รีวิวMission Impossible 7 ในที่สุดก็ถึงเวลาที่รอคอยการกลับมาของเรื่องนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนังแอ็คชั่นที่เนื้อเรื่องยาวนาน แล้วแต่ละภาคนั้นก็สนุกสุดเหวี่ยงด้วย และนี่คือการกลับมาอีกครั้งของตำนานสายลับที่ยังคงกระพัน

แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปกว่า 20 ปีแล้ว แต่เขายังบู๊ได้ดีเหมือนเดิม เรามาดูกันว่าในภาคนี้จะสนุกแค่ไหน สามารถเข้ารับชมหนังฟรี ครบทุกแนว ไม่มีโฆษณาคั่น ภาพคมชัดได้เลยที่ ดูหนังใหม่ล่าสุด

ถ้าหากย้อนกลับไปเมื่อ 27 ปีที่แล้ว ทอม ครูซ ได้เริ่มต้นโปรเจกต์แรกของตัวเขาเองในฐานะนักแสดงและโปรดิวเซอร์หนัง ซึ่งนั่นก็คือ Mission Impossible หลังจากที่ออกฉายในปี 1996 โลกเลยได้รู้จักกับสายลับ อีธาน ฮันต์

เป็นสายลับประจำหน่วย IMF ที่ต้องทำภารกิจในปฏิบัติการที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ จากหนังสายลับขายความไฮเทค พัฒนากลายเป็นแฟรนไชส์หนังแอ็กชันสายลับ ที่มาพร้อมกับฉากเสี่ยงตายสไตล์ ทอม ครูซ ที่ตอนนี้เดินทางมาถึงภาคที่ 7 และถือเป็นภาคแรกของแฟรนไชส์ที่แบ่งเรื่องราวออกเป็น 2 ตอนด้วย

ขอแวะมาที่ความเป็นมาของพระเอกสุดหล่อสุดเก่งก่อนนะ เกิด 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 หรือที่รู้จักในชื่อ Tom Cruise เป็นนักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน หนึ่งในนักแสดงที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก อย่าลืมติดตามผลงานการรีวิวของเราได้เลยที่ รีวิวหนังทั้งหมด

เขาได้รับรางวัลมากมาย รวมถึงรางวัลปาล์มทองคำกิตติมศักดิ์และรางวัลลูกโลกทองคำ 3 รางวัล นอกเหนือจากการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ 4 รางวัล

ภาพยนตร์ Mission Impossible Dead Reckoning Part One ของเขาทำรายได้มากกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ในอเมริกาเหนือและกว่า 11.5 พันล้านดอลลาร์ทั่วโลก ทำให้เขาเป็นหนึ่งในดาราที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในบ็อกซ์ออฟฟิศ

ครูซเริ่มแสดงในช่วงต้นทศวรรษ 1980 และประสบความสำเร็จด้วยการรับบทนำในภาพยนตร์ตลกเรื่อง Risky Business ในปี 1983 และภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง Top Gun ในปี 1986 เสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจากบทบาทของเขาในละครเรื่อง The Color of Money ในปี 1986 และ Rain Man ในปี 1988

และ Born on the Fourth of July ในปี 1989 สำหรับบทรอน โควิคในช่วงหลัง เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในฐานะดาราฮอลลีวูดชั้นนำในทศวรรษที่ 1990

เขาได้แสดงในภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์หลายเรื่อง รวมถึงละครเรื่อง A Few Good Men ในปี 1992 ภาพยนตร์เขย่าขวัญเรื่อง The Firm ในปี 1993 และภาพยนตร์สยองขวัญเรื่อง Interview with the Vampire ในปี 1994 และภาพยนตร์โรแมนติก เจอร์รี่ แม็กไกวร์ ในปี 1996

ในสำหรับเรื่อง รีวิวมิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 7 หลังนี้ เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่สอง

การแสดงของครูซในฐานะนักพูดสร้างแรงบันดาลใจในละครเรื่อง Magnolia ในปี 1999 ทำให้เขาได้รับรางวัลลูกโลกทองคำอีกครั้งและได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ครูซได้แสดงในนิยายวิทยาศาสตร์และภาพยนตร์แอคชั่นเป็นส่วนใหญ่ สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองในฐานะดาราแอ็คชั่น โดยมักจะแสดงฉากโลดโผนเสี่ยงตายของตัวเอง เขาเคยเล่นอีธาน ฮันท์ในซีรีส์ภาพยนตร์เรื่องนี้ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ตั้งแต่ปี 1996 บทบาทที่โดดเด่นอื่น ๆอีกด้วย

ครูซแต่งงานกับนักแสดงหญิงมีมี่ โรเจอร์ส, นิโคล คิดแมน และเคธี่ โฮล์มส์ เขามีลูกสามคน สองคนเป็นลูกบุญธรรมระหว่างที่เขาแต่งงานกับคิดแมน และอีกคนเป็นลูกสาวแท้ๆ ที่เขาเคยมีกับโฮล์มส์

มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ครูซเป็นผู้สนับสนุนอย่างตรงไปตรงมาสำหรับคริสตจักรไซเอนโทโลจี ซึ่งเขาเชื่อว่าช่วยให้เขาเอาชนะโรคดิสเล็กเซียได้ ในช่วงทศวรรษที่ 2000 เขาจุดประกายความขัดแย้งด้วยการวิพากษ์วิจารณ์จิตเวชศาสตร์

และยาต้านอาการซึมเศร้า ความพยายามของเขาในการส่งเสริมลัทธิไซเอนโทโลจีในยุโรป และวิดีโอสัมภาษณ์ที่รั่วไหลเกี่ยวกับการที่เขาส่งเสริมลัทธิไซเอนโทโลจี ครูซเป็นเพื่อนสนิทของผู้นำคริสตจักรไซเอนโทโลจี เดวิด มิสคาวิจ ตั้งแต่ทศวรรษ 1980

และในภาคนี้ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง ก็ยังคงได้ คริสโตเฟอร์ แม็กควอรี ผู้กำกับและเขียนบทเจ้าประจำที่ทำงานกับแฟรนไชส์นี้มาตั้งแต่ตอนเขียนบทภาค ปี 2011 และรับหน้าที่กำกับ 2 ภาคหลังอย่าง ปี 2015 และ ปี 2018 ที่มีความเชื่อมโยงกันด้วยตัวละครชุดเดิม ทำให้มีภาพของความเป็น จักรวาล ขึ้นมาอย่างชัดเจน รวมไปถึงภาคนี้ และตอนที่ 2 ที่จะฉายในปี 2024 ด้วยนะ

และฉันคิดว่าต้องมีคนที่อยากจะรู้จักกับผู้กำกับคนเก่งของเรามากกว่านี้อีก เพราะฉะนั้นถือโอกาสนี้ในการพูดถึงความเป็นมาของเขานะ ซึ่งคริสโตเฟอร์ แมคควอรี เกิดเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ค.ศ. 1968 เป็นผู้กำกับภาพยนตร์

ทางผู้อำนวยการสร้างและนักเขียนบทชาวอเมริกัน เขาได้รับรางวัล แบฟตาอะวอร์ด, อินดิเพนเดนต์สปิริตอะวอดส์ และ รางวัลออสการ์ สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม สำหรับภาพยนตร์ลึกลับนีโอนัวร์เรื่อง ปล้นไม่ให้จับได้ ในปี 1995

แมคควอรี ได้เปิดตัวในฐานะผู้กำกับด้วยภาพยนตร์ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ สยองขวัญอาชญากรรมเรื่อง เดอะ เวย์ ออฟ เดอะ กัน ในปี 2000 เขาทำงานร่วมกับ ทอม ครูซ บ่อยครั้ง หลังจากเขียนบทและกำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นเรื่อง แจ็ค รีชเชอร์ ยอดคนสืบระห่ำ

ในปี 2012 และ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการรัฐอำพราง ในปี 2015 และ มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ฟอลล์เอาท์ ในปี 2018 เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมนักเขียน

ในภาพยนตร์เรื่อง ยุทธการดับจอมอหังการ์อินทรีเหล็ก ในปี 2008 และ ซูเปอร์นักรบดับทัพอสูร ในปี 2014 และ เดอะ มัมมี่ ในปี 2017 และ ท็อปกัน มาเวอริค ด้วย

ซึ่ง McQuarrie เกิดที่พรินซ์ตัน รัฐนิวเจอร์ซีย์ หลังจากจบการศึกษาจาก West Windsor Plainsboro High School South ในปี 1986 เขาทำงานเป็นผู้ช่วยที่ Christ Church Grammar School ในเมืองเพิร์ท รัฐเวสเทิร์นออสเตรเลีย

มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 7 ผู้กำกับ โดยนึกถึงในปี 2013 ว่า ฉันได้รับเสนอโปรแกรมชั่วคราว ฉันเลือกสถานที่ ออกจากหมวกและจบลงที่ Christ Church Grammar School ฉันอาศัยอยู่ที่โรงเรียนและทำงานที่โรงเรียนประจำ

แม้ว่าฉันจะทำงานน้อยมากก็ตาม หลังจากเก้าเดือนถูกไล่ออก ฉันโบกรถเป็นเวลาสามเดือน กลับมาบ้าน หกล้มไปประมาณหนึ่งเดือนแล้วเริ่มทำงานทันที หน่วยงานนักสืบแห่งนี้ เป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ได้รับการเชิดชู ฉันคิดว่าตลอดสี่ปีที่ฉันทำงานที่นั่น ฉันทำการสอบสวนหกครั้ง

มาต่อกันที่เรื่องราวของเรื่องนี้ Mission Impossible 7 ผู้กำกับ เป็นเรื่องราวในภาคนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ อีธาน ฮันต์ สายลับ IMF ที่ได้รับภารกิจใหม่ในการออกตามล่ากุญแจรูปกางเขนที่สามารถแยกออกได้เป็น 2 ชิ้นส่วน

เมื่อประกอบกันเข้า กุญแจนี้จะสามารถเข้าถึงและควบคุมสิ่งที่เรียกว่า เอนทิตี อาวุธปริศนาที่ใช้พลังของ AI แทรกซึมเข้าสู่ระบบดิจิทัลผ่านอินเทอร์เน็ตได้ทั่วทั้งโลก แถมยังมีความสามารถในการก่อวินาศกรรมระบบดิจิทัล

ด้วยการแทรกซึมเข้าไปในระบบเครือข่ายได้อย่างแนบเนียน แถมยังไม่มีใครที่ล่วงรู้แน่ชัดว่ามันคืออะไร หน้าตาเป็นแบบไหน ใครเป็นคนสร้าง สร้างขึ้นมาทำไม และตั้งอยู่ที่ไหนในโลก

มิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ล 7 ล่าพิกัดมรณะ แม้จะสร้างความหวั่นวิตกในระดับนานาชาติ แต่ แกเบรียล ที่แสดงโดย อีไซ โมราเลส เป็นอดีต IMF ที่มี ปารีส ที่แสดงโดย ปอม เคลม็องตีแยฟ เป็นนักสังหารสาวเป็นผู้ติดตาม รวมทั้งแม่ม่ายขาว ที่แสดงโดย วาเนสซา เคอร์บี ก็อยากได้กุญแจนี้ด้วยเช่นกัน

ฮันต์จึงต้องออกตามหา อิลซา ฟาวสต์ ที่แสดงโดย รีเบ็คกา เฟอร์กูสัน เป็นพันธมิตรเก่า และยังได้พบกับ ยูจีน คิตทริดจ์ ที่แสดงโดย เฮนรี เซอร์นีย์ เป็นอดีตหัวหน้า IMF คู่ปรับเก่า และ เกรซ เฮย์ลีย์ แอตเวลล์

เป็นสาวนักล้วงกระเป๋าปริศนา ฮันต์จึงต้องรวมพลเพื่อนเก่าและผู้ช่วยภารกิจอย่าง ลูเธอร์ สติกเคลล์ ที่แสดงโดย วิง เรมส์ และ เบนจี ดันน์ ที่แสดงโดย ไซมอน เพ็กก์ ได้ร่วมกันตามหากุญแจ และไขปริศนา เกี่ยวกับเอนทิตีให้ได้ โดยมีชะตากรรมของโลกเป็นเดิมพัน

แม้โดยรวมจะไม่ได้มีเนื้อหาต่อมาจากภาคก่อน ๆ สำหรับคนที่ไม่เคยดู Mission Impossible 7 เรื่องย่อ ภาคไหนมาก่อนเลย ก็ยังถือว่าดูได้แบบสนุกและรู้เรื่องนะครับ บทถือว่าฉลาดทีเดียว ในการออกแบบให้ภาคนี้เป็นการเล่าเรื่องการตามหากุญแจ

ในส่วนปริศนาของเอนทิตีจริง ๆ ก็ค่อยต๊ะเอาไว้ไปว่ากันตอน 2 ก็เลยทำให้ภาคนี้มีความสนุกแบบจบในตัวได้ แต่ถึงอย่างนั้น ด้วยความที่ภาคนี้มีตัวละครจากภาคเก่า ๆ ทั้งภาค ‘Rogue Nation ในปี 2015

และ Fallout ในปี 2018 ผู้เขียนเองก็คิดว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องดูภาคเหล่านี้มาก่อนเพื่อปูให้เข้าใจที่มาที่ไปของตัวละครเก่า ๆ ทั้งหมด รวมถึงตัวละครจากภาคเก่าที่ถูกอ้างชื่อ เพราะในหนังจะเล่าประเด็นความสัมพันธ์ของคนที่อยู่รายรอบตัวฮันต์อยู่มากพอสมควรอยู่

ในองค์ประกอบงานสร้างของหนังเรื่องนี้ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล เรื่องย่อ ยังต้องยกนิ้วให้เช่นเดิม ถึงทุกวันนี้หนังแอคชั่นจะมีเกลื่อนไปหมด แต่เสน่ห์ของเรื่องนี้รุ่นปัจจุบันยังไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะฉากแอคชั่นต่าง ๆ ที่ต้องบอกเลยว่าออกแบบ

และกลั่นกรองผ่านแนวคิดที่เจ๋งออกมาด้วยดี ถึงมันจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ แต่มันเร้าใจเร้าอารมณ์ของคนดูได้ดีเสมอ ๆ กลับกลายเป็นว่าสร้างด้านนี้ยังโดดเด่น ทำออกมาได้ตื่นเต้นดี ถึงเราจะแค่นั่งดูเฉย ๆ แต่กลับรู้สึกเหนื่อยหอบตาม ประหนึ่งว่าคาดิโอ้ตามไปด้วย

แน่นอนว่า งานสตันท์ในเรื่องนี้ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล 7 pantip ก็ยังต้องลุกขึ้นปรบมือให้จริง ๆ และนี่คือสุดยอดการแสดงที่ทุ่มเทสุด ๆ ของ ทอม ครูซ ที่กลายเป็นว่าเขาได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับหนังชุดนี้อีกแล้ว พอเรารู้ว่าเขาแสดงด้วยกันเอง

เมื่อได้ดูฉากนั้นอยู่ตรงหน้าจริง ๆ มันคืออาการขนลุกและตื่นตาอย่างอธิบายไม่ถูก นี่คือหนึ่งในนักแสดงที่กล้าเสี่ยงเพื่อผลงานและฉากที่ออกมาในหนังแค่เพียงนาทีเศษ

ทางทอม ครูซ ก็ยังคงเป็น อีธาน ฮันท์ เข้าสายเลือดไปแล้ว ปีนี้เขาจะอายุเข้าเลข 6 แล้วก็ตาม แต่เสน่ห์ของเขาในฐานะตัวพ่อหนังแอคชั่นก็ยังเฉิดฉายในหนังอยู่ดี

เขาก็คือถือหนังเรื่องเอาไว้ได้ในมือได้อย่างสบาย ๆ กับ มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล นักแสดง ทีมนักแสดงที่ดูเหมือนจะคล่องตัวไปกันเฟรนไชส์ด้วยดีแล้ว ทั้ง ไซมอน เพ็กก์ และ วิงก์ แรมส์ และ รีเบคก้า ฟูเกอร์สัน และ วาเนสซา เคอร์บี้

แต่สมาชิกใหม่ที่เข้ามาสมทบในภาคนี้ก็จัดจ้านไม่เบา เฮย์เลย์ แอตเวลล์ โอ้โห้เสน่ห์ของเธอเหลือร้ายบนจอมาก คนดูจะต้องเคลิ้มและหลงใหลในเธอไปตาม ๆ กัน การมาของบทนี้ค่อนข้างถูกที่ถูกเวลาอยู่ไม่น้อย

และเราน่าจะได้เห็นเธอเป็นส่วนหนึ่งในจักรวาลนี้อีกแน่ ๆ ขณะที่ ปอม เกลม็องตีแย็ฟ ที่เราไม่ค่อยได้เห็นเธอในเวอร์ชั่นปกติเท่าไหร่ เพราะภาพมันติดตามาจากหนังมาร์เวล แต่มาเรื่องนี้คือพูดน้อยต่อยหนัก ตัวเล็ก ๆ แต่บู๊ได้เต็มแข้งแหละ

ถ้าถามความคิดของฉันว่าเรื่องนี้เป็นอย่างไรสนุกหรือไม่นั้น สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้คงไม่ต้องเกริ่นนำอะไรกันมากมาย เพราะนี่คือผลงานฟอร์มยักษ์ที่แฟนๆ ทั่วโลกรอคอยกันมานานหลายปี ซึ่งส่วนตัวนั้นรู้สึกแอบผิดหวังเล็ก ๆ

อาจเป็นเพราะคาดหวังมากเกินไป เนื่องจากคะแนนที่ออกมานั้นสูงมากเลยเดินเข้าโรงไปด้วยความหวัง แต่ก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรมากนัก เพราะภาพรวมยังคงคุณภาพเดิมและดีงามเหมือนเคย เริ่มที่เรื่องของบทกันก่อน

ในส่วนของ Mission Impossible 7 สปอย บทนั้นถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อน ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้เข้าใจยากจนงง เนื่องจากหนังอธิบายค่อนข้างละเอียด ดังนั้น ทุกคนสามารถเข้าใจได้อย่างแน่นอน และบอกก่อนเลยว่าคนที่ดูภาคเก่าๆ

และมาไม่ครบก็สามารถดูและเข้าใจได้ เพราะในภาคนี้จะเป็นภารกิจใหม่ทั้งหมดไม่ได้ต่อมาจากภาคที่แล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าการดำเนินเรื่องแอบดูยืดๆ เกินจำเป็นไปบ้าง มีหลายจังหวะที่แอบเบื่อชวนง่วงอยู่เหมือนกัน

ถึงแม้ว่าจะบอกว่าบทดูยืดในหลายส่วน แต่ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น เพราะตัวหนัง Mission Impossible 7 ตัวละคร เขาตัดสลับฉากแอ็กชันมาแก้เบื่อให้เราตลอดทั้งเรื่อง ใส่ฉากแอ็กชันมาค่อนข้างเยอะและอิ่มเอมพอสมควร ติดแค่คิวบู๊ที่รู้สึกว่าดูธรรมดาไปหน่อย แต่ไม่ได้ถึงกับแย่นะครับ อาจเป็นเพราะเพิ่งดู หนังบู๊เพราะหมาถูกฆ่ามา 555 มาเมื่อต้นปีเลยแอบคาดหวังฉากสตันต์ที่ว้าว

และตื่นตาตื่นใจกว่านี้ และแน่นอนว่าก็มีหลายฉากเหมือนกันที่ชอบ เช่น ฉากไล่ล่าบนถนนที่กรุงโรมช่วงต้นเรื่อง และฉากท้ายเรื่องบนรถไฟ ยกให้เป็นฉากที่ชอบที่สุดในภาคนี้แล้ว ทว่าต้องบอกก่อนว่าที่ฉันเฉย ๆ

mission impossible 7 pantip ในกับฉากแอ็กชันอาจเป็นเพราะส่วนตัวไม่ได้เป็นแฟนตัวยงของแฟรนไชส์นี้ขนาดนั้นอยู่แล้ว คืองานแอ็กชันเขาก็ยังมาตรฐานเดิมของแฟรนไชส์ ซึ่งใครที่เป็นแฟนของแฟรนไชส์นี้น่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน ใครที่สายชอบดูหนังแอ็คชั่นที่มีความผสมไซไฟเข้าไปด้วย เรื่องนี้ก็ไม่ควรพลาดด้วยเลย