รีวิวหนังออนไลน์ ไขปริศนารูหลอน เมื่อรูไม่ใช่แค่รูอีกต่อไป หนังเรื่องนี้ ‘The Whole Truth ปริศนารูหลอน’ เป็นหนังของ เน็ตฟลิก ออริจินอล ดราม่า ระทึกขวัญ และเป็นผลงานใหม่ของคุณ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง อีกด้วย เนื้อเรื่องมีการเล่าเรื่องอยู่ว่า พิม นำแสดงโดย ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์ และ พัท แสดงโดย แม็ค-ณัฐพัชร์ นิมจิรวัฒน์ สองพี่น้องที่ต้องย้ายไปอยู่บ้านเดียวกับตา (รับบทโดย สมภพ เบญจาทิกุล) และยาย (รับบทโดย ทาริกา ธิดาทิตย์) ที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เพราะแม่ (รับบทโดย นิโคล เทริโอ) ประสบอุบัติเหตุนอนโคม่า แต่เมื่อย้ายเข้าไปในบ้านทั้งสองก็ได้พบกับรูหลอนปริศนา ที่เรียกพวกเขาไปพบกับความจริงบางอย่างที่ซ่อนไว้ ติดตามดูหนังได้ที่ ดูหนังออนไลน์ฟรี

The Whole Truth เปิดเรื่องด้วยชีวิตประจำวันธรรมดาของเด็กนักเรียนสองคนและแม่ของเขา เล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ แวะจอดข้างทาง และพาคนดูหักเลี้ยวไปเรื่องที่ร้อยเรียงไปตามลำดับเมื่อความจริงหลังรูเล็กดำมืดค่อย ๆ เปิดเผยปริศนา ความลับดำมืดให้เห็น ดูแล้วอาจจะเหมือนภาพยนตร์ดราม่าทริลเลอร์หักมุมทั่วไปหนึ่งเรื่อง แต่เมื่อเรามองให้ดีประเด็นสำคัญของการดูภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะไม่ได้อยู่ที่ว่ามันสนุกแค่ไหน แต่อยู่ที่มันกำลังสื่อสารอะไรกับเราผ่านสัญญลักษณ์ในเรื่อง และเมื่อเราได้ดู ภาพที่เราเห็นในจอจึงไม่ใช่แค่ตัวละคร บ้านหนึ่งหลัง และรูหนึ่งรู แต่ขยายใหญ่กว่านั้นขึ้นอยู่กับผู้ชมว่าจะตีความเห็นเป็นอะไร

 

รีวิวหนังออนไลน์ ไขปริศนารูหลอน-1

 

รีวิวหนังออนไลน์ ไขปริศนารูหลอน สิ่งที่ทำให้หนังเรื่องนี้น่าสนใจ

‘ความจริงบางครั้งก็เหมือนรู้สีดำเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ในความมืด มันอยู่ตรงนั้นตลอดเวลา เพียงแต่เรามองไม่เห็น แต่ทันทีที่แสงสว่างสาดส่องไปถึง มันจะปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน จนเราตกใจว่ามันอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’

ประโยคนี้ที่ดังขึ้นในเรื่องถึงสองครั้งตอนเปิดเรื่องและตอนเฉยปมเป็นเหมือนการเปิดลายแทงที่ทำให้เราค้นเจอชิ้นส่วนต่าง ๆ และปะติดปะต่อต่อสิ่งที่เห็นในจอจนเป็นภาพของประเทศไทยซ้อนทับอยู่ในบ้าน ตัวละครเป็นตัวแทนของคนแต่ละยุค รู นาฬิกา นมที่พัทดื่ม หรือแม้แต่ชั้นวางของในเรื่อง ต่างก็มีความหมายในตัวของมันเอง

อธิบายตัวละคร เพื่อความสนุกและความเข้าใจมากยิ่งขึ้นเหมือนคุณดูหนังเรื่องนี้ ดูหนังออนไลน์

