รีวิว Black Clover
Black Clover แบล็คโคลเวอร์ เป็นการ์ตูนที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนหรือมังงะ ถูกปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2015 และได้เป็นอนิเมะเรื่องยาวตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งช่วงแรกๆกระแสไม่ได้แรงมากเท่าไรนัก ต่างจากรุ่นพี่โชเน็นแนวเดียวกันอย่าง นารูโตะ หรือ บลีซ แต่กลายเป็นกระแส เป็นที่พูดถึงมากขึ้นเรื่อย ๆ ท่านผู้อ่านสุดน่ารักสามารถชมได้ที่ ดูหนัง
เรื่องราวว่าขึ้นด้วย เด็กหนุ่มขี้โวยวายที่ชื่อว่า อัสต้า และยูโน เป็นเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้งไว้กับโบสถ์ของอาณาจักรโคลเวอร์ โดยทั้ง 2 คนโตมาด้วยเป้าหมายเดียวกันนั่นก็คือการที่จะได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ หรือ มาโอเท แต่ทั้ง 2 กลับมีความต่างกันโดยสิ้นเชิง
ยูโน สามารถใช้พลังเวทได้อย่างทรงพลัง ส่วน อัสต้า นั้นไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เค้าก็ไม่หมดหวังหมั่นฝึกฝนร่างกายเป็นประจำ เพื่อที่อายุ 15 เค้าจะได้มีโอกาสรับ กรีมัวร์ คัมภีร์ที่จะดึงเอาศักยภาพของผู้ใช้เวทนั้น ๆ ออกมาได้ แต่พอถึงเวลาจริงเค้ากลับไม่ถูกรับเลือกโดยกรีมัวร์ ต่างจาก ยูโน ที่ได้กรีมัวร์ใบโครเวอร์ 4 แฉก ที่เป็นของอดีตจักรพรรดิเวทรุ่นก่อน แต่ทว่าเมื่อถึงคราวคับขันชีวิตของอัสต้ากำลังตกอยู่ในอันตรายจู่ ๆ ก็มี กรีมัวร์ใบโครเวอร์ 5 แฉก ปรากฏออกมาพร้อมกับดาบสีดำอันใหญ่เท่าคน ซึ่งโครเวอร์ใบที่ 5 นั้นหมายถึงปิศาจนั่นเอง และแล้วเรื่องราวการผจญภัยเพื่อเป็นจักพรรดิเวทมนตร์ของ อัสต้า และ ยูโน ก็ได้เริ่มต้นขึ้น
เรื่องนี้อาจจะคุ้นหูคุ้นตากันหลาย ๆ คนมาแล้วแต่ก็เชื่อว่าหลายคนที่ยังไม่เคยดูส่วนตัวผมก็ด้วยเห็นเรื่องนี้มานานแล้วแต่ก็ไม่เคยคิดจะดูเลย แต่พอได้มาดูจริง ๆ แล้วมันสนุกอยู่นะครับ ก็ไม่เข้าใจว่าอนิเมะเรื่องนี้ทำไมคนถึงไม่ค่อยดูกันวันนี้เลยหยิบเอามารีวิวความสนุกให้ได้อ่านกัน และเรื่องก็สารมารถดุได้ยาว ๆ เลยถ้าเพิ่งจะเริ่มดูเพราะมีเป็นร้อยตอน เรื่องราวของเด็กกำพร้า อัสต้าและยูโน ที่อาศัยอยู่ที่โบสถ์ที่ชนบทแห่งหนึ่ง บนโลกนี้ทุกคนล้วนมีพลังเวทกันทุกคน แต่อัสต้ากับไม่มีพลังเวทอะไรเลยแต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้เขาท้อหรือยอมแพ้ที่จะทำตามความฝัน ถึงแม้จะโดนคนอืนหัวเราะว่าไม่มีพลังเวท
ตัวละครหลัก อัสต้า – เด็กหนุ่มอายุ 15 ที่มีความกล้าแต่ไม่มีพลังเวท เขาเป็นคนที่ไม่มีพลังเวทเลย แต่เขาก็ฝึกฝนตัวเองอยู่ตัวถึงแม้จะใช้เวทไม่ได้ ความฝันของเขาคือการได้เป็นจักรพรรดิเวทมนตร์มาตั้งแต่เด็ก กริมัวร์ เป็นใบโคลเวอร์ 5 แฉกซึางหมายความว่า มีปีศาจอาศัยอยู่ อาวุธจองอัสต้าเป็นดาบเล่มแรก จะเป็นเล่มใหญ่เกือบเท่าตัว สามารถสะท้อนเวทกับไปได้ ดูหนังฟรี
