4KINGS (2021) ศึกอาชีวะ 4 สถาบัน
ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะยุค 90
ตัวละครเปี่ยมเสน่ห์ หนังที่โอบไหล่ผู้ชมไป ‘ทำความรู้จัก’ อาชีวะยุค 90 ว่าลึกไปในเรื่องต่อยตี ทุกคนก็มีหัวใจไม่แพ้กัน ดูหนังออนไลน์
เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทุกคนต่างจับตามองตั้งแต่ยังไม่เข้าฉาย สำหรับ 4KINGS ภาพยนตร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะยุค 90 ซึ่งกลั่นกรองมาจากประสบการณ์จริงของผู้กำกับ พุฒิ-พุฒิพงษ์ นาคทอง
ด้วยองค์ประกอบหลายส่วนที่ถูกเผยออกมาในตัวอย่าง ล้วนถูกนำเสนอออกมาได้อย่างน่าสนใจและชวนติดตาม ทั้งพล็อตเรื่องที่กล่าวถึงกลุ่มนักเรียนอาชีวะ
ซึ่งน้อยครั้งนักที่จะถูกหยิบมาบอกเล่าเป็นภาพยนตร์, ฉากหลังของเรื่องที่อยู่ในยุค 90, ภาพลักษณ์ที่โดดเด่นสะดุดตาของเหล่าทัพนักแสดงนำ, งานโปรดักชันที่ดูสมจริงสมจัง ฯลฯ
แต่อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ตัวอย่างถูกปล่อยออกมาไม่นาน ก็มีผู้ชมบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยกับการหยิบนำเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะ
ซึ่งมักจะถูกสังคมมองในแง่ร้ายมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อยู่เช่นกัน
ความน่าสนใจของ 4KINGS จึงไม่ใช่แค่องค์ประกอบอันโดดเด่นของภาพยนตร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงเนื้อหาในหนังด้วยว่าจะนำเสนอเรื่องราวของกลุ่มนักเรียนอาชีวะออกมาในรูปแบบไหน
สำหรับ 4KINGS พุฒิเคยถ่ายทำตัวอย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ซึ่งมีความยาว 15 นาทีมาแล้วเมื่อประมาณ 7 ปีก่อน หลังจากนั้นจึงได้รับการต่อยอดให้กลายเป็นภาพยนตร์ขนาดยาวในที่สุด
สำหรับเวอร์ชันภาพยนตร์ จะพาผู้ชมย้อนเวลากลับไปในปี 2538 เพื่อติดตามเรื่องราวของ บิลลี่ (จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี) ดา (เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ) และ รูแปง (ภูมิ รังษีธนานนท์)
สามเพื่อนซี้จากอินทรที่ร่วมเป็นร่วมตายในการประจันหน้ากับสถาบันคู่อริมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น โอ๋ ประชาชล (นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต), มด ประชาชล
(โจ๊ก-อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ), เอก บุรณพนธ์ (ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ) และ บ่าง กนก (แหลม-สมพล รุ่งพาณิชย์)
ควบคู่ไปกับการพาผู้ชมไปสำรวจปัญหาต่างๆ ที่แต่ละคนต้องเผชิญ ไล่ตั้งแต่ บิลลี่ ที่ถูกครอบครัวไล่ออกจากบ้านเพราะชอบต่อยตีกับคนอื่นเป็นประจำ และ ดา ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวของแฟนสาว ฯลฯ
4KINGS ที่ชวนให้เรารู้สึกสนใจมากๆ 4KINGS (2021) ศึกอาชีวะ 4 สถาบัน
อย่างที่เรากล่าวไว้ในตอนต้นว่าความโดดเด่นของ 4KINGS ที่ชวนให้เรารู้สึกสนใจมากๆ คือองค์ประกอบต่างๆ ภายในเรื่อง ซึ่งเราคิดว่าผู้กำกับและทีมสร้างสามารถนำเสนอองค์ประกอบเหล่านั้นออกมาได้ค่อนข้างลงตัว
เริ่มต้นที่องค์ประกอบเล็กๆ อย่างการนำเสนอบรรยากาศของยุค 90 ทั้งบัตรจีบ, ตู้เพลง, โทรศัพท์บ้าน, เพจเจอร์, สมุดเพลง, เพลงยอดฮิตของวงหินเหล็กไฟ
ไปจนถึงคำพูดติดปากและมุกตลกต่างๆ ที่คนในยุคนั้นต่างคุ้นเคยออกมาได้ครบถ้วน และสำหรับผู้ชมที่ไม่ได้เติบโตมาในยุค 90 ก็จะได้สัมผัสกับมนตร์เสน่ห์ของยุคแอนะล็อกที่ไม่ได้มีให้เห็นแล้วในยุคนี้
ไปจนถึงการพาเราเข้าไปสำรวจบรรยากาศของบ้านเมตตา เพื่อนำเสนอว่าเหล่านักเรียนอาชีวะยุค 90 ที่ต้องเข้าไปอยู่ภายในนั้น
พวกเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง อาหารที่กินเป็นอย่างไร สังคมภายในนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงการลงโทษของผู้คุมที่ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างสมจริง
และหนึ่งในองค์ประกอบที่เราชื่นชอบมากที่สุด คือการออกแบบคาแรกเตอร์ของตัวละครทุกตัวที่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง ไม่มีใครโดดเด่นกว่าใคร ซึ่งเราต้องขอปรบมือให้กับนักแสดงทุกคนที่ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของแต่ละตัวละครออกมาได้อย่างมีมิติ
เริ่มต้นที่ จ๋าย-อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี นักร้องนำวง Taitosmith ในบทบาทของบิลลี่
ที่ถูกครอบครัวผลักไสไล่ส่งเพราะชอบสร้างเรื่องเดือดร้อนอยู่เสมอ, เป้-อารักษ์ อมรศุภศิริ ในบทบาทของ ดา ที่รักและห่วงใยเพื่อนฝูงเหมือนเป็นครอบครัวของตัวเอง รวมถึง นัท-ณัฏฐ์ กิจจริต
และ โจ๊ก-อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ ในบทบาทของ โอ๋ และ มด ที่ถ่ายทอดความน่าเกรงขามและความไม่กลัวใครออกมาได้อย่างมีเสน่ห์
ส่วนนักแสดงที่เราชื่นชอบมากที่สุดและอยากกล่าวถึงเป็นการส่วนตัวคือ ภูมิ รังษีธนานนท์ ในบทบาทของ รูแปง ที่เรียกว่าเป็นตัวแย่งซีนประจำเรื่องก็คงจะไม่ผิดนัก ทั้งฝีปากและท่าทางยียวนกวนประสาท คำคมต่างๆ นานาที่ดูเหมือนจะมากเกินความพอดี
แต่กลับลงตัวอย่างน่าประหลาด ไปจนถึงความใจกล้าบ้าบิ่นและความคมเข้มของเขาเมื่อต้องเผชิญกับคู่อริ ภูมิก็นำเสนอออกมาได้ดีไม่แพ้กัน เรียกได้ว่าการแสดงของภูมิในบทบาทของรูแปง คือตัวละครที่เข้ามาสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อย่างน่าจดจำ
เมื่อองค์ประกอบต่างๆ ถูกนำเสนอออกมาได้อย่างลงตัว มันจึงยิ่งส่งผลให้แกนหลักสำคัญของภาพยนตร์ที่ผู้กำกับและทีมสร้างต้องการจะนำเสนอทรงพลังมากขึ้นเป็นเท่าตัว
นั่นคือการพาผู้ชมไป ‘ทำความรู้จัก’ และ ‘ทำความเข้าใจ’ เหล่านักเรียนอาชีวะยุค 90 ผ่านบริบทต่างๆ ที่พวกเขาต้องพบเจอ มากกว่าที่จะพาเราไปหาคำตอบว่าทำไมพวกเขาถึงตีกัน
ยกตัวอย่างเช่น เราจะได้เห็นว่าครอบครัวของบิลลี่เลือกที่จะกระทำกับตัวของบิลลี่อย่างไร
แล้วมันส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมของบิลลี่อย่างไร และสิ่งเหล่านี้มันส่งผลมาถึงความสัมพันธ์ระหว่างบิลลี่กับดาและรูแปงอย่างไร
ขณะเดียวกัน ผู้กำกับอย่างพุฒิก็ไม่ได้นำเสนอเรื่องราวของเหล่านักเรียนอาชีวะเพียงแง่มุมเดียวเท่านั้น
เพราะพุฒิยังนำเสนอให้ผู้ชมได้เห็นด้วยว่า การกระทำของทุกตัวละครภายในเรื่องมันส่งผลกระทบต่อความรู้สึกของคนรอบข้างอย่างไร ผลของการกระทำเหล่านั้นมันส่งต่อความคิดและความรู้สึกของพวกเขาอย่างไร
และพวกเขาจะจัดการแก้ไขและเรียนรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไร
และหากใครที่คาดหวังว่าจะเป็นหนังยกพวกตีรันฟันแทงกันทั้งเรื่องอาจจะต้องผิดหวัง เพราะหนังเรื่องนี้เน้นไปในเรื่องดราม่าของตัวละครเด็กอาชีวะใน 4 สถาบันหลัก ประกอบด้วย ดา อินทร รับบทโดย เป้ อารักษ์ อมรศุภศิริ, บิลลี่ อินทร รับบทโดย จ๋าย อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี, มด ประชาชล รับบทโดย โจ๊ก อัครินทร์ อัครนิธิเมธรัฐ และ รูแปง อินทร รับบทโดย ภูมิ รังษีธนานนท์ ซึ่งโปรดิวเซอร์ของเรื่องมีความตั้งใจว่าอยากให้ผู้ชมมองไปถึงเจตนาของหนัง อยากให้คนได้เข้าไปดูหนังจริง ๆ ก่อน อย่าเพิ่งเหมารวมกันไปว่านี่เป็นหนังเด็กช่างตีกันเอาความบันเทิง เพราะเจตนาที่แท้จริงที่หนังเรื่องนี้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง คือการอยากให้พวกเขาเลิกตีกัน แต่บอกตรง ๆ ก็คงไม่ได้ ดังนั้นการใส่ฉากตีกันเข้ามาจึงเป็นจุดพลิกผันสำคัญที่จะนำไปสู่แง่คิดในเวลาต่อมา
ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2507 โดยนายกนก ลี้อิสสระนุกูล เปิดสอนครั้งแรกเมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2508 ตั้งอยู่เลขที่ 143 ซอยจันทน์ 43 ถนนจันทน์ (ซอยวัดไผ่เงิน) แขวงทุ่งวัดดอน เขตสาทร กรุงเทพมหานคร บนเนื้อที่ 3 ไร่ 5 ตารางวา จำนวนอาคารเรียน 2 หลัง ประกอบด้วย ตึกขนาด 3 ชั้น 1 หลัง และตึกขนาด 2 ชั้น 1 หลัง มีจำนวนห้องเรียน 19 ห้องเรียน สอนแผนกพาณิชยการ และในวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2508 ได้ทำการเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนกนกอาชีวศึกษา เป็นโรงเรียนช่างกลกนกอาชีวศึกษา และเพิ่มเติมหลักสูตรแผนกช่างกล เปิดทำการจนถึงปี พ.ศ. 2539 โดยกนก 31 คือรุ่นสุดท้าย ปัจจุบันเปิดเป็นโรงเรียนพาณิชย์ชื่อโรงเรียนสารสาสน์บริหารธุรกิจกนกศิริอนุสรณ์
ท้ายที่สุด 4KINGS (2021) ศึกอาชีวะ 4 สถาบัน ไม่ว่าจะมีเหตุผลที่หนักแน่นขนาดไหนมารองรับ การทะเลาะวิวาทของนักเรียนอาชีวะล้วนเป็นการสร้างความเดือดร้อนและบาดแผลทั้งกายและใจแก่คนรอบข้างอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
แต่ถ้าหากเราต้องการจะหาคำตอบจริงๆ ว่า ‘อะไร’ ที่ทำให้พวกเขาเลือกเดินในเส้นทางสายนี้ และ ‘ทำไม’ พวกเขาถึงรักเพื่อนพ้องและสถาบันมากขนาดนี้
การได้ลองเข้าไปสำรวจเรื่องราวในทุกแง่มุมของพวกเขาเพื่อ ‘ทำความเข้าใจ’ ก็ดูจะเป็นหนทางที่เหมาะสม ในการพาเราไปสู่ต้นตอของปัญหาและค้นหาวิธีการแก้ไขอย่างถูกต้อง มากกว่าการตัดสินพวกเขาเพียงแค่เปลือกนอก
และภาพยนตร์เรื่อง 4KINGS ก็ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่นั้น
4KINGS เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ในโรงภาพยนตร์