรีวิวเมืองนอก หรือแฟน ๆ เขารู้สึกกัน ไม่ควรรู้ว่าหนังจะมาสายตลก ไม่ควรรุู้ว่าหนังจะมีตัวละครนู้นนี้นั้นมาแจม แล้ว ควรตรงไปโรงดูเลย อย่าเพิ่งไปอ่านรีวิวหรือสปอยล์ที่ไหนครับ แต่ถ้าใครไม่ได้แฟนพันธุ์สดขนาดนั้น อ่านรีวิวไปก่อนก็ทำให้รู้จักตัวหนังมากขึ้นครับ เพื่อจะดูแล้วไม่งงและเข้าใจในตัวหนังมากขึ้น
สำหรับธอ์ในภาคนี้ถ้าตามในแบบฉบับในคอมมิคก็คืองานที่ทำลายล้างเหล่าเทพและแอสการ์ดจนพินาศ กลายเป็นหนังภาคที่ 3 ที่ดำเนินเรื่องโดย ธอร์ เทพเจ้าสายฟ้าเป็นตัวหลัก ต่อจากThor 2011และThorThe Dark World 2013 ที่จบด้วยการที่ตัวร้ายโลกิปลอมตัวเป็นโอดินกษัตริย์แห่งแอสการ์ดโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ และถ้าว่ากันตามไทม์ไลน์ของจักรวาลมาร์เวล หนังภาคนี้ก็เป็นการเดินหน้าต่อจากAvengers Age of Ultron 2015 ในส่วนของตัวละครหลักอย่างฮัลค์ที่ขึ้นยานทะยานออกสู่อวกาศหลังอาละวาดจนมนุษย์โลกหวาดกลัวไปพร้อมกันด้วยโลกินั่งบัลลังก์ของโอดินฮัลค์ไม่อาจคุมตัวเองได้
หนังภาคนี้ดำเนินเรื่องโดยการที่เทพเจ้าธอร์ที่ต้องกลับแอสการ์ดมากู้วิกฤตตามคำทำนายที่ชื่อว่าแร็กนาร็อกซึ่งจะทำลายแอสการ์ดและเหล่าเทพจนสิ้น โดยภัยที่ว่ามาในรูปของราชินีแห่งความตายนามว่า เฮล่า ซึีงได้รับการปลดปล่อยจากคุมขังกลับมา นอกจากนั้นยังมีภัยข้างกายอย่างโลกิคอยแทงข้างหลังตลอดเวลาอีก ธอร์พลาดท่าถูกทำลายอาวุธประจำกายทั้งยังหลุดหายไปในกาลอวกาศจนไปโผล่ยังดาวซาคาร์ที่เป็นสนามกลาดิเอเตอร์จับเอเลี่ยนมาสู้กัน จนจับพลัดจับผลูต้องมาเผชิญหน้ากับสหายเก่าอย่างฮัลค์ที่ลืมเขาจนหมดสิ้น ธอร์จึงต้องหาทางกลับไปแอสการ์ดให้ทันเวลาก่อนทุกอย่างจะสายไป นั่นคือเท่าที่ตัวอย่างหนังบอกเราครับหนึ่งในไฮไลต์ของหนัง
ในภาคนี้ผู้กำกับและนักแสดงสายตลกอย่างไทก้าไวทีตีิที่เคยมีผลงานผ่านตาเราอย่างสารคดีปลอมเอาฮาว่าด้วยเหล่าปีศาจที่ต้องปรับตัวในยุคปัจจุบันเรื่อง What We Do in the Shadows 2014ก็ได้รับความไว้วางใจให้มาสานต่อเรื่องราวที่ว่าไปก็คือไตรภาคที่มักเป็นบทสรุปของตัวละครหลักของหนัง ในกรณีนี้คือ ธอร์ ซึ่งเป็นความท้าทายครั้งใหญ่เหมือนกัน เพราะสำหรับแฟนธอร์คงจำได้ว่าหนังธอร์นั้นค่อนข้างอยู่บนพลอตจักร ๆ วงศ์ ๆ ของเหล่าเทพที่แสนเชย พี่ชายน้องชายทะเลาะกันแย่งตำแหน่งว่าที่ราชาพระเอกถูกใส่ร้ายและลงทัณฑ์ให้ไร้พลังตกสู่โลกมนุษย์ และตกหลุมรักสาวมนุษย์ในภาคแรก
ก่อนจะมาเพิ่มความดราม่าดุดันด้วยศัตรูที่แกร่งกล้าและทรงพลังขึ้นในภาคสอง แล้วก็มากลายเป็นหนังตลกในภาคสาม หน้าเป็นหลุดๆของเทพธอร์สุดเก็กแบบนี้ คงไม่มีทางได้เห็นในหนังธอร์ภาคก่อนๆแน่ว่าตามตรงหนังตระกูลธอร์ที่ผ่านมา ก็เป็นหนังมาร์เวลที่ดูไปให้มันเติมเต็มจักรวาลเท่านั้น มันไม่ได้สนุกที่สุดดีที่สุดแต่อย่างใด การปิดท้ายและลองของโดยโยนบรรยากาศที่คล้ายหนังฮิตอย่าง Guardians of the Galaxy ซึ่งเน้นในทีมหลากสไตล์หลายบุคลิกตัวละครที่แค่ขัดกันเองก็สนุกแล้ว บรรยากาศโลกที่สีสันฉูดฉาดแบบการ์ตูนจัดจ้าน มุกตลกยิงกระจายกันทั้งเรื่อง เพื่อมากู้อารมณ์อันแสนจืดชืดของธอร์
แล้วตัดทิ้งตัวละครฝั่งมนุษย์ที่น่าเบื่อทั้งหลายออกไปจนเหี้ยน ขอโทษแฟน ๆ ของ นาตาลี พอร์ตแมน นางเอกภาคก่อนหน้ามา ณ ที่นี้ ก็ถือว่าเป็นอะไรที่ Ragnarok รากฐานของตระกูลหนังธอร์เอามาก ๆ และต้องยอมรับว่าทำได้ค่อนข้างดีด้วย ทีมจำเป็นแสนวุ่นวายไม่ต่างจาก Guardians of the Galaxy แต่มาในเวอร์ชั่นฮัลค์ธอร์วัลคิวรีและโลกิแต่ตรงนี้ก็ต้องบอกไปเลยว่าพอเน้นเอาฮาเอารั่วทำให้หนังมันเพี้ยน ๆ ไปเยอะเหมือนกัน ตัวละครทั้งเก่าทั้งใหม่ถูกจับให้ได้ยิงมุกกันถ้วนหน้า จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคณะเชิญยิ้มกันเลยทีเดียว มันทำให้ความเชื่อในตัวละครที่ถูกสร้าง ๆ
มาก่อนหน้าในภาคเก่าถูกทำลายลง มันไม่ค่อยกลมกลืนหรือลื่นไปกันดีนัก ยิ่งบางอย่างที่ภาคก่อนทิ้งท้ายไว้อย่างน่าสนใจที่โลกิกลายเป็นราชาของแอสการ์ด กลับถูกเอาไปใช้ในภาคนี้อย่างกับแมนดารินในไอออนแมนอย่างไรอย่างนั้น คืออะไรที่ดูจะซีเรียสเกินไปถูกถอดไปแทบหมดเลย และจากบทสัมภาษณ์ผู้กำกับว่ามีการใส่ฉากตลกเข้าไปทำให้จากเดิมหนังยาว 100 นาที กลายเป็น 130 นาทีในปัจจุบัน นั่นเท่ากับแค่มุกเสริมเรื่องอย่างเดียวก็ปาไป 30 นาทีแล้ว นี่น่าจะบอกอะไรได้หลายอย่างทีเดียวการเปลี่ยนลุคของธอร์นับเป็นความกล้าหนึ่งของหนัง ยิ่งในช่วงฉากท้ายๆของหนังต้องตบเข่าฉาดกับความกล้าของทีมสร้าง
คือถ้าเอามาดูต่อกัน 3 ภาค ต้องสงสัยล่ะว่าพวกนี้ไปเมาปุ๊นอวกาศกันตอนไหน ซึ่งในแง่ความบันเทิงมันก็ให้คุ้มค่าตั๋วมาก ๆ ยิ่งมีเซอร์ไพร้สที่เอาตัวละครนู้นนี้ในมาร์เวลทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่มารับเชิญมาแจม ทั้งคนทำก็กล้าเปลี่ยนมู้ดอารมณ์ล้อเลียนตัวเองด้วย ฉากละครจำลองเหตุการณ์ในภาคก่อนตลกมากยิ่งดารารับเชิญมาก็กวนส้นขั้นสุดเช่นกันมันยิ่งดูเจ๋งดูคูลสุดๆแต่พอมองในแง่ความเป็นหนังธอร์ภาคต่อมันก็ไม่ลงตัวนัก การที่รู้ไปก่อนว่าหนังจะตลกมาก เลยเหมือนเป็นการฆ่าตัวตายพอควร เพราะสร้างความคาดหวังเกินจำเป็นให้คนดู ซึ่งยากที่หนังจะเอาชนะความคาดหวังของคนดูได้
สิ่งที่ดีอื่น ๆ ของหนังเช่นฉากต่อสู้ งานซีจี การแสดงยังคงได้มาตรฐานแบบมาร์เวล คือสนุก โดยเฉพาะเหล่าตัวละครนั้นสร้างสีสันได้มาก และเหล่าตัวละครหญิงอย่าง วัลคิวรี และเฮล่า ก็ถือว่ามีบทบาทสำคัญมากกว่าหนังมาร์เวลเรื่องไหน ๆ น่าจะเป็นการปูทางสู่ยุคฮีโร่หญิงในหนังมาร์เวลเฟสถัดไปที่จะมี กัปตันมาร์เวล เป็นแกนกลางก็เป็นได้ ส่วนด้าน ฮัลค์ กับโลกิ ก็กลายเป็นวายร้ายที่ทั้งน่ารักน่าชังคือเกลียดไม่ลงรักไม่สุดไปได้อย่างมีมิติเช่นกัน ต้องยอมรับเรื่องการสร้างตัวละครของมาร์เวลจริง ๆ
บทสรุปของหนัง
และบทสุดท้ายของThor Ragnarok ถือเป็นสุดยอดของหนังในตระกูลธอร์ที่ภาคอื่นน่าจะเทียบยาก ในแง่ความบันเทิงก็เป็นหนังมาร์เวลที่น่าจะบันเทิงที่สุดในขณะนี้ แต่ถามความน่าจดจำนั้นกลับต้องบอกว่า ไม่ค่อยมีอะไรเหลือให้ตกค้างเท่าไหร่นัก ยังคงเป็นหนังดูเติมเต็มจักรวาลมาร์เวลที่ดูสนุกกว่าเดิมเท่านั้นเองครับ แล้วถามว่าต้องดูมั้ย ต้องดูล่ะถ้าอยากจะตามเรื่องอื่นของมาร์เวลได้แบบไร้รอยต่อน่ะ
หนังมีฉากหลังเอนด์เครดิต 2 รอบ ครั้งแรกคือหลังกราฟิกชื่อตัวละครหลักจบลง อันนี้สำคัญต้องดูเลยเพราะส่งบทไป Avengers Infinity War 2018 และหลังจากนั้นต้องนั่งรอเครดิตยาวจบ ก็จะเป็นฉากที่ 2 อันนี้ออกแนวเน้นฮาไม่ค่อยมีผลกับเรื่องมากเท่าไหร่ครับ
บทวิจารณ์โดยรวมของภาพยนตร์เรื่องThor Ragnarok นั้นดีมากๆ ขนาดนักวิจารณ์จากต่างประเทศยังให้คะแนนหนังเรื่องนี้กันแบบเทให้หมดหน้าตักเลยทีเดียว แต่สำหรับผมนั้นภาพยนตร์เรื่องThor Ragnarok นั้นก็ไม่ได้เพอร์เฟคไปเสียทุกอย่าง ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องจะเดินเร็ว ไม่มีฉากต่อสู้ในมุมเดิมๆนานเกิน 5 วินาที และเนื้อเรื่องเต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลง มีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้นอยู่เสมอ แต่เราว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ส่งไอเดียสุดล้ำของคนเขียนบทออกมามากจนเกินไป จนคนดูรู้สึกเหมือนกับเพิ่งทานอาหารปริมาณมากจนจุก เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายเนื้อสบายตัวสักเท่าไหร่
บทสรุปสำหรับเรื่องเทพเจ้าสายฟ้าในภาคนี้นั้นเหมาะสำหรับคนที่ชอบฉากแอคชั่นฉากต่อสู้แบบจัดเต็มโดยที่มุมกล้องมีความน่าสนใจไม่ใช่ฉากแบบเดิมๆ ที่สามารถเห็นได้ตามหนังทั่วๆ ไป หนุ่มๆ น่าจะชอบหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย แต่ถ้าจะให้ชวนสาวไปดูด้วย เธออาจจะไม่ได้เข้าใจในความมันในส่วนนี้มากนัก หากแค่มีความหล่อของตัวละครชายมาช่วยทำให้จิตใจชุ่มฉ่ำได้เช่นกัน เรียกได้ว่าจะชวนเพื่อนไปดูก็สนุก จะชวนแฟนไปดูก็ดี แถมไม่มีฉาก NC เด็กๆ ก็ไปดูได้ และคอนเฟิร์มว่าหนังมีความพิเศษ ด้วยฉากและบทที่น่าสนใจ ถึงขนาดที่ว่าคุณอาจจะลืมไปเลยว่าตอนเดินเข้าโรงภาพยนตร์มาน่ะอยากเข้าห้องน้ำเรื่องนี้ต้องมีคนแพ้ต้องมีจุดจบแต่ไม่ขอดราม่า ไม่มีซีนเรียกน้ำตาให้คนดู เน้นมุกฮารั่วๆใส่แบบต่อเนื่องเหมือนดูตลกคาเฟ่