ตา ตัวแทนของ ไซเลนท์เจนเนอเรชั่น (Silent Generation) ที่ถูกเรื่องนำเสนอให้มีคาแรกเตอร์ที่ให้ความสำคัญของการมีระเบียบแบบแผน มีความสัมพันธ์ที่พ่อเป็นหัวหน้าครอบครัวและผู้กุมอำนาจสูงสุดในบ้าน ทุกคนในบ้านต้องเห็นคล้อยตามผู้นำ เหมือนที่คุณตาจะมีอารมณ์ทุกครั้งหากหลานมีความเห็นที่ต่างออกไป และการบังคับให้คุณยายกินยาเพื่อลืม แม้จริงนั้นจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ ติดอยู่กับตำแหน่งใช้ตำแหน่งและอำนาจในมือให้เป็นประโยชน์แก่ตน เน้นความเป็นพวกพ้องรุ่นพี่รุ่นน้องแสดงผ่านการใช้เส้นสายส่วนตัวในวงการตำรวจ ยึดความถูกต้องในแบบที่ตัวเองเข้าใจเป็นหลัก

ยาย ตัวแทนของ ผู้หญิงยุคเบบี้บูมเมอร์ส (Baby Boomers) ที่ภาพยนตร์นำเสนอให้มีหน้าที่เป็นผู้ตามในครอบครัว ยึดถือหลักการคล้ายกับคุณตา ยังคงให้ความสำคัญกับแบบแผนและตำราเช่นการกินอาหารให้ครบห้าหมู่ ความเข้มงวดในเรื่องต่าง ๆ และหากมีสิ่งไหนที่แตกแถวไปจากความสมบูรณ์แบบตามความเข้าใจของพวกเขาจะต้องถูกกำจัดไป เชื่อในการอดทนต่อปัญหามากกว่าแก้มัน

แม่ ตัวแทนของเจ็นเอ็กซ์ (Gen-X) ที่ผู้หญิงพึ่งพาตัวเองมากขึ้นและความเป็นผู้นำครอบครัวไม่ติดกับเรื่องเพศอีกต่อไป ให้อิสระกับลูกมากกว่า แก้ปัญหาอย่างประนีประนอม หลับตาข้างเดียวได้

ส่วนลูกสองคนคือตัวแทนของกลุ่ม เจ็นแซด (Gen-Z) ที่ตั้งคำถาม ใคร่รู้ และมองตรงไปยังปัญหาแต่พิมอาจจะเป็นตัวแทนของกลุ่ม privileged หรือ ผู้มีสิทธิพิเศษ ด้วยความ ‘สมบูรณ์แบบ’ ของเธอ แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เธอไม่ได้ตั้งคำถามกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหลายครั้งเลือกที่จะไม่มองเข้าไปใน ‘รู’ ทั้งที่มันส่งเสียงเรียกหาอยู่ข้างหน้า ในขณะที่พัทอาจจะเป็นตัวแทนของคนกลุ่มชายขอบสะท้อนผ่านความพิการของขา ที่ส่งให้เขาอยากไขปริศนาและไม่กลัวที่จะมองเข้าไปแม้สิ่งที่เขาจะมองอยู่มันน่าสยองแค่ไหนก็ตาม

พินยา ตัวแทนของปัญหา ความจริงที่บิดเบี้ยวน่ากลัวซึ่งถูกซ่อนไว้ แต่ไม่เคยหายไปไหน เหมือนกับร่างของพินยาที่ถูกซ่อนไว้ในตู้ใต้บันได แต่ยังคงออกมาเรื่อย ๆ หรืออาจจะเป็นคนที่เห็นต่างมีความคิดไม่สมบูรณ์ตามแบบแผนในสายตาของคนบางกลุ่มที่ต้องถูกกำจัดไปเหมือนที่คุณยายต้องการกำจัดพินยาที่มีใบหน้าย้อยออกมาเป็นเหลี่ยมอยู่ครึ่งหนึ่ง

รู เป็นตัวแทนของความจริงและปัญหาที่โดนมองข้ามและถูกซ่อนไว้ในอดีตและภาพในรูที่พิมและพัทเห็นชัดขึ้นทุกทีก็อาจจะเป็นตัวแทนของเวลาคนเรามองตรงไปยังความจริงที่ซ่อนไว้และยิ่งให้เวลาพิจารณาค้นหามากเท่าไหร่ ความจริงก็จะยิ่งปรากฏชัดให้เห็นกับตา

 

รีวิวหนังออนไลน์ ไขปริศนารูหลอน-2

 

นม ตัวแทนของแนวคิดของคนรุ่นก่อนที่คนรุ่นใหม่ถูกขืนให้ฝืนกิน สะท้อนผ่านการที่ยายบังคับให้พัทดื่มนมด้วยเหตุผลของความหวังดี โดยมองว่ามันเป็นสิ่งจำเป็นที่จะรักษาความแตกต่าง เหมือนกับที่ยายบอกว่านมจะช่วยให้กระดูกขาที่บกพร่องของพัทแข็งแรง แต่ยาพิษที่ถูกผสมอยู่ข้างในนั้นกำลังจะฆ่าพัทให้ตาย

นาฬิกา อาจจะสื่อถึงอดีตที่เคยเรืองรองที่คนบางกลุ่มเคยสัมผัสและยังคงเห็นมันอยู่ แต่สำหรับคนอีกรุ่นที่มองเห็นแค่เพียงราง ๆ เหมือนร่องรอยบางเบาในกำแพงตรงที่นาฬิกาเคยอยู่

ชั้นวางของที่มีทั้งถ้วย โล่รางวัลที่เก่าจนสีหม่น และสิ่งละอันพันน้อยจากยุคต่าง ๆ ทั้งเครื่องลายครามจากจีน ตุ๊กตากระเบื้องของฝรั่ง เปรียบได้กับเกียรติยศและความภูมิใจในอดีตและวัฒนธรรมที่หยิบยืมและหลอมรวมจากหลายชาติไว้ในชั้นสูงใหญ่ที่ถูกนำมาปิดบังรูเจ้าปัญหานั่นไว้ แต่ก็ปิดไม่ได้และทุกอย่างก็ล้มลงมา แตกกระจายเป็นเสี่ยง

และเมื่อนำสัญญลักษณ์เหล่านี้มารวมกับสถานการณ์ในเรื่องและการย้ำถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อ ‘15 ปีที่แล้ว’ ช่วงเวลาที่เกิดหนึ่งในจุดหักเหสำคัญของการเมืองไทยหลายอย่าง หนึ่งในนั้นอย่างรัฐประหารปี พ.ศ. 2549 ก็ยิ่งทำให้ประเด็นที่เรื่องต้องการจะสื่อชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็น

การตายของพินยาและพ่อ อาจจะสื่อถึงการกำจัดคนที่คิดว่าเป็นปัญหา เพราะว่าเขาไม่ตรงกับมาตราฐานความถูกต้องสมบูรณ์ที่คนรุ่นก่อนวางไว้ เหมือนที่ยายรังเกียจพินยา และรังเกียจพัทเพราะทั้งสองมีความแตกต่างอย่างที่ยายไม่ต้องการ และการที่ตาและยายไม่ยอมให้พิมและพัทมองภาพเหล่านี้และมักจะไล่พวกเขาให้ ‘ไปนอน’ ก็เหมือนเป็นการบอกให้เพิกเฉยต่อปัญหาเหมือนที่พวกเขาทำมา

ความขัดแย้งของคนแต่ละยุคสมัยที่ทัศนคติทางการเมืองไม่เหมือนกัน สื่อผ่านความขัดแย้งของคุณตาคุณยายและหลาน ๆ ที่ถกเถียงกันเรื่องความมีอยู่ของรูและสไตล์การแสดงที่ต่างกันของแต่ละเจนเนอเรชั่น ในขณะที่เจนเนอเรชั่นตรงกลางที่ควรเป็นสะพานระหว่างคนสองวัย หลับอยู่ในโคม่า ทำให้ความคิดของคนสองรุ่นยิ่งยากจะหาจุดตรงกลางได้ ในตอนจบที่แม่ลูกทั้งสามย้ายกลับไปบ้านตัวเอง ในขณะที่ตายายต้องอยู่กันสองคนกับความรู้สึกผิดที่จะหลอกหลอนเขาไปชั่วชีวิต อาจจะสื่อว่าหากเราไม่ยอมรับปัญหาและการมีอยู่ของรูและเรียนรู้จะอยู่กับมัน หนทางเดียวคือความแตกแยก ต่างคนต่างอยู่ในโลกที่ตัดกันเหมือนสีขาวสว่างในบ้านของแม่ และความหม่นหมองมืดทึมในบ้านของตายายเท่านั้น

การที่แต่ละคนเห็นรูและภาพในนั้นไม่เหมือนกันก็เหมือนกับการที่แต่ละคนมองปัญหาและเห็นความรุนแรงของมันไม่เท่ากัน คุณตามองไม่เห็นรูเลย ส่วนคุณยายเลือกที่จะไม่ใส่ใจกับมัน เช่นเดียวกับแม่ที่เลือกจะย้ายออกมาเพื่อจะได้ไม่เห็นรูนั่นและปิดบังลูก ๆ ไม่ให้รู้เรื่องนี้ตลอดมา พินเห็นภาพพินยาที่ป่วยใกล้ตาย ในขณะที่พัทเห็นพินยาที่ตายไปแล้วหัวเป็นโพรง สะท้อนถึงความรุนแรงของปัญหาที่ขึ้นอยู่กับสายตาคนมองหรือเลือกที่จะมองข้ามไป

ความตายของพินยาและโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพ่อที่เฉลยมาว่าทั้ง ตา ยาย พ่อ และแม่ต่างก็มีส่วนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งนั้นสะท้อนให้เห็นว่าผู้ใหญ่ทุกคนต่างก็มีส่วนให้เกิดความวุ่นวายทั้งนั้น แต่ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเองในขณะที่คนรุ่นหลังคือพิมกับพัทต้องมารับกรรม

อาการป่วยกระอักเลือดของพัทและการตั้งคำถามของพิมที่คิดว่าเป็นเพราะพัทมองรูนั่นทำให้พัทป่วย แต่ที่จริงแล้วเป็นยาพิษที่ถูกผสมไว้ในนมต่างหากที่ฆ่าพัท เหมือนจะสื่อว่าการมองไปที่ปัญหาไม่ใช่สิ่งที่จะฆ่าใคร แต่เป็นการที่ถูกยัดเยียดแนวความคิดที่เป็นพิษต่างหากที่ฆ่าคนได้

การเฉลยในตอนท้ายที่พิมและพัทสุดท้ายได้รู้ความจริงเกือบทั้งหมดเป็น irony กับชื่อ ‘The Whole Truth’ ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษที่แปลว่าความจริงทั้งหมด เป็นการเน้นย้ำให้เห็นว่าสิ่งที่คิดว่ารู้ อาจจะไม่ใช่ความจริง แม้แต่คนที่ปกป้องเราก็อาจจะมีความลับดำมืดของเขาเองที่เราไม่อาจรู้ได้เลย

ฉากจบที่พิมนอนหลับตาพริ้มนอนตรง ฮัมเพลงโดยมีพินยานอนอยู่เคียงข้าง อาจตีความได้สองทาง ทั้งการสื่อว่าการที่เราสามารถประนีประนอม ทำความเข้าใจ และอยู่กับความจริงในอดีตที่น่าเกลียดน่ากลัวได้ ใจเราก็จะสงบ หรืออาจจะหมายถึงว่าแม้เราจะหลับตาแต่ความอดีตจะไม่มีวันหายไปไหน แต่จะติดตามเราไปเหมือนที่พินยาจะอยู่ข้าง ๆ พิมไปอย่างนั้นอีกนานเท่าไหร่ก็ไม่รู้ได้

 

 

หนังเรื่องนี้เป็นหนังระทึกขวัญที่มีของดีอยู่พอตัว

The Whole Truth ปริศนารูหลอน จึงไม่ใช่ภาพยนตร์ทริลเลอร์ที่พูดถึงเรื่องเหนือธรรมชาติไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่ใกล้ตัวมากราวกับอยู่ในบ้านของเรา และการสื่อเรื่องผ่านสัญญลักษณ์ทำให้การดูเหมือนกับการเติมคำในช่องว่างว่าผู้ชมจะเลือกแทนค่าตัวละครในเรื่องเป็นใคร เป็นอะไร และเพลงปิดเรื่องที่พิมฮัมซึ่งมีเนื้อร้องว่า ‘เสียแรงหลงกู่ ยู้หู ยู้หู ยู้หู ยู้หู หลงอยู่ทุกคืนทุกวัน ทุกวัน ทุกวัน ละเมอ…หาเธอ หาเธอจนสิ้นลมหายใจ’ ‘เธอ’ ที่ว่านั้น หมายถึงใครกัน

The Whole Truth ปริศนารูหลอน หนังผีไทยเรื่องล่าสุดจาก Netflix กำกับโดย วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง กับนักแสดงนำ กับ ปันปัน สุทัตตา เรื่องราวของรูลึกลับบนกำแพงบ้านตายายที่สองพี่น้องไปพบเจอ และกลายเป็นจุดเริ่มการเผยความลับดำมืดของครอบครัวนี้

 

 

หนังผีไทยของ Netflix เรื่องที่ 3 ต่อจาก สาวลับใช้ กับ GHOST LAB ซึ่งคราวนี้ได้ วิศิษฐ์ ศาสนเที่ยง ผู้กำกับดังจากหนังผีขึ้นหิ้งของไทยอย่าง เปนชู้กับผี ซึ่งตัวผู้กำกับเองมีงานหลากหลายแนว แต่ช่วงหลังจะเน้นจับแนวผีสยองขวัญเป็นหลักอย่าง รุ่นพี่, สิงสู่ มีเขียนนิยาย รุ่นน้อง ภาคต่อจากหนังรุ่นพี่ด้วย (มีคุมงานหนังเน็ตฟลิกซ์เรื่อง DEEP ด้วย)

ซึ่งเท่ากับว่าผู้กำกับวิศิษฐ์ได้หันมาเอาดีด้านนี้จริงจัง อาจจะเพราะหลังจากอกหักจากหนังอินทรีแดงที่ไม่สามารถทำภาคต่อได้ ในฐานะที่เป็นแฟนผลงานของผู้กำกับคนหนึ่ง ผู้เขียนจึงค่อนข้างคาดหวังกับงานนี้ไว้มากว่าอาจจะเป็นผลงานที่พาผู้กำกับวิศิษฐ์ให้กลับมาดังได้ โดยเฉพาะเมื่อไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณอย่างที่ผ่านๆ มา กับการฉายในสตรีมมิ่งก็ไม่มีแรงกดดันเรื่องรายได้กลับมา

และยังเป็นผลงานที่โกอินเตอร์ตรงๆ ผ่านเน็ตฟลิกซ์ด้วย แต่ก็ต้องบอกกันก่อนเลยว่าค่อนข้างผิดหวังหนักมากกับผลงานเรื่องนี้ของผู้กำกับวิศิษฐ์ครับ ซึ่งอาจจะเพราะบทหนังถูกเขียนโดยคนอื่นที่หน้าใหม่ด้านนี้อย่าง Abishek J. Bajaj (อภิเษก เจ บาจาช) ซึ่งผู้เขียนเข้าใจว่าเป็นงานที่เน็ตฟลิกซ์ส่งต่อให้ผู้กำกับวิศิษฐ์ทำ ผลงานที่ออกมาจึงดูแปลกๆ และค่อนข้างตกต่ำจากมาตรฐานผลงานดีๆ ของเขา ถ้าเพื่อนๆของบทความรีวิวนี้ สามารถติดตามได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์ เว็บรีวิวหนัง รีวิวหนังใหม่ และ หนังที่น่าสนใจทุกประเภท

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *