ฉันมีหนังมา รีวิวLou ซึ่งเรื่องนี้เ้ป็นหนังแอ็กชั่นทริลเลอร์เล็ก ๆ พล็อตแนว จอห์นวิค อีควอไลเซอร์ โนบอดี้ ที่ว่าด้วยคนธรรมดาใช้ชีวิตเงียบ ๆ ลุกขึ้นมาต่อสู้ได้อย่างเก่งกาจ ก่อนเผยว่าเป็นใครในอดีต แต่เรื่องนี้มีความฉีกออกในตัวบทที่ลุ่มลึกกว่า ดราม่ากว่า นักแสดงเล่นได้ดี ทุกตัวละครมีมิติความเป็นมนุษย์ ถือว่าทางผู้สร้างทำออกมาได้ดีมาก ๆ จนน่าตกใจเลยล่ะ
แม้แต่ตัวร้ายหลักของเรื่องก็ยังดูเทา ๆ มืดมึน มีเหตุผลและเฉลยเรื่องราวออกมาดีจนแอบน่าเห็นใจอย่างมากเลย ฉากแอ็กชั่นของเรื่องมีไม่เยอะเพราะเป็นหนังทุนต่ำ ตัวละครน้อย ไม่ได้มีผู้ร้ายมากมายให้นางเอกฆ่า แต่ก็ใส่มาได้จังหวะลงตัวระหว่างทางกำลังดี
และยังใช้ความวัยชราของตัวละครมาหลอกล่ออีกฝ่ายให้ประมาทได้สมเหตุผลอีกด้วยนะ เพิ่อให้อีกฝ่ายคิดว่าคนแก่สู้ไม่ไหวหรอก แต่ที่ไหนได้สู้สุดใจเลย ทำให้เรื่องนี้แม้จะมาแนวตัวเอกต้องเก่งเว่อร์ตามสูตร แต่ก็ดูเป็นไปได้จริงมากกว่าเรื่องอื่น ๆ เป็นหนังเล็ก ๆ ที่บทถูกเขียนออกมาดีมากจนต้องชมเลยว่าเป็นพัฒนาการที่ดีมากของ Netflix ในช่วงหลังนี้ ใครที่ชอบหนังแนวไล่ล่า หนีเอาตัวรอดเรื่องนี้แนะนำเลย เข้ารับชม ดูหนังออนไลน์ ฟรีได้เลย
รีวิวLou หนัง แกะรอยในความมืด แก้ปริศนาที่ซ่อนอยู่ เพื่อต้องหนีเอาตัวรอด
รีวิวLou อันดับ 1 บน Netflix
ในช่วงพักหลัง ๆ มานี่หนังฟอร์มเล็กได้เปลี่ยนโฉมมาขึ้นอันดับ 1 บน Netflix กันได้เรื่อย ๆ เลย ยิ่งเรื่องนี้ Lou ก็มาแบบเงียบ ๆ มาก ไม่ต้องโปรโมตอะไรเลย แล้วหนำซ้ำหนังไม่มีชื่อขายอะไรเลย ทั้งนักแสดงนำและผู้กำกับ แม้ว่า แอลลิสัน แจนนีย์ จะเป็นนักแสดงมากฝีมือที่มีดีกรีออสการ์นักแสดงสมทบหญิงจาก I
และ Tonya ในปี 2018 แต่กระนั้นก็ไม่ใช่ดาราระดับแม่ที่เป็นหญิงเหล็กที่ใช้ชื่อเรียกความสนใจจากคนดูได้ เหตุผลที่น่าจะทำให้คนกดเข้าไปดูก็น่าจะเป็นเพราะหน้าหนัง ที่มี คือ 1 ป้า 1 สาวสะพายปืน สวมชุดกันฝน ท่ามกลางสายฝน มาพร้อมกับสีหน้าซีเรียสจริงจัง จึงพอให้คาดเดาได้ว่าหนังน่าจะมีฉากแอ็กชันดุเดือดให้ได้ลุ้นกัน ซึ่งหนังก็มีให้ตามที่คาดหวัง ถือว่าทำออกมาไม่ให้ผิดหวังเลยล่ะ สนใจจัรับชมเรื่องนี้ สามารถดูได้ที่ ดูLou
แต่สำหรับคนที่ชื่นชอบคอหนัง Lou Netflix ฮอลลีวูดแล้ว ชื่อในเครดิตที่พอจะฝากความหวังได้ นอกจาก แอลลิสัน แจนนีย์ แล้วก็คือบริษัทผู้สร้าง Bad Robot ของผู้กำกับ เจ.เจ. อบรามส์ ผู้ที่มีความสามารถอย่างมากในการสร้างภาพยนตร์นี่ละ ที่เจ้าตัวก็อยู่ในตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างด้วย เพราะไปสะดุดตาเข้ากับโปรเจกต์นี้ ซึ่งเดิมทีอยู่กับพาราเมาต์ แล้วทาง Bad Robot เล็งเห็นว่าหนังมีแววน่าจะประสบความสำเร็จ ้
ลยไปซื้อลิขสิทธิ์มาจากพาราเมาต์แล้วนำมาดัดแปลงสร้างเองเพื่อป้อนให้กับ Netflix ส่วน แอลลิสัน แจนนีย์ นั้นอยู่กับโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่ประกาศสร้างเมื่อปี 2018 แล้ว พอโปรเจกต์มาอยู่กับ Bad Robot ป้าก็ติดสอยตามมาด้วย ก็นับว่าเป็นความทะเยอะทะยานของทีมผู้สร้างนะ ที่สามารถกล้าพลิกภาพลักษณ์ของป้าจากนักแสดงสายดราม่ามาพลิกบทบาทเป็นนางเอกสายแอ็กชันดุเดือดอย่างนี้ให้เราได้เห็นกัน ซึ่งป้าก็ทำให้ไม่ผิดหวัง ไม่เสียชื่อนักแสดงระดับออสการ์จริง ๆ
ชื่อเรื่อง Lou นั้นคือชื่อของตัวละครของ แอลลิสัน แจนนีย์ นั้นเอง ที่เป็นหัวใจหลักของเรื่อง หนังเปิดเรื่องด้วยการแนะนำให้คนดูรู้จักตัวตนของเธอ ที่เป็นคุณป้าผู้โดดเดี่ยว อยู่บ้านกลางป่ากับแจ็กส์ มาคู่ใจ 1 ตัว แค่นี้ทางทีมงานของเรื่องก็สร้างตัวตนของเธอได้ออกมาให้ลึกลับมากพอสมควรอยู่ งานอดิเรกของเธอคือออกล่าสัตว์ และมีบ้านที่ปล่อยเช่าให้กับ ฮันนาห์ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่คอยดูแล วี ลูกสาวตัวน้อยวัยยังไม่ถึง 10 ขวบ หลังแนะนำตัวละครหลักไม่นาน หนังก็เริ่มโยนปริศนาเข้าใส่คนดู
ด้วยการที่ลูปิดบัญชีธนาคาร หอบเงินก้อนใหญ่กลับมาบ้าน เขียนพินัยกรรมมอบมรดกให้กับฮันนาห์ผู้เช่าบ้านของเธอ จากนั้นเธอก็เตรียมจะปลิดชีพตัวเอง ในขณะเดียวกันหนังก็โยนปริศนาที่ 2 เข้ามาทันที กับการปรากฏตัวของชายลึกลับที่บุกมาบ้านฮันนาห์ท่ามกลางพายุฝนในช่วงพลบค่ำ และจับตัววีไป ทำให้ฮันนาห์ต้องเร่มาขอความช่วยเหลือจากที่พึ่งเดียวของเธอ นั่นก็คือลู ทำให้เธอต้องพักกิจกรรมลาโลกของเธอเอาไว้ก่อน แล้วต้องมาตามป่าไอคุณพ่อสุดชัวที่ลักพาตัวลูกตัวเอง ติดตามการีวิวดี ๆ เรื่องอื่นได้ที่ หนัง-ซีรี่ย์
หนังมีความลึกลับซับซ้อน
ในช่วงแค่ 20 นาทีแรกของหนัง Lou เรื่องย่อ ก็ชวนติดตามมาก ๆ แล้ว หนังสร้างคำถามขึ้นมาเต็มไปหมด ทำไมลูถึงอยากฆ่าตัวตาย และทำไมพ่อของเด็กถึงลักพาตัวเด็กไป แล้วทำไมถึงมอบทรัพย์สมบัติให้กับฮันนาห์ซึ่งเป็นเพียงผู้เช่าบ้านของเธอ อันนี้ฉันงงมาก รู้สึกได้เลยว่าหนังกำลังทำให้เราเกิดความสงสัยและจะต้องดูจนจบแน่นอน ไม่นานนักฮันนาห์ก็เผยว่า ผู้ที่จับตัววีไปคือ ฟิลลิป โลแกน มาร์แชล กรีน
