รีวิวสงครามโค่นพันธุ์อสูร เอาล่ะทุกคนวันนี้ฉํนมีเรื่องมีรีวิว รับรองได้เลยว่าเรื่องนี้ต้องเป็นที่ชื่นชอบสำหรับแฟน ๆ แวมไพร์ แน่นอน ชื่อเรื่องว่า Underworld สงครามโค่นพันธุ์อสูร โดยเนื้อเรื่องของเรื่องนี้กล่าวถึงต้นกำเนิดของแวมไพร์และมนุษย์หมาป่าหรือไลเค่น นั้นเอง ถือได้ว่าเรื่องนี้เป็นตำนานของความรักของเหล่าปีศาจต่างสายพันธุ์เลยก็ว่าได้ ความรัก ความแค้น
และการต่อสู้เพื่อครอบครองอำนาจ รวมถึงจุดเด่นที่สุดก็คือการผสมข้ามสายพันธุ์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองได้มีอำนาจสูงสุดเหนือผู้อื่น และสิ่งที่สำคัญยังได้มีการแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของเหล่าผู้มีชีวิตรอด
จากยุคก่อนถึงปัจจุบัน ในการสรรสร้างเทคโนโลยีเพื่อป้องกันตัวและพรรคพวกเพื่อความเป็นอมตะ เรื่องราวของพวกเขาจะเป็นยังไงฉันจะบรรยายให้อ่านกัน ถ้ากำลังมองหาเว็บดูหนังดี ๆ สามารถเข้าชมได้ที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวสงครามโค่นพันธุ์อสูร ภาค1 หนัง Underworld แนวแวมไพร์และมนุษย์หมาป่า
รีวิวสงครามโค่นพันธุ์อสูร เรื่องย่อ
ซึ่งเรื่องนี้ Blood Wars เป็นภาคต่อของ Awakening ที่ใครเห็นคะแนนรีวิวจากเหล่าเว็บไซต์ชื่อดังแล้ว คงรู้สึกอยากปาตั๋วที่จองไว้ทิ้งซะ แต่เดี๋ยวก่อน เรื่องนี้บอกได้เลยว่าไม่ได้เหมือนอย่างนั้นเลย เพราะจากมุมมองของฉันเองที่ไม่ได้เป็นแฟนของหนังเรื่องนี้กลับรู้สึกสนุก
และโครตมันสะใจดีไม่น้อย เป็นหนังภาคต่อที่ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมด 100% แต่เนื่องจากเนื้อเรื่องไม่ได้ซับซ้อนมากนัก เรื่องราวจะเน้นฉากต่อสู้คุมโทนสีฟ้า ๆ มากกว่า แสดงให้ถึงความเลือดเย็นของตัวละคร เสมอต้นเสมอปลาย มีฉากโปรยกระสุนยับไม่พักให้กระบอกปืนได้พัก เหมือนข้าวสารเสก
และฉากที่ฟันกันเลือดสาด ผ่ากรีด ควักเครื่องในจนถูกจัดอยู่ในหมวด Horror หรือหนังติดเรทความรุนแรง แต่ที่ขัดใจคนดูส่วนใหญ่น่าจะเป็นเรื่องราวของ ไมเคิล และ อีฟ สามีและลูกของ เซลีน ภาคที่แล้วบทส่งมาให้สองตัวละครนี้มีพลังที่โดดเด่นมาก
จนทำให้เกิดเป็น Blood Wars หรือ ศึกชิงเลือด เพราะผู้หวังอำนาจต่างอยากได้เลือดจากเหล่าพ่อแม่ลูกบ้านนี้กันทั้งสิ้น แต่ภาคนี้กลับแทบไม่เห็นแม้เงาของสองตัวละครนี้นอกเสียจากในภาพความทรงจำของทั้งคู่เท่านั้น
เลยทำให้ถูกเหล่าแวมไพร์กล่าวหาว่าเป็นผู้ทรยศแถมยังโดนเหล่า ไลเค่นหรือมนุษย์หมาป่า ตามล่าเพราะผู้นำสูงสุด แมเรียส Tobias Menzies ซึ่งเขาอยากได้เลือดของ อีฟ India Eisley จึงมีคำสั่งให้จับเป็น เซลีน เท่านั้น เพื่อหวังจะให้บอกที่ซ่อนของลูกของเธอ ซึ่งไม่มีทางที่ เซลีน จะบอกแน่นอน
ในตอนนี้มีแค่ เดวิด Theo James ลูกชายของ โธมัส Charles Dance ที่เธอเคยช่วยเหลือให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งนึงเป็นพวกเพียงคนเดียวของเธอ และทั้งสองได้เดินทางไปยังสถานที่ในตำนานทางเหนือ เป็นดินแดนแห่งความสงบสุข
และหนาวเหน็บที่ปกคลุมไปด้วยน้ำแข็งเพื่อลี้ภัยจากทั้งเหล่าแวมไพร์และไลเค่น สถานที่นี้เองทำให้ เซลีน แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม เหมือนที่เราเห็นตามภาพตัวอย่างหนังว่าสีผมของเธอปลี่ยนไป สามารถติดตามการรีวิวเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ รีวิวหนังทั้งหมด
เพราะได้รับพลังใหม่เข้ามา แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ เซลีน ที่มีพลังมากขึ้น แมเรียส ผู้นำไลเค่นคนใหม่ก็เช่นกัน สงครามที่ทุกคนมีแต่ความแข็งแกร่งในภาคนี้จะลงเอยเช่นไรแฟน ๆ หนังเรื่องนี้คงไม่ต้องลุ้นอะไรมาก เนื่องจากภาคนี้ก็เป็นเนื้อเรื่องที่ปูเผื่อไว้สำหรับภาคต่อไปที่อยู่แล้ว และเรื่องราวจะเข้มข้นขึ้นนั่นเอง
อย่างที่ฉันบอกไปว่าตัวเนื้อเรื่องของภาคนี้ก็ไม่ได้เดินไปไกลมากนัก แต่มีตัวละครที่โดดเด่นชัดขึ้นว่าน่าจะมีบทบาทสำคัญที่สุดในภาคต่อไป ซึ่งเราก็น่าเห็นเป็น อีฟ India Eisley และ เดวิด Theo James
และ วาร์ก้าBradley James และ เลน่า Clementine Nicholson พวกเขาเป็นสมาชิกจากฝั่งแวมไพร์ที่ดูมีความสามารถมากกว่าใคร นอกจากตัวละครที่โดดเด่นขึ้นมาแล้ว ยังมีหลายตัวละครที่จะจากเราไปในภาคนี้อีกด้วย พอพูดแล้วรู้สึกเสียดาย เนื้อเรื่องทำออกมาได้แบบไม่น่าเบื่อ
เนื่องจากเรื่องนี้ ไม่ได้สร้างบทมาให้มีบทพูดมากนักแต่กลับเข้าใจได้ง่าย กระชับรวดเร็ว ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก เอาเป็นว่าสำหรับแฟนหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้น่าจะชื่นชอบเรื่องนี้ไม่แพ้เรื่องอื่นเลย
แต่มันยังมีบางฉากมันก็น่าขัดใจซะเหลือเกินเหมือนอยากจะตัด ๆ ให้จบไปซะอย่างนั้น แต่ถ้าเข้าไปดูแบบไม่หวังอะไรมากเนื่องจากไม่ใช่แฟนหนังเรื่องนี้แบบผู้เขียนก็ขอให้ 8 เต็ม 10
ฉากการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น
ในเรื่องของฉากการต่อสู้ที่มีจังหวะที่เข้ามาได้ดี เลยทำให้ผู้ชมรู้สึกมีความตื่นเต้น และแสงสีเสียงที่มาเต็ม เพราะถือเป็นหนังแอคชั่นที่บู๊กันตลอดทั้งเรื่องแทบไม่เว้นให้หายใจเลยทีเดียว
ถ้าถามว่าแฟนๆ หนัง Underworld ควรดูหรือไม่ ตอบเลยว่ามาก เพราะหากไม่ดูภาคนี้ภาคต่อไปจะดูไม่รู้เรื่อง เนื่องจากมีตัวละครเกิดใหม่และจากไปมากมายดังที่เล่าไป เพราะฉะนั้นไปดูกันเถิดจะเกิดผล ทางทีมงานวางยาคนดูได้ดีจริง ๆ
แล้วหากจะพูดถึงหนังที่มีตัวละคนหญิงเป็นตัวเอกเท่ ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะมีชื่อหนังชุด Underworld เอาไว้ในใจกันอย่างแน่นอน แม้ว่าจะชอบแค่ไม่กี่ภาคก็ตาม ด้วยความที่หนังได้สร้างตัวละครแวมไพร์แบบในยุคสมัยใหม่ ใส่ชุดหนังสีดำรัดรูป เธอดูสวย เท่ เซ็กซี่ สภาพคล้ายตัวละคร
ใน The Matrix แถมยังมีลีลาการบู๊สุดเท่ไม่ต่างกัน เลยทำให้คาแรคเตอร์ในหนังเรื่องนี้โด่เด่นขึ้นมาทันที อีกทั้งด้วยการรับทของดาราหน้าสวยอย่าง Kate Beckinsale กับหุ่นสุดเฟิร์มของเธอในชุดรัดรูปสุดเซ็กซี่ ดูเป็นอะไรที่น่าจดจำเป็นอย่างมากสำหรับตัวละครนี้ จนสร้างออกมาได้อีกหลายต่อหลายภาคเลยทีเดียว
ซึ่งสำหรับในภาคแรก แต่ภาคนี้ สงครามโค่นพันธุ์อสูร ภาค 1 เรื่องย่อ ไม่ใช่ปฐมบท เพราะมีภาคแยกเป็นเรื่องราวก่อนหน้าไปอีก ก็นับว่าเป็นหนังที่ทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว ตั้งแต่ต้นเรื่องมีการปูความสัมพันธ์ของ 2 เผ่าพันธุ์ที่เป็นศัตรูกันมาตั้งแต่ในอดีต พร้อม ๆ กับฉากแอคชั่นที่สอดแทรกเข้ามาจนเรียกว่า Hook ให้คนดูพร้อมตามกันแล้ว
แต่ก็น่าเสียดายที่ตัวหนัง สงครามโค่นพันธุ์อสูร ตัวละคร ดันมีจังหวะการเดินเรื่องที่เปื่อย ๆ อยู่หน่อย โดยเฉพาะในช่วงกลาง ๆ เรื่องที่เรียกได้ว่ากว่าจะกลับมาเข้าเรื่องอีกทีได้ก็อาจจะมีง่วง ๆ ไปอยู่เหมือนกัน จากการที่เน้นฉากพูดคุยกันเป็นส่วนมากในแบบที่ไม่ค่อยเหมาะกับหนังแอคชั่นในแนวที่เหมือนจะบู๊ล้างผลาญกันสักเท่าไรนัก
แต่เมื่อจังหวะจะเข้าฉากแอคชั่นอะไร ก็นับว่าทำออกมาได้น่าตื่นตา มีฉากที่น่าจดจำอยู่มากมาย ทั้งลีลาการใช้อาวุธปืน หรืออย่างการหมุนตัวยิงลงพื้นให้ทะลุลงไปชั้นล่างก็เป็นอะไรที่เท่สุดๆ ไปเลย
นอกจากในส่วนของการบู๊ของนางเอกแล้วนั้น เรื่องราวเบื้องหลังระหว่างสองเผ่าพันธุ์ทั้งผู้นำฝั่งแวมไพร์ และไลแคน ก็ดูมีรายละเอียดมีที่มาที่ไป และดูสมกับเป็นตัวบอส จนเรียกได้ว่าหนังมีบทที่แน่นอยู่พอสมควร จนทำให้ตอนจะบิดจะพลิกผันเรื่องราวนั้น ก็ชวนเหวอได้อยู่ไม่น้อย จนดูจบปุ๊บก็อยากดูภาคต่อปั๊บเลย
เห็นหลายคนอยากจะรู้ว่าภาคนี้ไมเคิลและอีฟจะมีบทไหม ไมเคิลคือแฟนของเซลีน, อีฟคือลูกสาวในภาค 4 เราบอกก่อนเลยว่าทั้งสองคนไม่มีบทในภาคนี้นะ ส่วนคำอธิบายที่หนังมอบให้ก็คือ อีฟได้แยกทางจากเซลีนไปหลบซ่อนตัวที่ไหนสักแห่ง โดยที่เซลีนก็ไม่รู้ว่าจะตามหาเธออย่างไร ส่วนไมเคิลมีเฉลยในตอนท้ายของหนัง
และภาคนี้ถือว่ายังคงรักษาเสน่ห์ของ รีวิวUnderworld เอาไว้ได้หมดเลย เอาจริงๆ มันก็คงไม่มีใครคิด revision แก้ไขแฟรนไชส์ให้สดใหม่แปลกใหม่กว่าเดิม หนังก็เอามุกการเล่าเรื่องแบบเดิม ๆ มาขยายจักรวาลตัวเองออกไปเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นการทรยศหักหลัง และการแย่งชิงอำนาจ
และ การเปิดเผยทายาท และ การฝึกฝนพลังให้แกร่งกล้ากว่าเดิม ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นแนวทางของพวกหนังนักรบโรมัน เพียงแต่พอเป็น Underworld มันก็เปลี่ยนจากนักรบคนธรรมดาเป็นแวมไพร์ vs. ไลแคน ที่เดินเรื่องง่าย ๆ ไม่เน้นความลึกของตัวละคร แล้วก็จัดเต็มแอ็กชันโหด ๆ เลือดสาดเรต R ประเคนผู้ชมให้อิ่มหนำใจกันไปข้างนึง
ประวัติแวมไพร์
ไหนก็รีวิวหนัง Underworld Blood Wars เกี่ยวกับแวมไพร์แล้ว เราขอพูดถึงประวัติเลยละกัน แวมไพร์ หรือชื่อภาษาอังกฤษ Vampire เป็นผีชนิดหนึ่งตามความเชื่อของชาวยุโรป ในยุคกลาง เชื่อว่าเป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์ด้วยกันเป็นอาหารเพื่อหล่อเลี้ยง
โดยที่แวมไพร์จะมีชีวิตเป็นอมตะ ไม่มีวันแก่และไม่มีวันตาย จะชอบปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้แสงแดด แวมไพร์จะหลบซ่อนอยู่ในโลงของตนหรือในหลุมในเวลากลางวัน สามารถแปลงร่างได้หลายแบบ เช่น ค้างคาว และ นกฮูก และ หมาป่า และ หมาจิ้งจอก และ กบ และ คางคก และ แมลงเม่า สุดท้าย งูพิษ เป็นต้น
และมีความสามารถพิเศษอีกคือสามารถกำบังกายหายตัวได้ และแวมไพร์จะไม่มีเงาเมื่อกระทบกับแสงหรือสะท้อนในกระจก และตัวแวมร์เองก็จะมีแรงมากเหมือนกำลังของผู้ชาย 20 คน รวมกัน
Underworld ตัวละคร รวมถึงสามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนที่ด้วยอำนาจของตนได้ด้วย ด้วยความที่แวมไพร์มีความน่ากลัวขนาดนี้คนจึงได้คิดสิ่งที่จะกำราบแวมไพร์ได้คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนา เช่น ไม้กางเขน หรือ น้ำมนตร์ หรือแม้กระทั่งสมุนไพรกลิ่นแรงบางชนิด เช่น กระเทียม
แล้วยังมีวิธีฆ่าแวมไพร์มีมากมาย เช่น ตอกลิ่มให้ทะลุหัวใจ เผา หรือ ตัดหัวด้วยจอบของสัปเหร่อ บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของมัน จะกลายเป็นแวมไพร์ไปด้วย และกลายเป็นสาวกของแวมไพร์ตนที่ดูดเลือดตัวเอง
เพราะเหตุนี้ชาวยุโรปในยุคกลางนั้น จึงหวาดกลัวแวมไพร์มาก ผู้ที่สงสัยว่าเป็นแวมไพร์ จะตกอยู่ในสถานะเดียวกับแม่มด หรือ มนุษย์หมาป่า คือ ถูกตัดสินลงโทษด้วยการเอาถึงชีวิต ด้วยการเผาหรือใช้วิธีทำลายตามลักษณะ
และ มีวิธีการป้องกันการรุกรานของแวมไพร์หลายวิธี เช่น บางหมู่บ้านจะโปรยเมล็ดข้าวไว้บนหลังคาบ้าน เพราะเชื่อว่าแวมไพร์จะหมกหมุ่นกับการนับเมล็ดข้าวเป็นการถ่วงเวลาจนรุ่งเช้า หรือ โรยเศษขนมปังไว้ตั้งแต่สุสานให้แวมไพร์เดินเก็บเศษขนมนั้นวนเวียนไปมา หรือแม้แต่การวางไม้กางเขนหรือดอกกุหลาบที่มีหนามแหลมเพื่อเป็นการพันธนาการไว้ในโลง
เรื่องราวของ Underworld ภาค 1 ตัวละคร แวมไพร์ มีมากมาย จนเป็นที่รู้จัก เพราะยังมีนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม โดยวรรณกรรมที่ว่าถึงแวมไพร์ที่เก่าแก่ที่สุด มีมาตั้งแต่สมัยโรมัน วรรณกรรมที่มีชื่อเสียงที่สุดของแวมไพร์คือ
เรื่องแดรกคูลา ของ บราม สโตกเกอร์ ที่โด่งดังจนมีการนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ละคร ละครเวที หรือแม้แต่กระทั่งภาพยนตร์การ์ตูนมากมายตราบจนปัจจุบัน เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Nosferatu A Symphony of Horror ในปี ค.ศ. 1922 เป็นต้น
ซึ่งเป็นไปได้ว่าความเชื่อเรื่องของแวมไพร์ที่สามารถแปลงร่างเป็นค้างคาวได้ อาจมีที่มาจากที่ภูมิภาคอเมริกากลางและทวีปอเมริกาใต้ มีค้างคาวขนาดเล็กจำพวกหนึ่ง ในวงศ์ Desmodontinae มีพฤติกรรมดูดเลือดสัตว์ที่ใหญ่กว่าเป็นอาหารในเวลากลางคืน
ซึ่งค้าวคาวในวงศ์นี้ก็ได้มีการเรียกชื่อสามัญว่า แวมไพร์ เช่นกัน เป็นยังไงล่ะกับเรื่องราวของแวมไพร์ ด้วยความที่มันน่าอัศจรรย์มากเกินไป จึงทำให้ใครหลาย ๆ คนกลัว เพราะอย่างนี้จึงมีการสร้าง ภาพยนตร์ สงครามโค่นพันธุ์อสูร ภาค 1 หรือ ซีรีย์ การ์ตูน ขึ้นมา เพื่อเป็นจุดขายและเป็นที่น่าสนใจ
ประวัติไลเค่นหรือมนุษย์หมาป่า
สงครามโค่นพันธุ์อสูร ไหนก็มีประวัติของแวมไพร์แล้วจะไม่ให้พูดถึงประวัติของมนุษย์หมาป่าได้อย่างไร มนุษย์หมาป่า Werewolf หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า Lycanthrope เป็นผีตามความเชื่อของชาวยุโรปในยุคกลาง จัดเป็นผีจำพวกเดียวกับแวมไพร์หรือผีดิบดูดเลือดชนิดหนึ่ง คือ เป็นผีที่สามารถแปลงร่างเป็นทั้งมนุษย์และหมาป่าได้
อาหารของมนุษย์หมาป่าก็คือ เนื้อและเลือดสด ๆ ของมนุษย์ โดยจะออกหากินในเวลากลางคืน และเหยื่อโดยมากจะเป็นเหยื่อที่มาเพียงคนเดียวชอบเดินอยู่คนเดียวเลยทำให้เป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มมนุษย์หมาป่า
และมนุษย์หมาป่ามีทั้งที่เป็นกึ่งมนุษย์กึ่งหมาป่า และกลายร่างเป็นหมาป่าทั้งตัว เชื่อกันว่ามนุษย์หมาป่าสามารถกลับหนังของตนเข้าข้างไปในร่างกาย เพื่อหลบซ่อนขนหมาป่าเมื่อกลายร่างเป็นมนุษย์ได้ ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นมนุษย์หมาป่าจะถูกถลกหนังออกเพื่อล่าเอาหนังหมาป่าไว้ วิธีทดสอบว่าผู้ใดเป็นมนุษย์หมาป่า
Underworld ผู้กำกับ หรือไม่นั้นสามารถจำแนกได้โดยสังเกตว่า ผู้ที่เป็นมนุษย์หมาป่านั้นจะมีขนระหว่างคิ้วหนาและยาวจนเกือบจรดกันตรงระหว่างคิ้ว ใบหูเล็กและปลายเรียวแหลม นิ้วกลางทั้งสองข้างมักสั้นเกือบเท่านิ้วชี้ และที่สำคัญคือ มีขนที่ฝ่ามือด้วย
และมนุษย์หมาป่า จะกลับร่างกลายเป็นมนุษย์ธรรมดาเมื่อได้รับบาดเจ็บ ซึ่งนักล่าแวมไพร์สามารถที่จะตามรอยเลือดได้ วิธีการฆ่ามนุษย์หมาป่า คือ การยิงด้วยลูกปืนหรือแทงด้วยใบมีดที่ทำมาจากเงิน และจะต้องเป็นเงินที่หลอมมาจากกางเขน ศพของมนุษย์หมาป่าควรนำไปเผาดีกว่าฝัง เพราะนำไปฝังอาจทำให้มนุษย์หมาป่ากลับคืนร่างมาเป็นแวมไพร์หรือมนุษย์หมาป่าได้อีกครั้ง
และพวกเขาเชื่อกันว่า และที่มาของผู้ที่กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าเป็นเพราะถูกสาปหรือเกิดจากอุบัติเหตุที่สยดสยอง บุคคลนั้นต้องกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าทุกค่ำคืน หรือในทุกวันพระจันทร์เต็มดวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ วิธีเดียวที่จะหยุดการกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้ คือ ความตายเท่านั้น
เพราะเหตุผลนี้ความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าจึงมีอยู่ทั่วโลก มีอาการป่วยทางประสาทประเภทหนึ่งที่หาได้ยาก เรียกว่า Lycanthropy ไล เคน โทร ฟี่ ซึ่งเป็นอาการที่เป็นที่รู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ เป็นอาการที่ผู้ป่วยมักคิดว่าตนเองสามารถกลายร่างเป็นหมาป่าได้ ทั้งที่ไม่สามารถทำได้ แต่ก็มีกิริยาอาการแบบเดียวกับหมาป่า เที่ยวฆ่าผู้อื่นและกินเนื้อที่เหยื่อที่ตนฆ่าทิ้ง
นอกจากนี้แล้ว ผู้ที่มีขนรุงรังตามแขนขาหรือหลังหรือลำตัว จนถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์หมาป่า อาจเป็นอาการผิดปกติเท่านั้นที่เรียกว่า Hypertrichosis ไฮ เปอร์ ทริ โค ซิส เกิดจากยีนในโครโมโซมผิดปกติ แต่เกิดขึ้นได้น้อยมากเพียงหนึ่งใน 1,000,000 เท่านั้น
แต่ทว่าอาการดังกล่าวสามารถส่งต่อทางพันธุกรรมได้ และนอกจากนี้แล้ว การกลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่ายังเกิดจากผู้ที่ต้องการจะกลายร่างเพื่อความแข็งแกร่งและอยู่ยงคงกระพัน ตามความเชื่อของรัสเซีย เชื่อว่า การที่จะกลายร่างเป็นหมาป่าได้นั้นต้องกระโดดข้ามต้นไม้ใหญ่ที่ล้มอยู่ในป่า
แล้วเอามีดทองแดงเล่มเล็ก ๆ แทงต้นไม้แล้วท่องคาถา แล้วดื่มน้ำจากรอยเท้าบนดินของหมาป่า และกินสมองของสัตว์ที่ถูกหมาป่าฆ่าตาย หากทำดังนี้แล้วจะกลายร่างเป็นหมาป่าได้ และยังมีอีกวิธีการหนึ่ง
คือ ในเวลาเที่ยงคืนของคืนวันพระจันทร์เต็มดวง ให้ปรุงน้ำมันชนิดหนึ่งขึ้นมาที่ทำมาจากต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า หนังหมาป่า และต้นถุงมือหมาจิ้งจอก ฝิ่น ผสมกับเลือดค้างคาวและไขมันของเด็กที่ถูกฆ่าตาย เอาของทั้งหมดนี้มาต้มรวมกันในหม้อ
สงครามโค่นพันธุ์อสูร ผู้กำกับ เมื่อผสมเข้ากันดีแล้วก็ให้ทาตามตัวแล้วเอาหนังหมาป่ามาคลุมร่าง พร้อมกับท่องคาถาขอให้เปลี่ยนร่างเป็นหมาป่า ซึ่งจะกลายเป็นหมาป่าเองโดยอัตโนมัติในทุก ๆ คืน และกลับคืนร่างเป็นมนุษย์ในเวลาเช้า คาถานี้จะถูกทำลายลงก็ต่อเมื่อบุคคลนั้นตายหรือถูกแทงเข้า 3 ครั้งที่หน้าผาก
และนักรบนอร์ดิก หรือที่รู้จักกันดีในนามของ เบอร์เซอร์เกอร์ เป็นพวกที่สร้างความเชื่อเรื่องมนุษย์หมาป่าให้น่ากลัวยิ่งขึ้น เนื่องจากนิยมไว้ผมและหนวดเครายาวรุงรังเพื่อให้น่ากลัว ข่มขวัญศัตรู
พวกชาวบ้านที่อยู่ห่างไกลเมื่อถูกชนกลุ่มนี้ทำร้าย มักจะเชื่อว่าพวกเบอร์เซอร์เกอร์สามารถกลายร่างเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งสัตว์ร้าย อย่าง หมี หรือหมาป่าได้ ขณะทำการต่อสู้ ซึ่งในเทพปกรณัมของเบอร์เซอร์เกอร์บทหนึ่งเล่าว่า มีแม่มดร่ายเวทมนตร์ไว้บนหนังหมาป่า 2 ผืน
ใครที่ได้สวมหนังหมาป่านี้จะกลายร่างเป็นหมาป่าไปทั้งหมด 10 วัน มีนักรบ 2 คนไปพบหนังหมาป่า 2 ผืนนี้โดยบังเอิญในป่า จึงขโมยมาขณะที่เจ้าของยังหลับอยู่ ด้วยความรู้ไม่ถึงการณ์นักรบทั้ง 2 ก็นำหนังหมาป่านี้มาสวมดู
แต่ไม่สามารถถอดออกได้ นักรบทั้ง 2 หอนโหยหวนและเข้าทำร้ายซึ่งกันและกัน และยังทำร้ายเจ้าของหนังหมาป่าด้วย เมื่อ 10 วันผ่านไป เมื่อทั้งคู่กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วก็เอาหนังหมาป่าทั้ง 2 ผืนนี้ไปเผาไฟทำลายทิ้งเสีย
และยังมีเรื่อง Underworld ภาค 1 ราวนอกจากนี้อีกคือในเทพปกรณัมของชาวไอริชเล่าว่า มีนักบวชผู้หนึ่งหลงทางอยู่ในป่า พบหมาป่านั่งอยู่ข้างกองไฟ หมาป่าตัวนี้สามารถพูดเป็นภาษามนุษย์ได้ หมาป่าได้ขอให้นักบวชอวยพรให้กับภรรยาของตนซึ่งกำลังใกล้จะตาย หมาป่าอธิบายว่า ครอบครัวของตนถูกสาปให้ทั้งหญิงและชายอย่างละหนึ่งคน
จะต้องกลายร่างเป็นหมาป่าทั้งหมด 7 ปี ถ้าว่าถ้าครบ 7 ปีแล้วยังมีชีวิตอยู่ก็จะกลายร่างเป็นมนุษย์ดังเดิม แต่นักบวชไม่เชื่อ จนกระทั่งหมาป่าตัวเมียจึงฉีกหนังหมาป่าออกเผยให้เห็นเป็นร่างของหญิงสาวที่อยู่ภายใน จนสุดท้ายเรื่องราวของมนุษย์หมาป่า ถูกอ้างอิงถึงในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลากหลายประการเช่นเดียวกับแวมไพร์
รีวิวสงครามโค่นพันธุ์อสูร ภาพยนตร์ที่ใคร ๆ ก็ชื่นชอบ
เอาเป็นว่าเรื่องนี้ Underworld Blood Wars ภาค 1 สปอย ก็ยังคงความสนุกไว้ได้ดี ตามมาตรฐานหนังภาคต่อที่พยายามยื้อไม่ให้จบสักที5555 อารมณ์ละครช่องหลากสี คนดูเยอะก็เขียนบทเพิ่มเพื่อเอากำไรและชื่อเสียงอ่ะ ใครที่ไม่เคยดู
หรือ กลัวจะลืมภาคก่อนหน้าที่เคยดูไปไม่ต้องห่วงเพราะเรื่องนี้ปูเนื้อเรื่องออกมาได้เข้าใจได้ไม่ยาก เพราะช่วงแรกมี ดำเนินเรื่องกระชับไม่ซับซ้อนบอกเป้าหมายที่ต้องการของตัวละครแบบชัดเจนใครดีใครเลวไม่ต้องเดา ด้านการตัดต่อลำดับเรื่องสมูทไหลลื่นดูเพลินอย่างแน่นอน
และมีเรื่องราวตื่นตาตื่นใจกับไลเค่นใหม่ทางตอนเหนือ แปลกตากับสิ่งต่าง ๆ ที่เนรมิตขึ้นมาท่ามกลางหิมะขาวโพลน กับกลุ่มแวมไพร์ที่น่าค้นหา ซึ่งในภาคนี้อะไรก็เป็นไปได้เสมอ สร้างสถานการณ์มาซับพอร์ตให้ตัวเอกเก่งขึ้นแบบง่าย ๆ
แฟนหนังคอแวมไพร์ห้ามพลาดเรื่องนี้
และเรื่องนี้มีความอยากใส่ความทันสมัยแปลกใหม่ก็ใส่เอาดื้อ ๆ เป็นสีสัน โดยรวมก็บันเทิงเริงใจ แต่หากคนที่ดูแล้วคิดตามหรือแอบสงสัยก็จะรู้เลยว่าบางอย่างในเนื้อเรื่องที่ใส่มาไม่เมคเซ้นส์อยู่บ้างส่วน
ถึงจะมีส่วนไม่ดีบ้างแต่แฟนหนังเรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาดอยู่ดี เพราะความหล่อเหลาของ ธีโอ เจมส์ เดวิด ที่หล่อเกินจะห้ามใจให้หลงรัก ตั้งแต่ต้นจนจบภาคนี้เขารับบทเด่นมาก รวมถึงนางเอกของเรื่อง เคท เบคคินเซล เซลีน สวยสมกับพระเอก ยังคงสวยเป๊ะและแซ่บไม่เปลี่ยน ส่วนฉากจบไม่ต้องพูดถึงเพราะมันยังค้างคาไว้มีภาคต่อให้แฟนๆได้เสียเงินอีก
และการเล่าเรื่อง มุมกล้อง การถ่ายทำ ภาพที่ออกมา เหมือนหนังทีวี เหมือนหนัง Underworld Blood Wars สปอย เกรดดี ดูแล้วก็นั่งคิด นี่เค้าเปิดทีวีให้ดูรึเปล่าวะ เหมือนเราได้เข้าไปในอยู่ในเรื่องนี้จริง ๆ เลย
นี่ยังไม่นับพล็อตเรื่องที่สุดแสนจะเชย แวมไพร์ หมาป่า เลือดผสม เนื้อเรื่องมันเชยแบบโคตรๆ ดูไปบางช่วงก็เดาทางได้ บางช่วงก็แอบหาว แต่สารภาพว่าภาคนี้แม้จะมีน่าเบื่อไปบ้าง แต่ก็แค่ระดับหาวๆ ไม่มีวูบนะ ฉากสาดกระสุนก็เอาระห่ำเอามันส์ สาดกระสุนใส่กันแบบตับตับตับตับตับไม่ยั้ง ส่วนนางเอกดูเหมือนจะน่าสงสารมากกว่า แต่เอาเถอะ แม่ก็คือแม่ นางสวยให้อภัย
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าหนัง สงครามโค่นพันธุ์อสูร นักแสดง ยังคงวางพล็อตให้มีภาคต่อ แน่นอนสิมันต้องมีภาคต่อไม่งั้นมีงอนผู้กำกับนะ แต่ภาพรวมเราว่าภาคนี้แย่มาก มันดูสนุกแบบ สนุก ๆ
ส่วนตัวไม่ได้คิดว่าเรื่องนี้แค่เฉย ๆ นะ อยากจะแนะนำเลยว่าทุกคนไปตามดูเลยนะ ส่วนตัวให้ 8 เต็ม 10 เป็นคะแนนหน้าสวย ๆของ เคต เบ็กคินเซล กับหน้าหล่อ ๆของพระเอก ธีโอ เจมส์ และฉากการบู๊ที่โครตสุด