วันนี้ฉันมีซีรีย์ฝรั่งมา รีวิวThe School for Good and Evil ให้ทุกคนไปตามดูกัน เรื่องนี้จะเป็นซีรีย์ที่ออกแนวการต่อสู้กันในโลกของแฟนตาซีที่มีทั้งความดีทั้ง ความชั่ว เรียกได้ว่าเป็นหนัง Original ของ Netflix อีกเรื่องที่มาวินติดอันดับ 1 ใน Top 10 ได้อย่างคาดไม่ถึง สำหรับเรื่อง หรือในชื่อไทย โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว หนังแนวเทพนิยายแฟนตาซีสายเวทมนตร์ที่ตอนนี้ถือว่ามากระแสมาแรงมาก ๆ
เพราะนอกจากจะขึ้นแท่นอันดับ 1 ของอันดับ Top 10 ใน Netflix ไทยแล้ว ล่าสุดตอนนี้ขึ้นไปติดอันดับยอดผู้ชมสูงสุดของ Netflix ทั่วโลกกว่า 89 ประเทศแล้วด้วย ซึ่งทางตัวหนังเองก็ได้ถูกดัดแปลงมาจากซีรีส์หนังสือนิยายแฟนตาซีวัยรุ่น 6 เล่ม ในชื่อเดียวกัน ผลงานการประพันธ์ของ โซมาน ไชนานี
โดยหนังเรื่องนี้ ดัดแปลงจากหนังสือเล่มแรกของชุดที่ตีพิมพ์ ในปี 2013 ตัวหนังสือขายดีทั่วโลกมากกว่า 2,500,000 เล่ม จึงได้ถูกแปลถึง 30 ภาษา แต่แปลกที่ยังไม่มีฉบับแปลภาษาไทย ก็แอบน้อยใจนิด ๆ ที่เมินประเทศไทยเรา แต่ฮิตขนาดนี้ฉันคิดว่าเดี๋ยวคงต้องมีการแปลภาษาไทยแน่นอน เรามาคอยดูกันว่าเรื่องนี้มันดียังไงทำไมถึงติดอันดับแรก ๆ เลย สามารถเข้ารับชมหนังสนุก ๆ ได้ที่ ดูหนังออนไลน์
รีวิวThe School for Good and Evil ถูกสร้างจากหนังสือเทพนิยายหลายเล่ม
รีวิวโรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ฉันคิดว่าหนังสือเล่มนี้เคยเกือบจะเป็นซีรีส์มาแล้วด้วย เพราะว่าตั้งแต่ปี 2013 ค่ายยูนิเวอร์แซล พิกเจอร์ส Universal Pictures ซึ่งทางนี้เคยซื้อลิขสิทธิ์หนังสือ เพื่อจะวางแผนสร้างเป็นซีรีส์มาตั้งนาน เล็งตัวโปรดิวเซอร์และทีมเขียนบทดัดแปลงเอาไว้แล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มีความคืบหน้า จนทาง Netflix มารับช่วงต่อเอาไปทำหนัง โดยได้ พอล เฟก Paul Feig นักแสดง นักเขียนบท โปรดิวเซอร์
และผู้กำกับจาก Bridesmaids 2011 และ Spy ในปี 2015 และ Ghostbuster ในปี 2016 ฉบับรีบูต และ Last Christmas ในปี 2019 ได้มารับหน้าที่ทั้งกำกับ เป็นโปรดิวเซอร์ และเขียนบทร่วม โดยมีไชนานี เจ้าของบทประพันธ์ต้นฉบับมารับหน้าที่ทั้ง Excutive Producer และเป็นที่ปรึกษาด้านบทอีกให้อีกต่างหาก และถ้าเราสังเกตดี ๆ เจ้าตัวแอบไปโผล่รับบทในหนังด้วยนะ ซึ่งมันเป็นอะไที่เซอร์ไพร์มาก
เรามาเริ่มกันที่เรื่องราวของ The School for Good and Evil ว่าด้วยเรื่องราวของสองสาวเพื่อนซี้แปลกแยก ที่อีกคนมีความคิดที่จะอยากเป็นเจ้าหญิง ส่วนอีกคนมีความคิดที่อยากเป็นคนธรรมดา แห่งเมืองกาลวาดอน Galvadon พวกเธอมีชื่อว่า โซฟี Sophia Anne Caruso สาวน้อยผู้อยากออกจากชีวิตจำเจเพื่อไปเป็นเจ้าหญิง และ อกาธา Sofia Wylie เด็กสาวมืดหม่นที่โดนตราหน้าว่าเป็นแม่มด
The School for Good and Evil ในวันหนึ่งโซฟีล่วงรู้เกี่ยวกับตำนานโลกแฟนตาซีที่เป็นโรงเรียนเวทมนตร์ในฝัน ผ่านหนังสือเล่มหนึ่งว่า มีโรงเรียนที่ขนานนามว่าเป็น โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ที่คอยสั่งสอนปลุกปั้นตัวละครในนิยาย
ตัวโรงเรียนแบ่งออกเป็นสองฝั่งได้แก่โรงเรียนฝ่ายดีที่คอยสอนการเป็นเจ้าชาย เจ้าหญิง ส่วนโรงเรียนฝ่ายชั่ว คอยสอนเกี่ยวกับการเป็นปีศาจ พ่อมดแม่มด โวฟีจึงพยายามทำทุกทางที่จะส่งจดหมายไปทางโรงเรียนนี้เพื่อส่งคนมารับเธอให้ได้ ห้ามทพลาดที่จะติดตามการรีวิวหนังแบบจัดหนักจัดเต็ม ได้ที่ รีวิวหนังดัง
แต่อกาธาไม่อยากให้เธอไป ซึ่งก่อนหน้าที่โซฟีจะรู้เรื่องนี้พวกเธอได้ทำสัญญากันไว้ว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไป ไม่มีวันทิ้งกัน ในตัวโซฟีเองได้แอบส่งจดหมายไปทางโรงเรียนเพราะคิดว่ายังไงอกาธาไม่มีวันให้เธอไปแน่นอน แต่แล้วในคืนพระจันทร์สีแดง มาถึงโซฟีได้เข้าไปรอในป่าเพื่อรอทางโรงเรียนส่งคนมารับ แต่อกาธาจับโกหกเธอได้จึงตามไป แล้วเธอทั้งคู่ก็ถูกพาเข้าไปอยู่ในโรงเรียน ด้วยนกแปลกประหลาดตัวใหญ่น่ากลัว
พอไปถึงกับกลายเป็นว่า โซฟีดันไปตกที่ฝั่งโรงเรียนแห่งความชั่ว ส่วนอกาธาดันไปตกที่หน้าโรงเรียนแห่งความดี ทั้งคู่จึงต้องเอาตัวรอดในโรงเรียนและเพื่อนรอบข้างที่ตัวเธอเองไม่ได้เลือก และคิดว่าไม่มีวันเข้ากับที่นี้ได้ รวมทั้งเหล่าคณาจารย์ ทั้งอาจารย์ใหญ่ Laurence Fishburne เลดีเลสโซ Charlize Theron หัวหน้าอาจารย์ฝ่ายโรงเรียนความชั่ว
และศาสตราจารย์โดวีย์ Kerry Washington หัวหน้าอาจารย์ฝ่ายโรงเรียนความดี ศาสตราจารย์เอ็มมา อเนโมนี Michelle Yeoh อาจารย์ด้านความสวยความงาม แต่สุดท้ายพวกเธอก็สามารถปรับเข้ากับโรงเรียนนี้ได้และฝั่งที่เธอเองไม่ได้เลือก ด้วยความที่พวกเธอทั้งสองพยายามหาทางออกไปจากที่นี้
จึงทำทุกอย่าง เช่นการพยายามมีจูบแรกของโซฟี หนุ่มชายหล่อเหลา ฝั่งโรงเรียนแห่งความดี จึงให้อกาธาพยายามนัดให้มาพบกัน พวกเธอต้องเผชิญกับเพื่อนที่เข้าด้วยกันยากและแถมยังต้องเผชิญกับตำนานและคำสาปร้ายของ ราฟาล Kit Young บุรุษลึกลับที่เกี่ยวพันกับตำนานการสร้างโรงเรียนนี้ขึ้นอีกต่างหาก ถ้าสนใจที่รับชมเรื่องสามารถรับได้ที่ ดูThe School for Good and Evil
ฉากไหนบ้างที่น่าสนใจ
ซึ่งแน่นอนว่า ความสนใจแรกคงหนีไม่พ้นการได้นักแสดงระดับท็อปมาร่วมงานกัน แบบคับคั่งนะ แถมยังมี เคต แบลนเชตต์ Cate Blanchett มารับหน้าที่ผู้เล่าเรื่อง The Storian หรือคุณปากกาขนนกที่คอยเขียนเรื่องราว โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว ในโลกของนิยายนั่นเอง อีกความน่าสนใจก็น่าจะเป็นส่วนผสมของตัวเนื้อเรื่องที่ค่อนข้างชัดเจน
แหละว่าได้แรงบันดาลใจจาก แฮร์รี พอตเตอร์ Harry Potter มันมีบางฉากที่คล้าย ๆ อยู่ และหนังแนวเวทมนตร์ทั้งหลายแหล่ ผสานเรื่องราวแนวเทพนิยาย Fairy Tales แฟนตาซีแนวกอธิก Gothic ที่มีเจ้าชาย เจ้าหญิง ปีศาจ ภูติ โน่นนั่นนี่ รวมทั้งแนวคิดโลกคู่ขนาน และ Vibe เนื้อเรื่องแนวหนังดราม่าวัยรุ่น High School จริตเพื่อนสาวเข้ามาแจมด้วย
การผสมผสานระหว่างเทพนิยายกับไฮสคูล
โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว สปอย ซึ่งก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเข้าสูตรสำเร็จของหนัง High School อย่างแท้จริง ที่ครอบด้วยหนังแฟนตาซี ที่นอกจากจะเต็มไปด้วยการดำเนินเรื่องของตัวละครหลายตัวที่เบาหวิวและแบนราบตามสูตรเทพนิยายแล้ว หลายครั้งเราก็ได้เห็นตัวละครที่อยู่ดี ๆ ก็ทำพฤติกรรมแบบง่าย ๆ รวบ ๆ ขึ้นมาส้ะอย่างนั้น
และหลายครั้งก็ไม่มีตรรกะอะไรเอาเสียด้วย และหลายครั้งบางตัวละครก็ขาด ๆ ล้น ๆ น่ารำคาญมาก บางตัวละครบทจะดีก็ดีใจหาย แต่พอร้ายก็ดันร้ายไม่สุดอีก ซึ่งมันทำให้ฉันรู้หงุดหงิดขึ้นมาหน่อย ๆ ทั้งหมดนี้นำพาไปสู่บทสรุปที่ไม่ต้องนึกนานว่า ยังไงซะความดีก็ชนะความชั่ว อยู่แล้ว คนดีก็ชนะคนชั่วได้อยู่วันยันค่ำ จะชั่วยังไงให้มากที่สุด
สุดท้ายก็แพ้ แถมตัวละครตัวร้ายก็ตายง่ายไม่สมกับตำนานที่อุตส่าห์บูทความรู้สึกกับผู้ดูไว้แต่แรกอีก แม้ว่าตอนจบของหนังเองจะพยายามมีจุดหักมุมเพื่อนำเข้าบทสรุปสวย ๆ เกี่ยวกับมิตรภาพและรักแท้ แต่สุดท้ายก็จบแบบที่ก็เดา ๆ ได้นั่นแหละ ชวนสับสนไปอีกว่าตกลงพวกเธออะไรยังไงกันแน่เนี่ย
ถึงแม้ว่า The School for Good and Evil สปอย จะเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จเดิม ๆ ของหนังแฟนตาซีอะไรทำนองนี้ หนังอาจจะมีความหม่นในแบบ Harry Potter แต่หนังไม่ได้นำเสนอให้รู้สึกทะมึนออกมาเช่นนั้น เพราะหนังก็มีความคอนทราสในตัวเองอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เส้นเรื่องและโครงเรื่องค่อนข้างจะเพ้อฝันและเกินจริง แต่โดยภาพรวมนั้นก็ถือว่ายังประครองให้หนังเพลินได้อยู่
อีกทั้งไฮไลต์ที่ช่วยยกระดับตัวหนังให้ได้มาก ๆ ก็คือทีมนักแสดง ที่น่าแปลกใจไม่น้อยที่หนังเรื่องนี้ได้ดาราเบอร์ใหญ่หลาย ๆ คนตบเท้าเข้าร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็น “ชาร์ลิซ เทอรอน”, “เคอรี่ วอชิงตัน และ ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น หรือ มิเชลล์ โหย่ว ต่างเป็นซุปตาร์ที่มาเพื่อเล่นเบอร์ใหญ่ แต่ยังไม่ได้เกินเบอร์ มอบการแสดงที่ใหญ่กว่าปกติของตัวเองสักหน่อย แต่มันกลายเป็นสีสันของเรื่องไป
และนั่นก็เป็นสิ่งที่ช่วยพยุง 2 นักแสดงสาวดาวรุ่ง โซเฟีย วายลี่ กับ โซเฟีย แอนน์ คารุโซ่ ที่พวกเขายังค่อนข้างใหม่กับวงการหนังและหน้าใหม่อยู่ไม่น้อย แต่พวกเธอก็สามารถเปล่งประกายเฉิดฉายในหนังเรื่องนี้ด้วยการจับคู่เข้าขากันในหนังเรื่องนี้ แม้ว่าการแสดงของพวกเธออาจจะไม่ใช่ระดับมาสเตอร์พีช แต่ก็นับว่าเป็นการเบิกทางเข้าสู่วงการได้อย่างน่าพอใจอย่างมาก
เรื่องนี้รวมเหล่านักแสดงเบอร์ใหญ่
โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว นักแสดง ส่วนเหล่านักแสดงเบอร์ใหญ่ที่ขนกันมาเป็นนักแสดงสมทบทั้ง ลอว์เรนซ์ ฟิชเบิร์น Laurence Fishburne และ ชาร์ลิซ เธอรอน Charlize Theron และ เคอร์รี วอชิงตัน Kerry Washington และ มิเชล โหย่ว Michelle Yeoh ก็ต้องเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงสมทบจริง ๆ ใครที่หวังว่าพลังของดาราระดับแม่เหล็กแบบว่า
หนังเรื่องนี้มีทั้งฟิวริโอซา มีทั้งมอร์เฟียส มีทั้งซือเจ๊ มีทั้งสัตว์แปลกในตำนาน อาจจะถูกช็อตฟีลเยอะหน่อย คือหลาย ๆ คนก็แสดงดีตามมาตรฐานดาราแม่เหล็กนั่นแหละ แต่ก็เรียกได้ว่าเป็นบทสมทบจริง ๆ แทบจะไม่มีใครหรือช็อตไหนที่เป็น MVP ขนาดนั้น
แต่ยังไงก็ตามสน่ห์ของหนังเรื่องนี้มีอยู่หลายองค์ประกอบมาก ไม่ว่าจะเป็นการหยิบประเด็นความดี ความชั่วจับมาคอนทราสกันในรูปแบบโรงเรียนสอนเวทย์ อีกทั้งยังหยิบเอาความสัมพันธ์ระหว่างมิตรภาพสองขั้วมาผสมโรงกันได้อย่างมีจังหวะ ซ้ำยังมีการโยงเรื่องราวเทพนิยายที่คุ้นเคยมาประดับใส่เป็นอรรถรสและสีสันให้โครงเรื่องได้อย่างเพลิดเพลิน
นี่คือการหันมาหยิบจับสร้างหนังแฟนตาซีฟอร์มใหญ่ครั้งแรกของผู้กำกับ พอล ฟีก เขาที่มีประสบการณ์และความสำเร็จจากหนังสายฮามาเป็นส่วนใหญ่ แต่เรื่องนี้เขามารับหน้าหลากหลายหน้าที่อย่างเต็มตัว ทั้งร่วมเขียนบทหนังและอำนวยการสร้างด้วยตัวเอง และนั่นทำให้เราได้เห็นอีกมุมและวิสัยทัศน์ใหม่ ๆ ของเขา ว่าเขาก็สามารถฉีกแนวเดิม ๆ ของตัวเองออกไปได้อีกทางเช่นเดียวกัน
รีวิวThe School for Good and Evil ข้อสังเกตของเรื่องนี้
โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว นิยาย ซึ่งในส่วนนี้เองจึงเป็นทั้งจุดเด่นและข้อสังเกตตลอดความยาวหนัง 2 ชั่วโมงครึ่ง ของตัวหนังเลย ซึ่งในส่วนของจุดเด่นก็คงหนีไม่พ้นความดูง่าย ตัวหนังไม่ได้มีอะไรซับซ้อนไปกว่า Vibe หนังแบบที่เราคุ้นเคย ทั้งหนังแนวเวทมนตร์ที่มีทั้งการผจญภัย เด็กที่ถูกเลือก ภูติผีปีศาจ และหนังแนวไฮสคูลที่แฝงกายอยู่ในคราบของหนังแฟรีเทลที่มีโรงเรียน มีผู้หญิงบ้าน ๆ เป็นเด็กใหม่เด๋อด๋าที่อยากเป็นเจ้าหญิง
แถมยังมีเจ้าชายสูงศักดิ์เป็นหนุ่มป๊อปที่ใคร ๆ ก็สนใจ และมีเพื่อนที่คอยบุลลีคอยแกล้ง รวมทั้งประเด็นจากธีมของนิยายต้นฉบับที่ต้องการสื่อสาร แกมจิกกัด ความขาวจัดดำจัดในโลกเทพนิยาย ที่มักจะ Stereotype ตัวละครที่ดีและชั่วแบบจัดเต็มไม่เด็กน้อย คนดีและความดีจะต้องชนะคนชั่วและความชั่วเสมอ
รวมไปถึงรูปลักษณ์ หน้าตา การแต่งตัวที่แบ่งแยกว่าแบบไหนดีแบบไหนร้าย ส่วนโซฟีกับอกาธาก็ดูจะเป็นตัวสะท้อนถึงความเทา ๆ ของมนุษย์ทั้งในโลกจริงและในโลกนิยายว่า มนุษย์ปกติแล้วถ้าอะไรไม่ขาวก็ให้เหมาว่าเป็นดำไว้ก่อน ที่ดูเหมือนจะเป็นการแสดงถึงการเหยียดสีผิวน้อย ๆ ในตอนแรกที่ดูนะ
เรื่องนี้มีการเหยีดสีผิวหรือไม่
ซึ่งเราอย่าพึ่งคิดกันไปเองว่า เรื่องนี้มีการเหยีดสีผิวหรือไม่ เพราะเนื้อเรื่องเองกลายเป็นว่า ตัวหนังกลับมีปัญหาอย่างหนักและซับซ้อนพอสมควรกับตัวบท ที่ทำเอาคนดูงงกันเลยทีเดียวว่าสรุปใครเป็นนางเอกกันแน่ แม้ว่าตัวหนังเองจะพยายามวิพากษ์วิจารณ์ Trope หรือสูตรสำเร็จนิยายแฟนตาซี
แต่กลายเป็นว่าตัวหนัง โรงเรียนแห่งความดีและความชั่ว พากย์ไทย เองก็ดูจะตกหลุมพรางเข้าไปอยู่ใน Trope นั้นเสียเอง ในครึ่งแรก ตัวหนังเป็น Trope แบบหนังแฟนตาซีด้วยการมีบ่งบอก ผู้ที่ถูกเลือก หรือ The Chosen One รวมทั้งการมีเจ้าหญิง เจ้าชาย แม่มด สัตว์ประหลาด ปีศาจ คือจริง ๆ ถ้าใครที่ชอบอ่าน ชอบเสพหนังแนวเทพนิยายมาพอสมควร ก็จะดูสนุกขึ้นอีกระดับหนึ่งฉันมั้นใจ เพราะว่าตัวหนังเองก็มี Easter Egg เกี่ยวกับโลกเทพนิยายอยู่พอสมควร
ความสำเร็จที่ลงตัว
อย่างแรกเลยที่ฉันอยากจัขอแสดงความนับถือฝ่ายคอสตูมก่อนเป็นอันดับแรก เพราะทุกชุดที่ตัวละครใส่ในแต่ละฉากนั้น บอกได้คำเดียวว่า ปังมากแม่ ปังและอลังการเกินต้าน สมกับที่เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีจริง ๆ รับชมแล้วเหมือนได้หลุดเข้าไปยังโลกเหนือจินตนาการ
เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่ช่วยเติมเต็มความฝันในวัยเด็กมาก ๆ ด้านการเล่าเรื่องแนว Coming of age การรับรู้และยอมรับตัวตนของตัวเอง อีกทั้งเส้นแบ่งระหว่างความดีและความชั่วในเรื่อง ก็ทำให้ The School for Good and Evil พากย์ไทย เป็นภาพยนตร์แฟนตาซีน้ำดีครองอันดับ 1 เทรนด์ภาพยนตร์ใน Netflix ไปโดยปริยาย
คะแนนของเรื่องนี้
สำหรับคะแนนรีวิวก็ขอให้ 10/10 เนื่องจากฉันชอบแนวนี้ 555 การให้คะแนนดูเข้าข้างไปปะแต่ส่วนผสมอื่น ๆ อย่างคอสตูม ฉาก และการแสดงของดาราดังเจ้าบทบาททั้งหลายในเรื่อง ก็พอจะถมความบกพร่องทางด้านเส้นเรื่องไปได้บ้าง
ส่วนครึ่งหลัง มันกลับเต็มไปด้วยสูตรสำเร็จหนังแนว High School ที่มีครบทั้งหญิงสาวบ้าน ๆ เด๋อด๋าแปลกแยกที่โดนเพื่อนแกล้ง โดนบูลลี่ต่าง ๆ แอบรักหนุ่มป๊อป อยากได้รับการยอมรับ ทำให้ตัวหนังในครึ่งหลังนี่แทบจะไม่ต้องเดาอะไรให้ปวดหัวมากเลย เพราะตัวหนังทำได้เพียงแตะผ่านประเด็นหลักไว้แบบแผ่ว ๆ เท่านั้นเอง
ไม่ว่ายังไงโดยรวม ๆ แล้ว เรื่องนี้ก็น่าจะเหมาะกับคอหนังสายเฟมินิสต์เพื่อนหญิง สายเทพนิยายโลกสวย หรือคอการ์ตูนเจ้าหญิงดิสนีย์ คนที่ชอบหนังแนว ๆ นี้น่าจะดูสนุกไม่มีเบื่อ แต่ใครที่ชอบแนวแฟนตาซีที่บู๊เดิอดคงเบื่อแน่นอน และแน่นอนว่าใครที่ไม่อินก็อาจจะชอบยากหน่อย ถ้าดูแบบไม่คิดอะไรมากในการหนีสูตรสำเร็จด้วยการเป็นสูตรสำเร็จซะเอง
และพฤติกรรมของตัวละครที่ดูน่ารำคาญและไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง ก็ถือว่าดูแบบเพลิน ๆ ได้ล่ะนะ เพราะว่าคอสตูมเขาก็ออกจะสวยแฟนซี ซีจีก็ถือว่าไม่แย่เลย เป็นหนังดูง่าย ๆ เปิดให้ลูกหลานดูด้วยกันได้แบบไม่มีพิษภัย ส่วนสารที่อยู่ในเรื่องนี่อาจจะต้องให้พ่อแม่คอยสอนน้องอีกที เพราะมันหายไปกับครึ่งแรกของหนังแล้ว แนะนำคอแฟนหนังแฟนตาซีไฮสคูลห้ามพลาด