ยูโน – เด็กหนุ่มหน้าหล่อตัวสูงผมดำที่ดูเพียบพร้อมเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาพร้อมกับ อัสต้า สามารถใช้พลังเวทมีนิสัยนิ่ง ๆ ดูน่าหมั่นไส้จริงๆ แต่ก็ด้วยบุคคลิกแบบเขา ที่แหละครับ คนอื่น จึงถือว่า พึ่งพาได้ เขาเองก็อยากจะเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์เหมือนกับอัสต้า ทั้ง 2 จึงเป็นขู่แข่งกัน กริมัวร์ของยูโนเป็น โคลเวอร์ 4 แฉกซึ่งหายากมากพลังเวทของยูโนเป็นสายลม
รีวิว Black Clover หลังจากดูแล้วได้อะไรจากเรื่องนี้บ้าง
การ์ตูนอนิเมะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สนุกอีกเรื่องที่ผมอยากให้ได้ดูกันนะครับ ทั้งภาพและเสียงถือว่าดีมาก ๆ และเนื้อเรื่องก็ดูไม่น่าเบื่อหลายคนที่ยังไม่เคยดูถ้าได้ดูรับรองว่าติดแน่นอน นั่งดูกันได้ยาว ๆ สำหรับหลายร้อยตอนแบบนี้ ก็ถือว่ายังชิวๆ ไม่หวั่น
พอดูการ์ตูนเรื่องนี้จบผมก็นึกย้อนกลับไปถามตัวเองว่าทำไมผมถึงชอบดูวันพีช นารูโตะ หรือดราก้อนบอล มันคือสูตรสำเร็จการ์ตูนแนว โชเน็นจั้มป์ สมัยก่อน ที่จะให้คนดูได้เติบโตไปพร้อมกับตัวละครเอกที่เป็นเด็ก คอยอยู่เป็นเพื่อนหมอนี่ คอยเอาใจช่วยให้ฝีมือมันเทพขึ้นสักที อยากเห็นสกิลใหม่ ๆ ของตัวเอก
ด้วยภาพและกราฟฟิกของตัวอนิเมะไม่ได้ทำออกมาดูยากมาก และกราฟฟิกเองก็ไม่ขี้เหร่ การอนิเมทก็ดูลื่นไหลสบายตา เสียงพากย์ก็ทำออกมาได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นทุกอย่างก็ถือเป็นมาตรฐานของอนิเมะสมัยนี้อยู่แล้ว แค่ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ก็ถือว่าใช้ได้
แต่ถึงอย่างนั้นการ์ตูนเรื่องนี้ก็มีข้อเสียที่ไปติดอยู่ตรงการเล่าเรื่องที่เชื่องช้าจนทำเอาเราดูไปง่วงไปหลายต่อหลายตอน การต่อสู้หรือฉากแอ็กชันเองถึงจะทำกราฟฟิกออกมาได้สวย แต่ก็ไม่ค่อยสะใจหรือมันเท่าที่คิด ออกจะจำเจซะด้วยซ้ำ อารมณ์แบบตัวร้ายปล่อยพลังใส่พระเอกจนเสียท่า แล้วก็พูดจาเหยียดหยามพระเอก พระเอกของขึ้นควักดาบฟันจบ
ตัวร้ายในเรื่องนี้ก็ถือว่าขาดเสน่ห์อย่างแรง ดูจบแล้วทิ้งไว้สักอาทิตย์นึงคุณอาจจะลืมหน้าตามันไปเลยก็ได้ (ฮา) ตัวเนื้อเรื่องเองก็เดาง่าย คือสกิลพระเอกในเรื่องนี้โกงมาก เวลาที่พระเอกเจอเรื่องที่คับขันกำลังแย่ก็จะต้องมีเหตุการณ์ให้ได้พลังใหม่ ไม่ก็ต้องมีพวกพ้องมาช่วยให้รอดพ้นตลอด ซึ่งจะอยู่ลูปนี้ไปสักพักใหญ่ ๆ เลย
เสียงพากย์เองก็แอบเป็นปัญหาอยู่เล็ก ๆ เสียงของ อัสต้า ซึ่งเป็นตัวละครที่ชอบแหกปาก บวกกับเสียงที่แหลมเวลาดูใส่หูฟังไปนาน ๆ เข้าอาจทำให้คุณรำคาญหรือไม่ก็ปวดแก้วหูได้