เขาคือพ่อของวีและอดีตสามีของเธอนั่นเอง และฟิลลิปก็คืออดีตทหารผ่านศึกฝีมือดี หลังจากปลดประจำการกลับมาอยู่ครอบครัว ฟิลลิปก็มีอาการทางจิต มักทำร้ายฮันนาห์อย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องหนีมากบดานที่เกาะแห่งนี้ ก็นับว่าเป็นการเปิดตัวอีกหนึ่งคาแรกเตอร์หลักที่น่าสนใจ เมื่อลูได้ฟังเรื่องราวของฟิลลิปแต่ก็ไม่มีท่าทีสะทกสะท้าน ซ้ำยังตัดสินใจช่วยเหลือฮันนาห์ออกตามล่าตัวฟิลลิปเพื่อเอาตัววีคืนทันที
และลูโชว์ทักษะการแกะรอยแบบพรานผู้มากประสบการณ์ ถึงตรงนี้ล่ะ ที่ต้องบอกว่าหนังได้เริ่มเปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก เมื่อฝ่ายหนึ่งคือทหารผ่านศึกจอมโหดและมีอาการทางจิต อีกฝ่ายหนึ่งคือคุณป้าที่เป็นพรานมือฉมังผู้ชำนาญพื้นที่ในป่า ก็นับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีนะ ฝ่ายหนึ่งได้เปรียบเรื่องความหนุ่มแน่นและประสบการณ์ในสนามรบจริง อีกฝ่ายได้เปรียบในด้านเป็นเจ้าถิ่นและมากประสบการณ์ในการล่า บวกกับการสร้างพื้นที่สมรภูมิที่น่าสนใจ ให้เป็นพื้นที่ป่าทึบ ที่มีฝนตกหนักตลอดเวลา ก็ยิ่งเป็นการสร้างบรรยากาศให้ชวนระทึกยิ่งขึ้น
ฉันชอบในการแคสติ้ง 2 ตัวละครนำ แอลลิสัน แจนนีย์ และ โลแกน มาร์แชล กรีน ว่ากันที่แจนนีย์ก่อน การจับป้ามาแปลงร่างเป็นพรานหญิงนั้น ภาพลักษณ์ของป้าดูเชื่อได้จริงว่านี่คือพรานผู้ช่ำชองตัวจริง ดูแข็งแกร่ง ทะมัดทะแมง มีความหยาบกร้าน ดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย แต่ขณะเดียวกันกับด้านที่ป้าดูมีอดีตอันลึกลับ ก็ทำให้ตัวละครลูนั้น ดูน่าค้นหา อย่่างน่าประหลาดใจ
ในฉากที่ป้าโชว์ฝีมือฉากบู๊นั้นน่าประทับใจมากของเรื่องนี้ แกะรอยในความมืด ไม่น่าเชื่อว่านี่คือนักแสดงหญิงวัย 63 ปี แจนนีย์ออกท่าทางการต่อสู้ได้คล่องแคล่ว รุนแรงสมจริง ก็ต้องชื่นชมไปถึงทีมออกแบบท่าทางการต่อสู้ ที่คิดท่าทางให้เข้ากับวัยของป้า ไม่ได้ให้เก่งเวอร์จนเป็นซูเปอร์ฮีโรเสียขนาดนั้น และส่วน โลแกน มาร์แชล กรีน
ในบทฟิลลิปนั้น ด้วยหน่วยก้านแล้วก็เหมาะสมกับบทอดีตทหารผ่านศึก บวกกับการแสดงผ่านสายตาและร้อยยิ้มก็ถ่ายทอดให้คนดูรู้สึกได้ว่า ไอ้นี่โรคจิตจริง โหดจริง ที่ทำเอาฉันรู้สึกเลยว่า ควรตาย ๆ ให้เร็วนะ 555 ดูเป็นบุคคลอันตราย และเป็นคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวของลู สำหรับ เจอร์นี สโมเล็ตต์-เบลล์
ในบทฮันนาห์ และหนูน้อย ริดลีย์ เอชา เบตแมนในบทวี นั่นขอข้ามไปเลยแล้วกัน แม้ว่าสถานะของทั้งสองจะมีความสำคัญในเรื่อง มีช่วงเวลาปรากฏตัวบนจอมาก แต่ก็ไม่มีบทบาทใด ๆ ให้น่าจดจำ ทำหน้าที่เป็นเพียงตัวกลางที่ดึงให้ลูและฟิลลิปต้องมาเผชิญหน้ากันแค่นั้น
เรื่องนี้สนุกหรือไม่
ถ้าถามว่าเรื่องนี้ รีวิวแกะรอยในความมืด สนุกมั้ย ฉันจะบอกอย่างี้ละกัน เรื่องนี้ตอนเห็นครั้งแรกนึกว่าเป็นหนังสยองขวัญ เพราะจากโทนสีที่ใช้ออกเป็นโทนเย็น มืดๆ ซึ่งเป็นสีที่นิยมกับพวกหนังสยองขวัญ และเห็นมาใหม่ก็กดเข้าไปดูแบบไม่ได้อ่านพล็อตเรื่องด้วยซ้ำ พอดูไปซักพักถึงรู้ว่าไม่ใช่ละ นี่มันหนังแอ็คชั่นไล่ล่านี่นา ถ้านึกไม่ออกก็เป็นแนวประมาณ John Wick หรือ Nobody ที่เป็นพวกนักฆ่าหรือทหารเก่าที่ทำตัวโนเนม
เอาหละมาเริ่มรีวิวกันแบบจริงจริงจังจังเลย บทของเรื่องนี้นับว่าเขียนมาได้ดีพอตัว เปิดเรื่องมาแบบไม่ให้เรารู้อะไรเลย เปิดมาไม่กี่นาทีเด็กสาวก็โดนจับตัวไปแล้ว แต่หนังก็จะพยายามทิ้งปริศนาให้เราตลอด อย่างตอนแรกก็เกริ่นให้รู้ว่า Hannah พยายามปิดบังเรื่องพ่อของลูกเธอ จากนั้นพอ Vee หายตัวไปคนดูก็พอจะจับทางได้แล้วว่าหรือพ่อเป็นคนจับไป และพอปูเรื่องไปได้ต่ออีกซักพักเราก็จะได้เห็นตัวละครป้า Lou โชว์สกิลสุดเทพให้เราได้ดู โดยส่วนตัวผมว้าวพอตัวเพราะไม่คิดว่าจะออกมาแนวนี้ และหลังจากฉากนี้ไปคือดูเพลินเลย
ในส่วนด้านงานภาพและการโปรดักชั่น ส่วนนี้ถือว่าทำได้ดีตามมาตรฐานทั่วไปของ แกะรอยในความมืด Netflix ไม่ได้โดดเด่นจนไร้ที่ติหรือน่าจดจำอะไรมากมาย มีหลายฉากที่ถ่ายทำได้ดี เสื้อผ้าหน้าผมตัวละคร การตัดต่อ การลำดับเสียง ทุกอย่างทำได้ดีตามมาตรฐาน สรุปโดยรวมคือเป็นหนังที่บทดีใช้ได้ การแสดงดี และยังพอคุ้มค่าแก่การรับชม
อาจจะไม่ได้หวือหวาและแอ็คชั่นจัดเต็มเท่ากับ John Wick แต่ก็มีดีเรื่องความสมจริงที่ทำได้ดีกว่า การหักมุมเล็กน้อยพอให้น่าจดจำ นับเป็นหนังอีกเรื่องที่อยากแนะนำให้ลองดูกัน อย่างไรก็ตาม ความชอบของคนเราไม่เหมือนกัน ดังนั้น ทุกคนต้องไปพิสูจน์ด้วยตาตัวเองนะ เพราะฉันว่าการดูด้วยตัวเองจะสนุกมากกว่าอ่านรีวิว
ในตอนแรกที่รับชมเรื่องนี้
ในแวปแรกที่ดูเรื่องนี้พล็อตเรื่อง แกะรอยในความมืด พันทิป จะเห็นว่านี่เป็นพล็อตที่คล้ายๆ พวก จอห์นวิค อีควอไลเซอร์ โนบอดี้ คือตัวเอกต้องเป็นคนที่ดูเงียบๆ ใช้ชีวิตธรรมดาสงบๆ แต่มีเหตุให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ช่วยคนอื่น หรือล้างแค้นอะไรสักอย่าง แล้วก็เผยว่ามีสกิลเทพ เก่งสุดๆ เป็นอดีตหน่วยอะไรก็ว่าไปบลาๆๆ ซึ่งเรื่องนี้เองก็ไม่ได้แตกต่างออกไป
แต่สิ่งที่เรื่องนี้แตกต่างฉีกออกไปได้ดีกว่าคือตัวบทมีความลุ่มลึกมากกว่า การไล่ฆ่าแก้แค้นต่อสู้กับผู้ร้าย ถึงความลับในเรื่องว่าลู หญิงปริศนาที่ใช้ชีวิตเงียบๆ ไม่ค่อยสนใจใคร กับเด็กก็ไม่อ่อนโยนไม่ดีด้วยจะไม่แปลกใหม่
คือเราเดาได้แน่ ๆ ล่ะว่าต้องเคยเป็นอาชีพไหนที่เก่งมาก่อน แต่เรื่อง แกะรอยในความมืด เรื่องย่อ เอาแค่พล็อตเริ่มต้นตามรอยหาเด็กมาบังหน้าเรื่องราวจริงที่ซับซ้อนและใหญ่โตกว่าที่เห็นจากตัวอย่างมาก รวมถึงเป็นการผูกเรื่องที่ทำให้บทของทุกตัวละครในเรื่องสมเหตุผลลงตัวจนกระทั่งฉากจบที่ก็ยังทิ้งท้ายปลายเปิดปริศนาตรงนี้ไว้ด้วยเช่นกัน
รีวิวLou ฉากแอ็คชั่นที่โหดเดิอด
ในฉากแอ็กชั่นในเรื่องแม้จะมีน้อยเพราะเป็นหนังทุนต่ำลง แกะรอยในความมืด พากย์ไทย แล้วตัวบทก็วางกรอบไว้ว่าเป็นแค่ตัวละครไม่กี่ตัวมาไล่ล่ากัน แต่หนังก็ยังใช้ประโยชน์จากตรงนี้มาวางฉากต่อสู้ดิบๆ ตัวๆ ไว้ตามรายทางได้กำลังดีเลย ตัวลูเองก็สามารถใช้สิ่งของรอบตัวเครื่องใช้ในบ้านมาฆ่าผู้ร้ายได้แบบสมจริง
และนอกจากนั้นยังใช้ประโยชน์จากความแก่ของตัวเอกมาหลอกล่อผู้ร้ายให้ตายใจได้อีก ซึ่งทำให้เรื่องนี้แม้มันจะต้องเว่อร์ๆ อยุ่แล้ว แต่ก็มีความสมเหตุผลในตัวทำให้เราเชื่อได้ว่าหญิงแก่ขนาดนี้ต่อสู้เก่งได้ยังไง และนักแสดง Allison Janney เองก็เล่นบทนี้ได้ดีจนทำให้เราเชื่อได้ทั้งแอ็กชั่นและดราม่าหนักๆ ของเรื่องด้วย
และตัวร้ายของเรื่องเองก็ไม่ใช่ตัวละครแบบแบนราบไร้มิติ กลับกันในระหว่างเรื่องเรากลับได้เห็นโมเมนต์ความรักของพ่อที่ลักพาตัวลูกสาวไป และก็มีเรื่องหลายอย่างคั่งค้างในใจที่รอสะสางกับภรรยา ซึ่งกลายเป็นผู้ชมคงรู้สึกสงสารเห็นใจเขาอยู่ไม่น้อยเมื่อเรื่องทั้งหมดถูกเปิดเผยออกมาว่าทำไมเขาถึงต้องมาลักพาตัวลูกสาวตัวเองไปแบบนี้
และที่ฉันชอบมากก็คือ ตัวละครแม่ฮานนาเองที่ดูเหมือนน่าจะเป็นบทหญิงสาวที่ดูไร้ประโยชน์แค่ติดตามหาลูกกับลูในตอนแรก บทของเธอเองก็มีความเข้มข้นขึ้นในช่วงหลังเมื่อเธอลุกกลับมาเป็นคนที่ต้องช่วยลูกด้วยตัวเอง สู้ด้วยตัวเอง
ตัวบทมีความการใส่เรื่องราวความเจ็บช้ำของเธอกับสามีที่ทำร้ายร่างกายเธอจนทนไม่ไหวต้องหนีออกมาอยู่บนเกาะ โดยเป็นแค่เรื่องเล่าผ่านๆ แต่ก็สามารถนำจุดนี้กลับมาใช้เป็นประโยชน์ได้ในตอนขับคัน และมีความฉลาดเด็ดเดี่ยวมากกว่าเป็นแค่ตัวถ่วงเรื่องในตอนแรก ทำให้เห็นเลยว่าคนเขียนบทเรื่องนี้เก่งที่เฉลี่ยบทให้ทุกตัวละครมีซีนสำคัญๆ กับเรื่องได้ทุกคน
ความมุ่งมั่นของเรื่องและตัวละคร
ฉันอยากจะบอกว่าสุดท้ายเราจะได้เห็นความมุ่งมั่นตั้งใจของตัวละครตัวนี้เป็นอย่างมาก เธอเครียดอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลากับการกระทำในอดีตของเธอ ดังนั้นตัวละครตัวนี้จะมีความลึกในอารมณ์สูง เธอเหมือนจะเป็นหญิงชราธรรมดาแต่ก็มีความสามารถไม่ต่างไปกับผู้ชายวัยฉกรรณ์
เพราะเขาปูทางให้ว่าเธอนั้นเป็นถึงอดีต CIA ภาคสนาม 26 ปี แต่ด้วยความที่เธอชราแล้วก็เป็นเรื่องยากที่จะต่อสู้กับผู้ชาย แต่หนังเขาก็ทำให้เราเห็นว่าเธอสู้ได้อย่างสมศักดิ์ศรี บทที่จะต่อสู้แบบดิบ ๆ ก็จริงจัง ดูแล้วก็รู้สึกว่าเจ็บจริง โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในกระท่อมระหว่างเธอกับผู้ชาย 2 คน เหมือนเราดูหนังเรื่องเจสัน บอร์นก็ไม่ปาน
หนังแนะนำตัวละครหลัก
และหนังแนะนำตัวละครหลักครบหมดแล้ว หนัง แกะรอยในความมืด ดู ก็พาเร้าเข้าสู่องก์ที่ 2 ที่ว่าด้วยการตามล่า ช่วงนี้ก็เดินหน้าไปอย่างสนุกน่าติดตาม มีฉากเสี่ยงตายให้ชวนลุ้นเนือง ๆ พร้อมกับป้าลูก็เริ่มเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมาทีละน้อย แต่จุดที่น่าเสียดายก็คือ องก์ที่ 3 ของหนังนี่ละ ที่หนังคลี่คลายปริศนาทั้งหมด ว่าตัวละครหลักทั้ง 4 ลู ฟิลลิป ฮันนาห์ แะล วี มีความเกี่ยวโยงกันอย่างไรทั้งในอดีตและปัจจุบัน ตรงนี้ล่ะ ที่บทเฉลยมันพาอารมณ์เปลี่ยนทิศทางไปเลย
จากความดุเดือดที่ปูอารมณ์มาเป็นชั่วโมง กลับแทรกเข้ามาด้วยดราม่า ที่ไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร คือไม่ได้พาให้คนดูอินไปกับความสัมพันธ์ของตัวละคร และก็เป็นการทอนความเข้นข้นของพาร์ตแอ็กชันลงไป ชวนให้รู้สึกเสียดายกับอารมณ์หนังที่ปูมาดีในชั่วโมงแรก ถ้าไม่สอดแทรกให้ตัวละครหลักมีความสัมพันธ์กันการเผชิญหน้ากันจะดุเดือดกันได้กว่านี้ และบทลงเอยของสองตัวละครหลักที่แบบว่าต้องร้อง เฮ่ย
เอาง่าย ๆ แบบเนี้ยนะ ถึงตรงนี้ก็เลยต้องย้อนไปดูชื่อคนเขียนว่าเป็นใคร ก็พบว่าเป็นงานเขียน แม็กกี้ โคห์น และ แจ็ก สแตนลีย์ คือถ้าบทออกมายอดเยี่ยม ก็น่าชื่นชมหรอก แต่ถ้าบทออกมาน่าผิดหวังก็เสมอตัว เพราะทั้งคู่ไม่เคยมีผลงานเขียนที่โดดเด่นเลยสักเรื่องเดียว
ส่วนงานกำกับนั้นเป็นของ แอนนา ฟอร์เรสเตอร์ ผู้กำกับหญิงที่โชกโชนในวงการทีวีซีรีส์ ส่วนเครดิตการกำกับหนังโรงนั้น มีเรื่องเดียวคือ Underworld Bloodwars ในปี 2016 ซึ่งก็เป็นภาคที่ไม่น่าจดจำเอาเสียด้วย ซึ่งตามเนื้องานก็ถือว่าเธอคุมโทนหนังได้ดีอยู่ สามารถเล่าเรื่องราวที่มีตัวละครหลักแค่ 4 คน ได้น่าสนใจ แม้ว่าหนังจะลงเอยน่าผิดหวัง แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของเธอนะ เธอทำหน้าที่รับผิดชอบในส่วนของเธอได้ดีอยู่
แต่เสียดายมาก ๆ ที่ฉากแอ็คชั่นนั้นมีน้อยเกินไป อยากจะให้มีมากกว่านี้ แต่ก็เอาเถอะหญิงชราคนหนึ่งจะให้มีบทต่อสู้อะไรมากมาย แค่ต่อสู้กับความรู้สึกภายในใจตัวเองก็ถือว่ามากพอแล้ว และเสียดายมากที่เราเห็นความสามารถของลูไม่มากพอ เชื่อว่าประสบการณ์ 26 ปีภาคสนามของเธอยังมีอะไรให้เราดูได้มากกว่านี้อีกเยอะ
แม้ว่าจะเป็น Production ที่ไม่ได้มีอะไรมากมาย แต่เราก็รู้สึกตื่นเต้นไปกับหนังได้ไม่น้อย หนังนำเราเข้าไปสู่ในป่าลึก เฉอะแฉะ การแกะรอย เพียงประเด็นนี้ก็สามารถดึงเราอยู่กับหน้าจอเอาไว้ได้แล้ว ในส่วนประเด็นสำคัญของเรื่องนั้นก็ถือว่าใช้ได้ มีการพูดถึงครอบครัว ความรับผิดชอบ ระหว่างแม่ต่อลูก และระหว่างลูกต่อแม่ สามีต่อภรรยา และภรรยาต่อสามี และเมื่อถึงที่สุดแล้วเขาทำให้เห็นว่าตัวละครหลักจะเลือกอะไรระหว่างความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวหรือความถูกต้อง
นอกจากนี้ยังพูดถึงความซ้ำซากจำเจที่เกิดขึ้นในหนัง แกะรอยในความมืด นักแสดง ที่เกี่ยวข้องกับสายลับ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความลับของรัฐบาลที่หน่วยสืบราชการลับเก็บงำเอาไว้ แม้ว่าหนังเรื่องนี้ก็ยังเอามาใช้อีกด้วยด้วย เข้าใจว่าทีมสร้างเขาต้องการจะเพิ่มระดับความเข้มข้นให้กับหนังนั่นเอง โดยส่วนตัวแล้วผมรู้สึกว่าไม่จำเป็นจะต้องเอาประเด็นนี้มาใช้ก็ยังได้
กล่าวโดยสรุป Lou นับว่าเป็นภาพยนตร์บันทึกขวัญที่สร้างความระทึกความน่าติดตามให้กับคนดูได้ดีพอสมควร แต่ถ้าจะให้เน้นไปทาง Action ก็ไม่ถึงขนาดนั้น เราสามารถอยู่กับหนังได้อย่างไม่น่าเบื่อเลย สามารถดูไปกินขนมไปได้อย่างเพลิดเพลินแต่ระวังลุ้นจนขนมกระเด็นหกนะ555