รีวิวNational Treasure Edge of History เพราะเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องเชื่อมต่อตัวละครบางส่วนกับเวอร์ชั่นหนัง 2 ภาคก่อน โดยเป็นกลุ่มตัวเอกวัยรุ่นใหม่ สไตล์ดูเด็กลง แต่ทันสมัยไฮเทคกว่ามากมาย
แล้วก็ยังคงกลิ่นอายอารมณ์การหาสมบัติในยุคใหม่แบบเดิมไว้ได้ครบถ้วน ซึ่งทางโปรดิวเซอร์ยังเป็น Jerry Bruckheimer คนเดิม แต่ด้วยความที่เป็นซีรีส์ สเกลงานสร้างจึงอาจจะจำกัดจำเขี่ยเรื่องงบจนทำให้หลาย ๆ อย่างบทพยายามเขียนให้ทีมตัวเอกต้องเจอกับอะไรที่ดูเว่อร์เกินตัว แต่กลับจบลงแบบง่าย ๆ เหมือนตัดจบ
โดยเฉพาะตอนจบสุดท้ายที่ทุกอย่างดูเบาแบบตัดจบง่ายเกินจนน่าผิดหวังพอสมควร แต่ถ้าใครเป็นแฟนเวอร์ชั่นหนังมาก่อนก็แนะนำว่าควรค่าแก่การดูค่ะ เพราะนี่ยังมีโอกาสจะเป็นซีรีส์ที่เชื่อมไปยังโครงการหนังภาค 3 ที่กำลังจะเกิดขึ้นจริงต่อไปด้วยค่ะ เรามาดูกันว่าซีรีย์เรื่องนี้จะสนุกเหมือนที่ใคร ๆ ก็ลือกันหรือไม่ สามารถดูหนังฟรีได้ที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวNational Treasure Edge of History ซีรีย์ แนวแอ็คชั่นผจญภัยหาสมบัติ
รีวิวNational Treasure Edge of History เป็นซีรีส์ Disney+
เรื่องนี้ รีวิวNational Treasure เป็นซีรีส์ Disney+ แนวแอ็คชั่นผจญภัยหาสมบัติ มีทั้งหมด10 ตอนจบ ซึ่งเรื่องนี้เป็นการสานต่อเชื่อมเรื่องราวจากภาพยนตร์ชุด National Treasure และภาคต่อ
โดยมีโปรดิวเซอร์คนสำคัญ Jerry Bruckheimer คนเดียวกัน เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่เก่งเรื่องแก้ปริศนาได้มาพบเจอกับร่องรอยของสมบัติแพนอเมริกันจากยุคอินคา มายา แอซเท็ก มารวมกัน พวกเขาจึงออกตามหาสมบัติที่เชื่อมโยงไปถึงความลับของพ่อแม่ที่ซ่อนไว้ในอดีต
ซึ่งภาพยนตร์ชุด National Treasure สร้างความประทับใจให้ผู้ชมจำนวนมาก ทำให้หลายคนเสียกายที่ภาพยพนตร์ไม่มีการสร้างภาคต่อออกมาเสียที จนมีการประกาศว่าจะส้รางซีรีส์ออกมา ห้ามพลาดที่จะชมเรื่องนี้ได้ที่ ดูNational Treasure Edge of History
ซึ่งจะดำเนินเรื่องโดยตัวละครชุดใหม่หมด เปลี่ยนมาเป็นหลุ่มวัยรุ่นที่ออกตามหาสมบัติแทน แต่เนื้อเรื่องขาดความเฉียบคม ตัวละครไร้เสน่ห์และไม่น่าจดจำ ออกมาเหมือนตัวละครวัยรุ่นทั่วๆ ไปในซีรีส์ธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น เรียกว่าเทียบบชั้นภาพยนตร์ต้นฉบับไมไ่ด้แม้แต่นิดเดียว
เรื่องนี้ รีวิวNational Treasure มีเรื่องราวเกี่ยวกับพวกเขาต้องคอยแก้ปริศนาบ้าๆ ที่จะไขได้ด้วยการล่าขุมสมบัตินี้ให้เจอ ซึ่งทางดิสนีย์พลัสได้ปล่อยตัวอย่างฉบับเต็มของซีรี่ย์นี้ออกมา ซึ่งที่ไม่เพียงจะพาเราไปไขปริศนาเพื่อล่าสมบัติ แต่สมบัติดังกล่าวยังจะเผยความลับว่าด้วยที่มาของเจส ลิเซ็ตต์ อเล็กซีส ตัวเอกของเรื่องด้วย
ซีรี่ส์จะเจาะไปที่ตัวละครใหม่ที่เป็นนักล่าสมบัติรุ่นเยาว์แทน นำแสดงโดยลิเซ็ตต์ อเล็กซีส ที่รับบทเป็นเจส เด็กสาวดรีมเมอร์เชื้อสายลาตินผู้ปราดเปรื่อง มีความรู้ มีไหวพริบในการแก้ไขปริศนา และเก่งเรื่องการสางคดีลึกลับ เธอจะออกตามหาคำตอบเกี่ยวกับครอบครัวของเธอ แล้วนำไปสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ของชีวิต
เพื่อเปิดเผยความจริงของอดีตและกอบกู้ขุมสมบัติของแพนอเมริกันที่หายสาบสูญไป เธอมีตัวช่วยเป็นเพื่อนๆ ที่ได้จอร์แดน รอดริเกซ และ ซูริ รี้ด และ แอนโตนิโอ ซิเพรียโน เจค ออสติน วอล์คเกอร์ และ ลินดอน สมิธ มารับบท
ซึ่งในตัวอย่างยังได้เผยให้เราเห็นด้วย ว่าซีรี่ส์ชุดนี้อยู่ในจักรวาลเดียวกับฉบับหนังที่นำแสดงโดยนิโคลัส เคจ จากการที่มีตัวละครของจัสติน บาร์ธา กับ ฮาร์วี ไคเทล อยู่ในนั้นด้วย ซีรี่ส์ยังมีแคทเธอรีน ซีต้า โจนส์ ร่วมรับบท
และมิรา แนร์ จะมารับหน้าที่กำกับตอนนำร่องครับ ซึ่งเขียนบทโดยริก มิวรากุย ผู้ที่รับหน้าที่อำนวยการสร้างซีรี่ส์ชุดนี้ด้วยกับเจอรี่ บรัคไฮเมอร์ และ จอห์น เทอร์เทิลท็อบ ผู้กำกับของฉบับหนัง และ มาเรน กับ คอร์แมค วิบเบอร์ลีย์ ผู้เขียนบทของฉบับหนังครับ มีกำหนดฉายตอนแรก 14 ธันวาคมนี้ ที่ผ่านมานี้เอง ติดตามการีวิวของเราได้ที่ รวมรีวิวหนัง
เรื่องราวของเรื่องนี้เป็นยังไง
เรามาเริ่มกันที่เรื่องราวของเรื่องนี้ National Treasure Edge of History Disney+กันเลยดีกว่านะ อย่างแรกก่อนที่จะเริ่มเรื่องราวมาเริ่มกันที่รนักแสดงก่อน ซีรีส์นี้นำแสดงโดย Lisette Olivera นักแสดงหน้าใหม่มารับบท Jess Valenzuela นางเอกของเรื่อง โดยมี Catherine Zeta Jones รับบทเป็น Billie Pearce ตัวร้ายหลักที่ตามหาสมบัติชิ้นเดียวกัน
และยังมี Justin Bartha กลับมารับบทบาทเดิม Riley Poole คู่หูพระเอกเวอร์ชั่นก่อนที่กลายมาเป็นนักเขียน และยังมีบทของ FBI Sadusky ได้นักแสดง Harvey Keitel กลับมารับบทเดิมปรากฏตัวในตอนแรก
เพราะอย่างนี้จึงเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องต่อเนื่องจากเวอร์ชั่นหนังที่กำลังเตรียมงานสร้างภาค 3 กันอยู่ และมีแว่วๆ ว่านิโคลัสเคจจะกลับมาเล่นด้วย ผู้ชมที่เป็นแฟนหนังชุดก่อน 2 ภาคจึงไม่ควรพลาดการรับชมเรื่องนี้ จากการวางโครงเรื่องราวแบบขยายจักรวาลหนังมาซีรีส์เหมือนมาร์เวล ซึ่งเรื่องนี้ก็อยู่ในอนาจักรของดิสนีย์ด้วยจึงน่าจะเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ถึงแม้ว่าหนังจะออกแนวในปี 2004 กับ 2007 ก็ยังไม่ถือว่าเชยอะไร ฉันเองก็พึ่งมาดูเหมือนกันหลังจากพลาดไม่ดูมาตั้งนาน จุดเด่นของเรื่องคือเป็นการหาสมบัติในโลกยุคใหม่ ต่างจากพวกอินเดียน่าโจนส์ คือเบาะแสร่องรอยต่าง ๆ จะซ่อนอยู่ในโลกปัจจุบันทั่วไปตามที่ต่าง ๆ สาธารณะหรือที่ปิด
ซึ่งทำให้เรื่องราวสามารถกระโจนไปยังที่ต่าง ๆ ทั้งในอเมริกาและนอกอเมริกาได้ง่าย ๆ แต่ตัวสมบัติและกลไกต่าง ๆ จะไม่หวือหวาเว่อร์ ๆ แบบอินเดียน่าโจนส์ คือแทบไม่มีเรื่องเหนือธรรมชาติมาเกี่ยวข้องสักนิด แต่ก็ยังมีความน่าประหลาดใจอยู่
ถ้าหากพูดถึงโครงสร้างของต้นฉบับก็ถูกถ่ายทอดมาใน ซีรีส์ National Treasure Edge of History ได้อารมณ์แบบเดียวกัน โดยในเรื่องนี้เป็นการหาสมบัติที่ 3 อารยธรรมรวมตัวกันซุกซ่อนไว้ แล้วเป็นเรื่องเล่าตำนานที่ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นจริง
โดยมีตัวเอกเจสที่ได้รับมรดกสร้อยห้อยคอสัญลักษณ์ของผู้ปกป้องสมบัติมาเป็นตัวเดินเรื่อง และก็ผจญภัยไปในทั่วอเมริกาไปจนถึงเม็กซิโก มีร่องรอยของปริศนาตามที่ต่างๆ สมัยใหม่เกี่ยวข้องกับคนสำคัญของอเมริกาเหมือนเดิม อย่างเอลวิส อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ
ซึ่งตัวเรื่องก็ผูกโยงร้อยเรื่องราวโดยอิงข้อมูลจริงผสมลงไปแล้วแต่งเติมเพิ่มสีสันให้สอดคล้อง ดูเป็นทฤษฎีสมคบคิดว่าคนดังเหล่านี้เกี่ยวข้องได้ยังไง ซึ่งตัวเรื่องผูกร้อยเรื่องราวพวกนี้ได้ดีไม่แพ้เวอร์ชั่นหนังเลย เรียกว่าใครที่ชอบเรื่องนี้มาก่อนก็ต้องชอบเรื่องนี้ได้ไม่ยากแน่นอน โดยเฉพาะการอิงกับเรื่องราวเก่า การปรากฎตัวของตัวละครชุดเก่า ที่มาร่วมกับกลุ่มตัวละครใหม่ไขปริศนาในบางตอนสั้น ๆ ด้วย
ตัวพระเอกของเรื่องนี้มีความแปลกใหม่
นอกจากนี้โครงสร้างการช่วยกันไขปริศนาแบบหนังทั่วไปแล้ว ที่จะเห็นว่าตัวพระเอกของเรื่องนี้ National Treasure Edge of History เรื่องย่อ มีความแปลกใหม่ที่แตกต่างก็คือ ตัวพระเอกไม่ได้เก่งหรือรู้ไปหมด ส่วนใหญ่พระเอกในหนังอื่น ๆ จะมีความเก่งเกินต้านแต่เรื่องนี้ไม่เลย และลูกทีมคนที่ตามมาด้วยก็มีส่วนช่วยแก้ปริศนาได้หลายอย่าง
ในซีรีส์ก็ยังคงเรื่องราวการร่วมกันแบบนี้ไว้ โดยให้เจสเป็นตัวเอกหลักมีความเชี่ยวชาญการกลไกปริศนาต่างๆ กับประวัติศาสตร์ มีเพื่อนเป็นสาวผิวดำที่เก่งคอมพิวเตอร์คอยช่วยเปิดทาง แฮ็กระบบ ติดตามร่องรอยต่าง ๆ มีความไฮเทคใช้เทคโนโลยีทันสมัยต่าง ๆ เข้ามาช่วยมากกว่าสมัยก่อนที่ยังไม่มีมือถือ
และเพื่อนคนที่เหลือก็มีความสามารถเสริมสองคนนี้เป็นทีมสนับสนุนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวต่างกัน และขาดใครไม่ได้เลย ซึ่งบางครั้งภารกิจก็ระดับน้อง ๆ มิชชั่นอิมพอสซิเบิลเลยทีเดียว อย่างการเข้าไปโจรกรรมของในพิพิธภัณฑ์ การแหกคุก แม้ตัวละครทั้งหมดจะเป็นแค่นักศึกษาก็ตาม แต่ตัวเรื่องก็ผลักดันพวกเขาให้เป็นทีมที่มีความสามารถเกินหน้าผู้ใหญ่ ระดับเดียวกับเวอร์ชั่นหนังเลย ซึ่งอาจจะดูเว่อร์นิด ๆ แต่ตัวเรื่องก็ใส่เหตุผลกับตัวช่วยมาให้คนดูยอมรับได้ และเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น
และตัวเรื่องยังมีการเพิ่มเส้นเรื่องตัวละคร FBI ที่เวอร์ชั่นหนังอาจจะเป็น แค่บทคนไล่ล่าแบบจาง ๆ ออกไม่กี่ฉากเพราะหนังมีเวลาแค่ชั่วโมงกว่า แต่พอเป็นซีรีส์ตัวละครนี้จึงเป็นบทยาวแบบเต็ม ๆ เนื้อเรื่องจัดเต็ม มีแค่บางตอนที่น่าเบื่อไปบางนิดหน่อย มีเรื่องราวของตัวเองชัดเจน
โดยเป็น FBI สาวมือหนึ่งที่เคยทำงานผิดพลาด แล้วต้องมาตามไล่จับกลุ่มของเจสที่ถูกใส่ร้ายว่าเป็นฆาตกร แต่เธอไม่เชื่อว่าพวกนี้กระทำจริง และพยายามค้นหาว่าทำไมพวกเขาถึงเข้าไปเกี่ยวพันกับคดีต่างๆ โดยบังเอิญ ซึ่งเธอเป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญตั้งแต่ต้นจนจบ เป็นบทที่ฉลาดไม่ใช่บท FBI โง่ ๆ โดนหลอกได้ง่าย ๆ แบบก่อนเลย อันนี้ฉันรู้สึกขัดใจนิดหน่อย 555
และด้วยความที่ซีรีส์ เจาะกลุ่มวัยรุ่นซะส่วนใหญ่ จึงขาดไม่ได้ที่จะมีเรื่องรัก ๆ มาเกี่ยวข้อง ซึ่งตัวเรื่องก็ผูกบทให้คนในทีมมีปิ๊งจับคู่กันแบบแรก ๆ ไม่ได้คิดรักกัน แต่ผ่านการผจญภัยเฉียดตายมาจึงค่อย ๆ เผยความในใจ และก็มีเรื่องรัก 3 เส้าของเจสกับหนุ่ม 2 ตัวเอกสองคน
ซึ่งตัวเรื่องก็หยอดความสัมพันธ์ให้คนหนึ่งเป็นคนที่เธอเติบโตมาด้วย และคอยช่วยเหลือรับหน้าแทนเธอตลอด เพราะสถานะที่เธอยังเป็นผู้อพยพเข้ามายังไม่ได้เป็นพลเมืองอเมริกันเต็มตัว ส่วนอีกคนเป็นหลานของซาดัสกี้ที่เข้ามาเกี่ยวข้องภายหลังจากปู่ของเขาตาย และต้องการพิสูจน์การตายของปู่ว่าเกี่ยวข้องกับสมบัติที่เจสกำลังตามหา ซึ่งตัวเรื่องมีช่วงสลับให้น้ำหนักของสองคนนี้กลับไปมาว่าเจสจะเลือกใคร ยังไงเรื่องนี้ก็มีความมีลุ้นเบา ๆ ตลอดเรื่องค่ะ
เรื่องนี้เป็นผลงานของผู้สร้างสองคน
ในซีรีส์นี้เราจะเห็นว่า มันได้เวลาแล้วที่จะต้องอัปเดตแฟรนไชส์ National Treasure ให้เป็นปัจจุบัน ผู้สร้างทั้งสอง Cormac และ Marianne Wibberley จึงทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยการสร้างตัวละครอย่าง Jess ที่เป็นสาวรุ่นใหม่ช่างฝัน และเป็นผู้ที่รู้ลึกรู้จริงถึงสมบัติของชาติในประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมืองในอเมริกาอย่างถ่องแท้
ทางทีมงานผู้สร้างในฐานะที่เป็นผู้เขียนบทซีรีย์เรื่อง National Treasure ทั้งสองภาค การทำความเข้าใจในโทนของหนังจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขา หนึ่งในความสำคัญของการอัปเดตซีรีส์นี้ ผู้สร้างได้เลือกตัวละครเอกอย่าง Jess ให้เป็นชาวละตินเพื่อเป็นศูนย์กลางของเรื่องราว
ซึ่งทำให้ฉันเห็นว่าเรื่องนี้ national treasure edge of history pantip พยายามสื่อสารให้เราเห็นในมุมมองเกี่ยวกับประวัติศาสตร์อเมริกาเป็นอย่างดีเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับธีมที่เกี่ยวข้องกับมรดกและการอนุรักษ์วัฒนธรรมนั่นเอง นักแสดงหน้าใหม่อย่าง Lisette Olivera ถ้าดูจากตามข้อมูลใน TMBD แล้ว เรื่องนี้เป็นเพียงการแสดงเรื่องที่สองของเธอเท่านั้น นี่จึงถือว่าเป็นการสร้างยุคใหม่อย่างแท้จริงของแฟรนไชส์นี้
และซีรีย์แอ็กชันผจญล่าขุมทรัพย์ของผู้กำกับ จอห์น เทอร์เทิลท็อบ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการกวาดรายได้ไปอย่างมหาศาลถึง 347.5 ล้านเหรียญทั่วโลก จนได้มีการสร้างภาคต่อในชื่อ National Treasure Book of Secrets ในปี 2007 ซึ่งถึงแม้ว่าความสดใหม่จะลดลงแต่ยังคงดีกรีความสนุก ซึ่งทำให้ประสบความสำเร็จด้วยรายได้ 459.2 ล้านเหรียญทั่วโลก และแฟน ๆ ก็ยังคงเฝ้ารอภาคที่ 3 มานานถึง 15 ปี
อย่างไรก็ดี คำวิจารณ์ของซีรีส์ National Treasure Edge of History ที่เพิ่งฉายไปบน Disney+ นั้น ยังดูไม่คอยดีนัก ก็ทำให้ Disney จับตามองอย่างใกล้ชิดว่าจะพัฒนา National Treasure 3 ไปในทิศทางใด รวมถึงประเมินสถานการณ์ว่าควรจะนำไปฉายในโรงภาพยนตร์หรือไม่ด้วยเช่นกัน อันนี้ฉันไม่รู้
รีวิวNational Treasure Edge of History มีการปรับแต่งภาพลักษณ์ของเรื่องนี้
เราจะเห็นได้ว่าการแคสต์นักแสดงของ Wibberley มีการปรับแต่งภาพลักษณ์และโทนของรายการให้เหมาะกับกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่ ตัวละครที่ประกอบไปด้วย เพื่อนร่วมห้องของ Jess อย่าง Tasha รับบทโดย Zuri Reed แฟนที่เคยเพื่อนของ Tasha อย่าง Oren รับบทโดย Antonio Cipriano และสมาชิกในกลุ่มอีกคนอย่าง Ethan รับบทโดย Jordan Rodrigues
และแต่ที่แน่นอนว่าซีรีส์นี้ไม่ได้มาเพื่อทำลายประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์ National Treasure และในรายละเอียดของเรื่องราวก็เหมือนจะลบคำสบประหม่าต่อผู้ที่เคยมีความคิดด้านลบต่อหนังวัยรุ่นของ Disney เกี่ยวกับวิธีคิดของคนรุ่นใหม่ในภาพยนตร์ national treasure edge of history พากย์ไทย
เนื่องจาก Jess และเดอะแก๊งของเธอมีวิธีคิดที่ก้าวหน้าทางการเมืองและมีส่วนร่วมกับความยุติธรรมทางสังคมอย่างมาก นั่นจึงทำให้หลายคนต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง เรื่องนี้มีความแฝงความรู้สึกให้ผู้่ชมไปตามดูเรื่องราวที่เกี่ยวกันในเรื่องอื่น ๆ ได้ดี
ถ้าถามเอาความรู้สึกส่วนตัวของฉันจริง ๆ ก็คือ ฉันไม่แน่ใจว่าใครเป็นกลุ่มเป้าหมายของเรื่องนี้กันแน่ กลุ่มวัยรุ่น หรือกลุ่มที่คอยติดตามผลงานของDisney+ หรือทุก ๆ คน เลย แต่พวกเขาเอาทุกอย่างที่สนุกสนานเกี่ยวกับซีรีย์ออกไปนอกความคิดที่เก่า ๆ ให้เราได้เห็นความที่ใหม่ ๆ
และการแสดงนี้ไม่เพียงแต่ขาดเสน่ห์ของซีรีย์เท่านั้น แต่มันไม่สมเหตุสมผลเลยและดูเหมือนว่าพวกเขา จะเขียนขึ้นเพื่อเด็ก ๆ ให้ซีรีย์ได้ใช้เรื่องราวของประวัติศาสตร์ เพื่ออธิบายสิ่งประดิษฐ์ และเงื่อนงำยังไงบอกไม่ถูก แต่เรื่องนี้สามารถทำให้ผู้ชมทุกคนทุกเพศทุกวัยสามารถเพลิดเพลินได้ แต่การแสดงนี้กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง มันทำแบบงี่เง่าและไร้เดียงสาจนไม่รู้สึกห่างไกลจากสิ่งที่หนังเป็นอยู่อีกต่อไป
ซีรีย์เรื่องนี้ก็ยังคงมีความสนุกสนาน
แต่ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าเรื่องนี้ national treasure edge of history สนุกไหม จะมีความผิดพลาดอยู่บ้าง แต่ซีรีย์เรื่องนี้สนุกมาก แม้แต่ตัวร้ายก็ยังกัดกินทิวทัศน์เพื่อความสุขของเรา ในขณะที่เร่งค้นหาเบาะแสและประกอบเข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบเพื่อไขปริศนา ที่นี่เราได้พ่อนักล่าสมบัติที่รู้โดยอัตโนมัติว่าปุ่มอยู่ที่ไหน และสามารถต่อสู้กับลูกน้อง และหลบหนีอย่างอธิบายไม่ได้ เพียงเพื่อเป็นอันตรายต่อภรรยาและลูกของเขา
ซึ่งจะต้องถูกจับได้อย่างแน่นอนและต้องจ่ายสำหรับการทรยศของเขา จากนั้นเราก็มีเจ้าหน้าที่เอฟบีไอจำนวนมหาศาล แม้ว่าในบางทีพวกเขาอาจกลายเป็นตัวร้ายที่สวมรอยเป็นตัวแทน แต่ในกรณีนี้พฤติกรรมแปลกประหลาดของพวกเขาน่าจะทำให้ตัวละครหลักไม่สามารถทำอะไรผิดได้
เรื่องนี้สามารถเชื่อมต่อตัวละครจากเวอร์ชั่นหนังทั้ง 2 ภาค ได้ดี และยังคงกลิ่นอายอารมณ์การหาสมบัติในยุคใหม่แบบเดิมไว้ได้อยู่ มีความเติมสีสันให้กับเรื่องด้วยการมีเครื่องมือไฮเทคขึ้นตามยุคสมัย และผสมเรื่องรักวัยรุ่นลงไปได้กำลังดีเลยทีเดียว นางเอกแม็กซิกันดูดีมีเสน่ห์มากถือเป็นตัวเอกของเรื่องนี้เพราะทำให้เรื่องนี้ดูน่าดูขึ้นไปอีก และพาร์ท FBI มีเรื่องราวเป็นของตัวเอง สุดท้ายเรื่องนี้มีพากย์ไทย
ฉันขอพูดถึงจุดด้อยของเรื่องนี้หลัก ๆ ก็คงเป็นเรื่องการเป็นซีรีส์ที่ทุนไม่สูงมากพอจะทำอะไรหลายๆ อย่างได้แบบหนังใหญ่ หลายครั้งบทเขียนให้เจอฉากวิกฤติหนักๆ แต่กลับให้ทางออกง่ายๆ เพื่อที่จะไม่ต้องมาทุ่มทุนสร้างมาก
ซึ่งตอนสุดท้าย ในตอน 10 จะกลายเป็นตอนที่ดรอปเรื่องนี้สุด เพราะหลายอย่างที่ปูมาทั้งเรื่องกลับมาตัดจบง่ายๆ ทั้งสมบัติที่ซ่อนอยู่ ตัวร้าย หรือแม้แต่เรื่องความรักของเจสก็ตัดบทให้จบง่าย ๆ ไปเลย ซึ่งเป็นการหาทางลงของเรื่องแบบน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ตลอดเรื่องมีบทที่ทำอะไรหลายอย่างได้ดีกว่านี้นะ
และตัวเรื่องจบแบบสมบูรณ์ในเรื่องราวการหาสมบัติแพนอเมริกัน ก่อนทิ้งท้ายเปิดเรื่องไว้ว่ามีทำต่อซีซั่น 2 ได้อีก ซึ่งผู้ชมที่ชอบหนังมาก่อนยังไงก็ไม่ควรพลาดดูซีรีส์ชุดนี้จริง ๆ แม้ว่าทุกอย่างจะเป็นสเกลที่เล็กลงกว่าหนังในระดับหนึ่งก็ตามค่ะ