รีวิว How to Train Your Dragon  Cressida Cowell นักเขียนหนังสือสำหรับเด็ก หนึ่งในผลงานของเธอคือเรื่อง How to train your dragon เมื่อถูกสร้างเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นก็สามารถสร้างการประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของคำวิจารณ์และความนิยมของผู้ชม ตั้งแต่ภาพยนตร์เรื่องแรกในปี 2010 สำหรับใครที่อยากจะหวนความจำกันสักหน่อย นี่คือเรื่องราวของฮิคคัพ หนุ่มน้อยชาวไวกิ้งผู้แสนอ่อนแอ แต่มีความฝันที่จะกลายเป็นนักล่ามังกร ตามธรรมเนียมของชนเผ่าของเขารวมๆแล้วน่าจะเป็นเวลาประมาณ 10 ปี กับหนังอนิเมชั่นที่โด่งดัง กระแสตอบรับดีเยี่ยม จากค่าย Dream Worksภาคแรกออกฉายในปี 2010 และมีภาคต่อออกฉายใน 4 ปีต่อมา นอกจากประสบความสำเร็จด้านรายได้แล้ว หนังทั้ง 2 ภาคยังผงาดท้าทายดิสนีย์เข้าชิงออสการ์สาขาอนิเมชั่นยอดเยี่ยม แถมยังมีซีรีส์หนังภาคแยกออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันมาโดยตลอดเป็นแอนิเมชันภาคต่อชื่อดังที่หลายคนดูแล้วต้องบอกว่าเนื้อเรื่องดีมาก และในที่สุดแอนิเมชันเรื่องนี้ก็เดินทางมาสู่ภาคที่ 3 ซึ่งแม้จุดขายของหนังจะไม่ต่างจากอนิเมชั่นอื่นๆด้วยการสร้างคาแรกเตอร์ “เขี้ยวกุด” เจ้ามังกรพันธุ์เพลิงนิลในแบบที่แทบลบภาพจำตัวมังกรทั้งหลาย ด้วยหน้าตาที่แทบถอดแบบแมวใสๆ

 

รีวิว How to Train Your Dragon01
2นักรบ

สร้างความน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าน่ากลัวหรือน่าเกรงขามแบบมังกรเรื่องอื่นๆ แต่สิ่งที่ ดีน เดอบลัวส์ ผู้กำกับที่รับผิดชอบกำกับหนังในภาคนี้ให้ความสำคัญกลับเป็นบทและพัฒนาการของตัวละคร ตั้งแต่ภาคแรกที่เราได้เห็น ฮิคคัพ เลือกทางเดินที่ต่างจากสิ่งที่พ่อคาดหวังเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง สู่ภาคสองที่ฮิคคัพต้องเผชิญหน้าศัตรูในสงครามเพื่อความอยู่รอดของชาวเบิร์คและพบบทเรียนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความเสียสละจากพ่อของเขาเอง จนมาถึงในภาค Hidden World นี้เองที่ฮิคคัพ ได้เรียนรู้คุณค่าของความรักและการปล่อยวาง

ซึ่งฮิคคัพได้รับบทเรียนสำคัญที่สุดในการเติบโต และด้วยความประณีตในงานบทภาพยนตร์ก็ทำให้หนังชุด How To Train Your Dragon มีเรื่องราวที่แข็งแรงและคนดูสามารถเชื่อมโยงได้ โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความน่ารักของคาแรกเตอร์มังกรอย่าง เขี้ยวกุด มาปิดช่องโหว่ของหนังเหมือนอนิเมชั่นภาคต่อเรื่องอื่นทำกัน ภาคนี้เล่าเรื่องราวต่อจากภาคที่ 2 ที่ผ่านมาประมาณ 1 ปี พระเอกของเราฮิคคัพได้กลายมาเป็นหัวหน้าเผ่าของไวกิ้งแทนที่พ่อของเขา ซึ่งเขาและพรรคพวกต้องคอยปกป้องมังกรและให้ที่อยู่อาศัย จากพวกนักล่ามังกร เพื่อสานต่อเจตนารมย์ที่อยากจะให้มนุษย์อยู่ร่วมกับมังกรของเขาเอง

แต่สุดท้ายก็ทำให้เขาได้เจอกับวายร้ายคนใหม่ที่ยากจะรับมือ ทั้งหมดต้องต่อสู้ และอพยพเคลื่อนย้ายไปตามหาสถานที่ซึ่งเชื่อว่าเป็นดินแดนลับแล ที่มนุษย์และมังกรจะสามารถอยู่กันได้อย่างสงบสุข และนี่คือตำนานบทใหม่ครั้งสุดท้ายของพวกเขา ช่วงเวลาที่ชาวไวกิ้งและมังกรหลากพันธุ์อยู่ร่วมกันในเมืองเบิร์คอย่างสงบสุขกำลังจะหมดลง เมื่อ กริมเมล (เอฟ เมอร์เรย์ เอบราฮัม) นักล่ามังกรสุดโหดได้เปิดศึกหวังล้างเผ่าพันธุ์มังกรและชาวเบิร์คให้สิ้นซาก จน ฮิคคัพ (เจย์ บารูเชล) และ แอสทริด (อเมริกา เฟอร์เรรา) สองคู่รักแห่งเบิร์คต้องหาทางปกป้องชีวิตชาวเมืองและเหล่ามังกรโดยมีหมุดหมายสำคัญคือดินแดนลับแลในตำนาน

 

รีวิว How to Train Your Dragon

นอกซะจากบทภาพยนตร์ที่ถูกกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คืองานภาพ ซึ่งแม้ How To Train Your Dragon ทั้ง 2 ภาคก่อนหน้าจะมีงานภาพที่สวยงามและน่าจดจำอยู่แล้ว แต่กับ The Hidden World เราก็ยังได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และทำให้เห็นสเกลงานที่ดูยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีภาคต่อของอนิเมชั่นฮิต โดยภาคนี้เราจะได้เห็นการออกแบบเมืองเบิร์คยุดใหม่ที่เป็นบ้านสีสันสดใส เห็นการออกแบบเรือของเหล่านักล่ามังกรที่ดูอึมครึมน่าสะพรึงกลัว ไปจนถึงฉากเมืองลับแลที่ต้องบอกว่าสวยงาม คัลเลอร์ฟูล มากๆ เรียกได้ว่างานภาพนี่น่าประทับใจไม่แพ้หนังคนแสดงทุนสูงๆเลยทีเดียว ซึ่งใครหลงรักซีนโรแมนซ์ระหว่างเจ้าเขี้ยวกุด และ น้องเพลิงนวล จากตัวอย่างหนังขอบอกว่าในหนังถ่ายทอดออกมาได้น่ารักชวนจิกหมอนฝุดๆไปเลย

 

และแน่นอนว่าส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวละครอนิเมชั่นมีชีวิตและสื่ออารมณ์ได้ชัดเจนที่สุดก็หนีไม่พ้นบรรดานักพากย์ทั้ง เจย์ บารูเชล และ อเมริกา เฟอร์เรราที่ให้เสียงฮิคคัพและแอสทริดได้อย่างมีเสน่ห์เหมาะแก่คาแรกเตอร์ รวมถึงบทสมทบที่ได้นักแสดงมากความสามารถทั้ง เคต แบลงเชต, โจนาห์ ฮิลล์ และ คริสเตน วิก ที่ยังกลับมาสร้างสีสันปิดท้ายภาคจบกันอย่างสมบูรณ์ซึ่งตรงนี้โดยส่วนตัวมองว่าเป็นความชาญฉลาดของดรีมเวิร์คที่เลือกเสียง ที่ใช่มากกว่าชื่อเสียงและหน้าตาของนักแสดงเพราะมันทำให้เราดูหนังโดยไม่เอาหน้าของดาราคนนั้นๆมาสวมทับตัวละคร

และทีละน้อยเสียงพากย์และภาพคาแรกเตอร์ก็ค่อยๆกลมกลืนและมีชีวิตในความทรงจำคนดู โดยในหนังภาคนี้นอกจากพระเอกนางเองและเหล่ามังกรแล้ว บรรดาตัวละครสมทบยังมีพัฒนาการและบทบาทที่มากขึ้นมากกว่าการสร้างสีสันแบบเดินผ่านไปผ่านมา ซึ่งก็ถือเป็นคุณงามความดีของบทหนังที่เฉลี่ยบทให้ตัวละครทุกตัวได้มีซีนสร้างความประทับใจคนดูได้เป็นอย่างดี

 

รีวิว How to Train Your Dragon
รวมเหล่านักรบ

เรื่องราวของตัวแอนิเมชันภาคนี้เปิดเรื่องราวมากับประเด็นความแออัดของเหล่าไวกิ้งกับมังกรที่ดูเหมือนว่าหมู่บ้านของพวกเขาจะคับแคบเกินไปสำหรับมังกรที่มีมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ บวกกับพวกเขายังต้องพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจที่อยากจะมาฆ่าเขี้ยวกุดของฮิคคัพอีก ดูจากสถานการณ์แล้วจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ฮิคคัพตัดสินใจชวนคนในหมู่บ้านย้ายถิ่นที่อยู่ไปยังเมืองลับแลที่ไม่เคยมีใครเคยค้นพบเพื่อที่จะรอดสายตาคนจากโลกภายนอกมังกรจะได้อยู่อย่างปลอดภัย คนในหมู่บ้านทั้งหมดเลยตัดสินใจออกเดินทางไปตามหาเมืองลับแล นี่ก็เป็นโครงเรื่องคร่าวๆ ของแอนิเมชันภาคนี้

 

ตัวแอนิเมชันเรื่องนี้ผมต้องยอมรับเลยว่าการให้อารมณ์ต่างๆ ในเนื้อเรื่องทำมาได้ดีมากและเข้าถึงสุดๆ เปิดเรื่องมาก็ทำให้เรารู้สึกอึดอัดตามฮิคคัพกับประเด็นเรื่องการย้ายถิ่นฐาน การตัดสินใจในครั้งนี้ช่างยากเย็นและลำบากใจมากเพราะเป็นหมู่บ้านที่พ่อเขาฝากฝังไว้ก่อนตายให้ดูแลให้ดี นอกจากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็เปิดประเด็นเรื่องราวความรักของเจ้าเขี้ยวกุดกับมังกรตัวสีขาว อารมณ์ในช่วงนี้ของตัวเรื่องก็ทำมาได้โรแมนติกโป๊ะฮาใช้ได้เลย ตัวแอนิเมชันตีความประเด็นนี้มาได้น่ารักและเข้าถึงความรู้สึกของเขี้ยวกุดอย่างลึกซึ้ง อย่างที่บอกครับเป็นแอนิเมชันที่เข้าถึงอารมณ์จริงๆ

 

ส่วนเรื่องประเด็นการไล่ล่าก็ทำมาได้ดีไม่แพ้กันทั้งฉากต่อสู้บนอากาศหรือแม้แต่บนเรือต่างก็สนุกตื่นตาแทบทุกฉากที่สู้กัน บวกกับปมเนื้อเรื่องของฮิคคัพเมื่อเขาไม่มีมังกรเขาก็หมดความมั่นใจในตัวเอง “อุ๊ป!!! สปอยล์รึเปล่าน๊า” แต่การตีความประเด็นนี้ของเนื้อเรื่องก็ทำมาได้ดีและน่าสนใจ นอกจากนั้นตัวเนื้อเรื่องก็มีการใส่อารมณ์ดราม่ามาค่อนข้างหนัก สำหรับใครที่รู้ตัวว่าบ่อน้ำตาตื้นผมแนะนำว่าให้เตรียมทิชชูรอไว้ได้เลยเพราะแอนิเมชันเรื่องทำเอาผมเกือบร้องไห้อยู่เหมือนกัน แต่ผมจะไม่ขอเปิดเผยเนื้อหาส่วนนี้นะว่ามันเกิดอะไรขึ้น

การเดินเรื่องของแอนิเมชันก็ไหลลื่นดูเพลินไม่มีเบื่อ จากภาพรวมของเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรมากแต่ก็เดินเรื่องได้ดีจนทำให้เคลิบเคลิ้มไปกับเนื้อเรื่องได้ตั้งแต่ต้นจนจบ บวกกับงานภาพที่สดใสสวยงามที่ทำให้ยิ่งดูเพลินเข้าไปอีก เป็นงานภาพที่สวยมากจริงๆ ถ้าใครเคยดูหนังเต็มๆ หรือเห็นจากหนังตัวอย่างก็จะรู้ว่าสวยจริงไร้ที่ติมากๆ ผมคงไม่ต้องบรรยายเยอะต้องลองไปพิสูจน์กันเอาเองเลยไม่ผิดหวังแน่นอน

 

โดยรวมแล้วหลังจากที่ผมดูแอนิเมชันเรื่องนี้จบผมรู้สึกได้อารมณ์เหมือนกำลังกินเค้กช็อกโกแลตก้อนโตที่มีเนื้อหานุ่มนวลหวานหอมอร่อยกินง่ายไม่หนักมากและให้ความรู้สึกตื่นลึกหนาบางของรสชาติต่างๆ ที่ผสมกันในตัวแอนิเมชันได้อย่างลงตัว นอกจากนั้นก็ได้รสชาติขมนิดๆ ของช็อกโกแลตจากประเด็นดราม่าของเนื้อเรื่องที่ออกรสหวานนิดๆ อมขมหน่อยๆ แต่ให้รสชาติอร่อยจนน้ำตาแทบไหล เป็นแอนิเมชันที่ดูได้เพลิดเพลินไม่หนักมากเหมือนอาหารจานหลักแต่ถ้ากิน

รีวิว How to Train Your Dragon02
เมื่อฮัคคัพได้พบรัก

รีวิว How to Train Your Dragon

ต้องขอบอกเลยว่าหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ภาพสวยมาก การเคลื่อนไหวของตัวละคร เส้นผม สุดยอดมาก สวยจนยากเกินจะบรรยาย ตอนดูนี่ลืมไปเลยว่าทะเลที่เราเห็นในหนังมันเป็นภาพ CG สวยยังกะภาพจริง ฉากมังกรในเมืองลับแลนี่เล่นเอาเราอ้าปากค้าง และว้าวกับความงดงามนั้นจริงๆ หนังอนิเมชั่นเรื่องนี้ดูง่ายมาก เป็นหนังอนิเมชั่นที่เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี และในภาคนี้ไม่ต้องเสียเวลาบอกเล่าตัวละครเลย เพราะหลายๆ คนที่มาดูคงรู้จักและรู้สึกผูกพันกับตัวละครเหล่านี้ไปโดยปริยาย นั่นจึงง่ายต่อการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้อีก

ทั้งสนุก ตลก มุกก็ใส่มาถูกจังหวะจะโคน ที่สำคัญตัวเด่นของเรื่องอย่างเขี้ยวกุดก็ยังคงน่ารัก น่าเลี้ยงเช่นเดิม เพิ่มเติมคือมังกรเพลิงนวล สีขาว ที่ดูน่ารัก สวย งดงาม ไม่แพ้กันเลย คือแค่จ่ายค่าตั๋วมาดูมังกรสองตัวนี้มุ้งมิ้งกันก็คุ้มแล้วอะจริงๆ การดำเนินเรื่องในภาคนี้อาจจะไม่เข้มข้นเท่าสองภาคแรก และค่อนข้างจะเรื่อยๆ ไปซะหน่อย แต่มันก็ยังสร้างความสนุกและดึงให้เรามีอารมณ์ร่วมกับหนังอยู่เรื่อยๆ ฉากแอ็คชั่นอาจจะน้อย ไม่หวือหวา ตื่นตาตื่นใจเหมือนอย่างภาค 2 แต่มันก็มีให้เราได้เอ็นจอยกับมันบ้าง

สิ่งที่น่าเสียดาย อย่างที่ได้บอกไปว่ามันค่อนข้างจะเรื่อยๆ ตัวร้ายก็เหมือนจะดี แต่รู้สึกว่าง่อยไปหน่อย ตัวร้ายในภาคสองคือยอดเยี่ยมแล้ว จริงๆ ทางค่ายจะให้ตัวร้ายในภาคสองมาโผล่ในภาคสามด้วยซ้ำ อีกอย่างคือ เรารู้สึกว่าจุดพีคและฉากจบในหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้มันยังไม่สุด มันควรจะขยึ้และเรียกน้ำตาได้มากกว่านี้ ถ้ามันทำฉากนั้นออกมาให้ดีกว่านี้ รับรองได้ว่าเรียกน้ำตาคนดูได้อีกบานเลย

ถ้าถามจริงๆ เรายังชอบสองภาคแรกมากกว่านะ แต่รู้สึกว่าภาคนี้จบได้ลงตัวมาก ถึงแม้ว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าที่ควร แต่มันคือการปิดไตรภาคที่งดงามสุดๆ เราชอบทิศทางในตอนจบของเรื่องนี้มาก เราคิดว่าจบแบบนี้แหละ คู่ควรแก่เรื่องทั้งหมดที่บอกเล่ามาเกือบ 10 ปี หลายๆ คนคงจะยกให้แฟรนไชส์ How to Train Your Dragon ติดหนังอนิเมชั่นในดวงใจอย่างแน่นอน

นอกเหนือจากบทภาพยนตร์ที่ถูกกลั่นกรองมาเป็นอย่างดีแล้ว อีกส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้คืองานภาพ ซึ่งแม้ How To Train Your Dragon ทั้ง 2 ภาคก่อนหน้าจะมีงานภาพที่สวยงามและน่าจดจำอยู่แล้ว แต่กับ The Hidden World เราก็ยังได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ และทำให้เห็นสเกลงานที่ดูยิ่งใหญ่สมศักดิ์ศรีภาคต่อของอนิเมชั่นฮิต โดยภาคนี้เราจะได้เห็นการออกแบบเมืองเบิร์คยุดใหม่ที่เป็นบ้านสีสันสดใส เห็นการออกแบบเรือของเหล่านักล่ามังกรที่ดูอึมครึมน่าสะพรึงกลัว

ไปจนถึงฉากเมืองลับแลที่ต้องบอกว่าสวยงาม คัลเลอร์ฟูล มากๆ เรียกได้ว่างานภาพนี่น่าประทับใจไม่แพ้หนังคนแสดงทุนสูงๆเลยทีเดียว ซึ่งใครหลงรักซีนโรแมนซ์ระหว่างเจ้าเขี้ยวกุด และ น้องเพลิงนวล จากตัวอย่างหนังขอบอกว่าในหนังถ่ายทอดออกมาได้น่ารักชวนจิกหมอนฝุดๆไปเลย หนังดี

จบได้อบอุ่นดีมากๆ ผ่านไปหลายปีพระเอกกับนางเอกมีลูกชายกับลูกสาวตัวเล็ก เล่าตำนานมังกรให้ลูกฟัง แล้วนั่งเรือไปหาเขี้ยวกุดที่กำลังนั่งเล่นบนโขดหินกับเพลิงนวลแล้วก็ลูกชายตัวเล็ก 2 ตัวเหมือนพ่อ แล้วก็ลูกสาว 1 เหมือนแม่เขี้ยวกุดยังจำพระเอกได้ แล้วก็ให้ลูกชูมือให้เขี้ยวกุดเอาหน้าไปลูบ แล้วก็ขี่มังกรเล่นบนฟ้ากันอย่างสนุก

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *