รีวิวหนัง Red Notice สุดยอดหนังจารกรรมฟอร์มยักษ์แห่งปี 2021 หนึ่งในพล็อตหนังติดอันดับทำรายได้ในบล็อคบัสเตอร์ นั่นคือหนังแอ็กชั่นแนวจารกรรมที่ว่าด้วยเหตุการณ์ปล้นระดับแผนซ้อนแผน และแม้ดูเหมือนว่าหนังหลายๆเรื่องนั้น ลอกบทหนังเรื่องเก่าแล้วมาผสมกันจนกลายเป็นเรื่องใหม่ แต่ด้วยความสนุก เสน่ห์ของตัวละครและฉากแอ็กชั่นยิ่งใหญ่อลังการก็มักจะทำให้หนังแนวนี้ได้รับผลตอบรับที่ดีอย่างเสมอมา เหมือนว่านี่จะเป็นสูตรสำเร็จของการทำหนังจารกรรมเลยทีเดียว

Red Notice หรือ หมายแดง หมายถึง หมายจับระดับสูงสุดซึ่งออกโดยองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ หรือหน่วยตำรวจสากล ส่วนใหญ่ใช้กับอาชญากรที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลก

เรื่องเปิดฉากด้วยการปล้นสุดอลังการที่พิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งในประเทศอิตาลี และพาเราไปรู้จักกับเจ้าหน้าที่จอห์น ฮาร์ตลีย์ (รับบทโดย ดเวย์น จอห์นสัน Dwayne Johnson) กับ สารวัตร เออร์วาชี แดช (รับบทโดย ริทู อาร์ยา Ritu Arya) ที่ได้ตามล่าเพื่อจับตัว โนแลน บูธ (รับบทโดย ไรอัน เรย์โนลด์ส Ryan Reynolds) ยอดโจรสมองเพชรที่ขโมยไข่คลีโอพัตราสำเร็จเป็นใบแรกจากจำนวน 3 ใบ

แต่แล้วฮาร์ตลีย์ก็ถูกบิชอป (รับบทโดย กัล กาด็อต Gal Gadot) ยอดโจรสาวหลอกจัดฉากจนต้องเข้าคุกไปพร้อมกับ บูธ ทั้งคู่เลยต้องร่วมมือกันแหกคุก เพื่อออกล่าไข่คลีโอพัตราตัดหน้า บิชอป และล้างมลทินให้กับ ฮาร์ตลีย์

 

รีวิวหนัง Red Notice แบบไม่เกรงใจใคร

 

พล็อตหนัง Red Notice แทบจะเดินตามสูตรหนังจารกรรมทุกอย่าง ต่างกันเพียงแค่การมีนักแสดงอย่าง ดเวย์น จอห์นสัน หรือ เดอะ ร็อค ทำให้การดำเนินเรื่องต่าง ๆ ดูจะต้องการฉากต่างๆ เพื่อรองรับมุกตลก การขายเสน่ห์และฉากแอ็กชันสุดระห่ำเป็นหลัก มากกว่าให้คนดูติดตามแผนอันชาญฉลาดหรือการหักมุมหักเหลี่ยมเฉือนคมกันไปมา

เหมือนหนังจารกรรมในตำนานอย่าง The Thomas Crown Affair ที่ผู้กำกับใช้เป็นแรงบันดาลใจของเรื่อง

เราสามารถวิเคราะห์ได้ 2 ประเด็น คือ อย่างแรก ดเวย์น จอห์นสัน มีเครดิตเป็นผู้อำนวยการผลิต ของหนัง และการเลือก รอว์สัน มาร์แชล เธอร์เบอร์ ที่เคยร่วมงานกันมาทั้ง Central Intelligence และ Skyscraper มาเขียนบทและกำกับหนัง ต้องยอมรับว่า เธอร์เบอร์ ได้ทำให้ Red Notice เต็มไปด้วยลูกล่อลูกชนและความเจ้าเล่ห์ การขายเสน่ห์ของนักแสดงระดับซุปเปอร์สตาร์ กลายเป็นจุดขายหลักของหนัง โดยเฉพาะการรวมนักแสดงซูเปอร์ฮีโร่ของทั้ง 2 ค่ายไว้ในหนังเรื่องเดียวกัน

ดังนั้นต่อให้เรารู้สึกว่าพล็อตเรื่องมันคุ้นและอ่านเกมส์ได้ง่าย แถมจุดหักมุมก็ไม่ได้เกินคาดอะไรมากมาย เพราะหากใครดูหนังแนวนี้มาเกิน 10 เรื่อง ก็คงจะเดาออกตั้งแต่ผ่านไปครึ่งเรื่องแล้ว แถมฉากจารกรรมก็ไม่ได้ตื่นเต้นหรือน่าติดตามขนาดนั้น ดังนั้นความบันเทิงหลักของ Red Notice เลยมาจากการได้ชมดาราซุปเปอร์สตาร์ โปรยเสน่ห์และโยนมุกใส่กันมากกว่า