ความรู้สึกส่วนตัวของผม ผมคิดว่าการ์ตูนเรื่องนี้มันไม่ค่อยเหมาะกับวัยรุ่นที่ชอบเสพเนื้อเรื่องที่เข้มข้น มีหักมุมไปมา หรือฉากที่รุนแรงเพื่อความมันสะใจเล็ก ๆ เพราะเรื่องนี้ค่อนข้างเล่าเรื่องเป็นเส้นตรง มีศัตรูลูกกระจ๊อกอ่อน ๆ โผล่มาสู้กับพระเอกเพื่อที่พระเอกจะได้เติบโตและเก่งขึ้นก่อนจะไปตบลาสบอส การ์ตูนเรื่องนี้ผมเชื่อเลยว่าหากดูตอนอยู่มัธยมต้นมันคงจะสนุกมากแน่ ๆ ดังนั้นหากมีลูกมีหลานการจะเปิดการ์ตูนเรื่องนี้ให้ดูก็เป็นความคิดที่เข้าท่ามาก โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่ได้เห็นตัวการ์ตูนแบกดาบใหญ่อันเท่าคนสู้กับศัตรูคงจะให้ความรู้สึกเท่มากน่าดู
อวยกันอย่างไส้ฉีก เหตุผลที่ควรดูเรื่องนี้
สิ่งที่ทำให้แบล็คโคลเวอร์กระแสไม่ดีเท่าที่ควร เป็นเพราะพล็อตเรื่องเริ่มต้นดูเหมือนการ์ตูนยุค 90 มาก เช่น พระเอกใช้เวทไม่ได้ ตั้งเป้าหมายสูงเกินจริง มีคู่แข่งมีพรสวรรค์ ได้อยู่ในหน่วยกระทิงดำที่มีแต่คนนิสัยแปลก ฯลฯ ทำให้คนที่เคยดูแนวนี้มาก่อน จะคิดว่าเหมือนกับการ์ตูนเก่าที่เคยดู จึงไม่ได้ติดตามทุกสัปดาห์ สำหรับคนที่ดูการ์ตูนอนิเมะอยู่แล้วคงมองออกว่าเหมือนเรื่องอะไร แต่สำหรับใครที่ไม่เคยดู หรือไม่ค่อยได้ดูเรื่งอราวประมาณนี้ผมใบ้ให้ว่า เป็นเรื่องที่พระเอกเป็นนินจาและมีจิ้งจอกเก้าหางในตัวครับ (ลองหาดูนะครับชื่อดังก้องโลกเลย)
เหตุผลที่พล็อตแนวยุค 90 ได้รับความนิยมในการนำมาทำการ์ตูนแนวแอ็คชั่น/แฟนตาซี เพราะมีลักษณะของการปูโครงสร้างของโลกที่ซับซ้อน มีสภาพแวดล้อม สังคม วัฒนธรรมเฉพาะตัว แนะนำตัวละครนิสัยแตกต่างกัน ให้คนดูรู้สึกผูกพันกับตัวละครก่อน แล้วจึงค่อยเพิ่มเหตุการณ์สนุก ๆ ที่เชื่อมความสัมพันธ์ของตัวละครเข้าไป เพิ่มความซับซ้อนและเข้มข้นตามลำดับ เมื่อถึงจุดหนึ่ง ความสนุกจะเพิ่มแบบทวีคูณ คนดูจะสนุกกับเนื้อหาที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เหมือนเส้นกราฟที่ชันขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าการ์ตูนที่ค่อย ๆ ดำเนินเรื่องแบบนี้จะประสบความสำเร็จไปหมดทุกเรื่อง บ่อยครั้งเดินเส้นเรื่องไปผิดทาง โดนตัดจบไปก่อนถึงช่วงสนุก ทำให้เป็นแนวที่เห็นยากมากในปัจจุบัน
แบล็คโคลเวอร์เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่ผ่านการปูพล็อตช่วงแรกมาได้ และมีความสนุกมากขึ้นในช่วงหลัง การที่ยังผลิตต่อได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งมังงะที่ขายดี และอนิเมะที่ฉายมา 3 ปีไม่หยุด น่าจะเป็นสิ่งที่การันตีได้เป็นอย่างดีว่า การ์ตูนเรื่องนี้คุ้มค่าที่จะติดตาม
ถึงแอสต้าจะเป็นตัวละครที่ดู โวยวายเป็นหลัก ทำตัวไร้เหตุผล เพ้อฝันอยากเป็นจักรพรรดิเวทมนตร์ทั้งที่ใช้เวทไม่เป็น ทำตัวซื่อ ๆ เรียกได้ว่านิสัยไม่ต่างจากพระเอกการ์ตูนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ทำให้หลายคนรู้สึกหงุดหงิดไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม หลังดูไปสักพัก คุณจะเริ่มชินกับนิสัยของพระเอก ได้เห็นการผ่านอุปสรรค ช่วยเหลือผู้คน และได้พบกับโลกความเป็นจริงที่โหดร้ายกว่าช่วงแรก คุณจะเริ่มชอบตัวละครมากขึ้นเป็นลำดับ ตัวละครเติบโตได้อย่างน่าติดตาม ทั้งด้านความรู้สึกและฝีมือ ในที่สุดคุณอาจจะชอบแอสต้ามากขึ้นก็ได้
ตัวละครที่มีบทในเรื่องเยอะมาก แค่หน่วยกระทิงดำก็หลักสิบคนแล้ว ยังมีหน่วยอื่น ๆ ตัวละครใหม่ และพวกผู้ร้ายอีกมากมาย จนจำชื่อกันไม่หวาดไม่ไหว
แต่ในความเป็นจริง นิสัยตัวละครทุกตัวมีเอกลักษณ์ จดจำได้ไม่ยาก และมีความสัมพันธ์ที่น่าสนใจมาก พร้อมพลังแฝงที่คุณอาจคาดไม่ถึง ทำให้สนุกไปกับบทของตัวละครรองที่สอดแทรกเข้ามาในเรื่องเรื่อย ๆ
ความจริงมังงะแนวนี้ในญี่ปุ่นมีให้เลือกอ่านเป็นร้อยเรื่อง แต่ที่ปังจริง ๆ จนได้ผลิตเป็นอนิเมะมีแบบนับนิ้วได้ ยิ่งถ้านับแนวที่สู้กันด้วยพลังเวทมนตร์ ยิ่งเห็นได้ไม่บ่อยนักในยุคนี้
ถ้าติตตามชมดูการ์ตูน Black Clover ไปหลายๆ ตอน จะเห็นความแตกต่างของวิธีการดำเนินเรื่องที่ไม่ค่อยเหมือนเรื่องอื่น สมดุลระหว่างเนื้อเรื่อง ฉากต่อสู้ บทบาทตัวละครหลัก ตัวละครรอง ความขัดแย้งระหว่างชนชั้น สงครามที่เกิดบ่อยครั้ง พร้อมกับศัตรูใหม่ที่ปรากฎตัวเรื่อย ๆ ผสมออกมาได้อย่างลงตัว ปริศนาที่ไม่กล่าวถึงในต้นเรื่องจะค่อยเผยทีละนิด จนคุณเข้าใจเนื้อเรื่องมากขึ้น ผสมผสานกับฉากสู้ด้วยเวทมนตร์สุดมันส์
สิ่งที่สำคัญสุดของแนวต่อสู้/ผจญภัย ก็คงจะต้องเป็นเรื่องฉากต่อสู้ ซึ่งแบล็คโคลเวอร์ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะแบบแอนิเมชันภาพเคลื่อนไหว ซึ่งสื่อให้เห็นภาพได้ดีกว่าฉบับมังงะ แม้ว่าในตอนแรก ๆ จะยังไม่ค่อยมีฉากสู้ แต่ถ้าดูการ์ตูน Black Clover ไปสักพัก จะเริ่มเห็นฉากสุดมันส์ออกมาเรื่อย ๆ และจะได้เห็นบ่อยขึ้นในช่วงตอนที่ 20 ขึ้นไป แถมจะสนุกยิ่งขึ้นไปอีกหลังตัวละครมีการพัฒนาจากเดิม มีเวทและความสามารถใหม่ พร้อมศัตรูคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง
อีกจุดที่ทำให้น่าสนใจ คือ การต่อสู้เป็นแนวเวทมนตร์ แฟนตาซี ที่มีการพลิกแพลงตามสถานการณ์ ต่างจากแนวสู้ด้วยพลังพิเศษที่เห็นกันบ่อย ๆ ซึ่งช่วงแรกยังดูไม่ซับซ้อน แต่จะเริ่มอลังการงานสร้างขึ้นในตอนหลัง ๆ ยิ่งเป็นอนิเมชั่นภาพเคลื่อนไหว มีสีสัน มีเสียงพากย์ไทยประกอบ ทำให้รู้สึกเร้าใจกับเนื้อหามากขึ้น
ถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่าควรติดตามมังงะหรืออนิเมะดี เรื่องความอาร์ตของภาพ มังงะอาจทำได้ดีกว่า แต่อนิเมะเองก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่แย่ (เมื่อเทียบกับอนิเมะที่หลักฉายหลักร้อยตอนเหมือนกัน) และดำเนินเรื่องได้เร็ว จนไล่ตามมังงะได้ทันอย่างรวดเร็ว ทั้งยังได้ดูแบบภาพเคลื่อนไหว มีเสียงประกอบ มีการเติมรายละเอียดที่ไม่มีในมังงะเข้ามาบ้าง และที่สำคัญ หาดูง่ายมาก เพียงแค่คลิกดูที่ ดูหนังออนไลน์
หากชอบบทความนี้ สามารถ ติดตามรีวิวหนัง สปอยหนัง ได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์