ซึ่งหนังก็เล่นหนักถึงขึ้นให้ตัวละครอย่าง โนแลน บูธ ของ ไรอัน เรย์โนลด์ ซึ่งมีความเป็น Pansexual หรือความปรารถนาแบบไม่สนเพศ สวมบทบาทคล้ายตัวละครเดดพูลที่เขาเล่นอยู่ และเมื่อสาววายทั้งหลายเห็น ก็คงต้องมีร้องกรี๊ดสนั่น เมื่อเห็นเขาได้ร่วมฉากกับ เดอะ ร็อค

ส่วน กัล กาด็อต ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เพราะเธอจะปรากฎกายในชุดราตรีสีแดงสุดร้อนแรงหรือชุดผจญภัยพร้อมรบ เธอจึงพร้อมโดดเด่นบนรันเวย์เสมอ และแม้บทของเธอจะไม่ค่อยมีบทบาทเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไหร่ แต่หากขาดเธอไป  Red Notice คงขาดเสน่ห์ดึงดูดที่ทำให้คนติดอยู่หน้าจอและกล่าวชมความสวยของเธอ ได้อย่างสิ้นเปลืองที่สุดในชีวิต

สำหรับนักแสดงอีกคนที่น่าจับตามองคงหนีไม่พ้น ริทู อาร์ยา นักแสดงที่มีเชื้อสายอินเดียและเริ่มทำให้คนดูคุ้นหน้าจาก The Umbrella Academy ซีซัน 2 จากคอมิกดังทาง เน็ตฟลิกซ์ ครั้งนี้เธอมารับบทตำรวจสายสืบที่ดูเข้มแข็งไม่ใช่น้อย แต่น่าเสียดายเพราะหนังดันไปขายเสน่ห์ของ 3 ดารานำเป็นหลัก จึงกลายเป็นว่าการแสดงที่แสนโดดเด่นของเธอ กลายเป็นเพียงแค่ไม้ประดับของหนังไปอย่างน่าเสียดาย

 

Red Notice หนังทุนสร้างมหาศาลจากค่าย Netflix 

Netflix ได้ใช้ทุนสร้างภาพยนตร์แอ็กชั่นคอมเมดี้เรื่องนี้ไปถึง 200 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 6,600 ล้านบาท ซึ่งถือได้ว่าเป็นทุนสร้างอันมหาศาล หากมองในแง่การร่วมงานกันครั้งแรกกับ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson)

ด้วยทุนสร้างอันมหาศาลนี้ ทำให้ Red Notice ได้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดของ Netflix  โดยก่อนหน้านี้ Netflix ได้ทุ่มทุนสร้างภาพยนตร์ฟอร์มใหญ่อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น Bright (2017) ที่ใช้ทุนสร้าง 90 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,900 ล้านบาท  Triple Frontier ที่ใช้ทุนสร้างไป 155 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,100 ล้านบาท และ The Irishman (2019) ที่ใช้ทุนสร้างไป 159 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,200 ล้านบาท

เหตุผลที่ Red Notice ต้องใช้ทุนสร้างอย่างมหาศาลนั้น มาจากการยอมจ่ายค่าตัวนักแสดงชั้นนำของฮอลลีวูดแห่งยุคทั้ง 3 คน นั่นคือ ดเวย์น จอห์นสัน, ไรอัน เรย์โนลส์  และ กัล กาด็อต  คนละ 10 ล้านเหรียญ หรือคนละประมาณ 330 ล้านบาท อีกทั้งยังจ่ายให้ รอว์สัน มาร์แชลล์ เธอร์เบอร์  ผู้กำกับและเขียนบท ไปอีก 10 ล้านเหรียญ ทำให้ใช้เงินในส่วนนี้ไปแล้วถึง 70 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,300 ล้านบาท

นอกจากนี้ Netflix ยังประสบปัญหาการถ่ายทำภาพยนตร์ล่าช้า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 จึงทำให้ต้นทุนการสร้างเพิ่มสูงขึ้นไปอีก จากเดิมที่ตั้งไว้ 160 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 5,200 ล้านบาท กลายเป็น 200 ล้านเหรียญดังกล่าว

อีกทั้ง Netflix ยังได้ทุ่มงบประมาณในการสร้างคอนเท้นต์ในปี 2021 ไปมากถึง 17,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 558,000 ล้านบาท

ซึ่งสูงกว่าคู่แข่งอย่าง Amazon และ Disney+ ที่ใช้ทุนสร้างคอนเท้นต์ในปี 2021 ประมาณ 5,210 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 171,000 ล้านบาท

นั่นแสดงให้เห็นความมุ่งมั่นของ Netflix ในการสร้างเนื้อหาใหม่ ๆ สำหรับแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง โดยที่ผ่านมานั้น Netflix ได้ประสบความสำเร็จด้วยการเป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีผู้สมัครบริการมากที่สุดในโลก รวมถึงภาพยนตร์ที่ทางบริษัทได้ทุ่มทุนสร้างไปอย่างมหาศาลอย่าง Roma และ The Irishman ยังได้รับคำชมและคว้ารางวัลมาได้อย่างมากมาย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *