รีวิว Night Teeth เขี้ยวราตรี เรื่องราวของโลกมืดใน แอลเอ ที่ถูกปกครองโดยเหล่าผีดูดเลือด แต่เด็กหนุ่มเบนนี่ กลับต้องก้าวขาเข้าไปสู่วังวนของโลกแสนอันตรายนี้อย่างไม่รู้ตัว เขาต้องหาทางเอาตัวรอดท่ามกลางสงครามระหว่างเผ่าพันธ์ที่กำลังปะทุขึ้นให้ได้ เจ้าหนุ่มเบนนี่ นักศึกษาธรรมดามึนๆ คนหนึ่งตัดสินใจเข้ากะดึกขับรถลิมูซีนแทนพี่ชายที่ติดธุระไม่ว่างกระทันหัน งานที่ทำนั้นเขาคิดว่าเป็นงานหมู แต่ลูกค้าประจำสุดสวยของเขาสองคนเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นของค่ำคืนระทึกขวัญของเขา
หนังเรื่องนี้จะเล่าถึง 2 เผ่าพันธุ์อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างยาวนานประกอบไปด้วยมนุษย์และแวมไพร์พวกเขานั้นได้ทำข้อตกลงเพื่อที่จะได้ไม่มีการต่อสู้เกิดขึ้นและอยู่อย่างสงบสุขปกครองโลกมืดอย่างสบายใจ
แต่แล้วพันธสัญญาที่สร้างความสงบสุขมาอย่างยาวนานก็พังทลายลงไปเมื่อมีแวมไพร์กลุ่มหนึ่งการไปฆ่ามนุษย์ ซะงั้น
ดูซีรี่ส์แวมไพร์แนวฉบับมัดรวมตามสูตรที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่ไปมากนัก ถ้าพูดถึงซีรีส์ที่มาในแนวรวมมิตรหลายคนก็จะมองดีไม่ค่อยได้ แต่ตามจริงแล้วซีรีส์ก็มีข้อดีในตัวมันไม่น้อยเลยเหมือนกันเช่นเดียวกันเพราะมันคือการนำเอาแนวของซีรีส์ยอดฮิตคนดูติดใจมารวมกันไม่ว่าจะเป็นแนวอาชญากรรมแนวระทึกขวัญหรือแนวโรแมนติก มันทำให้เราได้รับชมซีรีส์เรื่องเดียวที่ก็ได้ความความครบรส แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือซีรีส์แนวนี้ส่วนใหญ่แล้วมักจะไม่ค่อยได้รังสรรค์ความแปลกใหม่เข้ามาจนกลายเป็นเหมือนกับอัลบั้มรวมฮิตซีรีส์ขายดีซะส่วนใหญ่
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเช่นเดียวกันที่ชอบซีรีส์แนวนี้ Night Teeth จึงกลายมาเป็นซีรีส์ที่มีองค์ประกอบเป็นซีรีส์แนวยำรวมมิตรที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่เนื่องจากนำเอาภาพยนตร์สูตรสำเร็จที่ได้รับความนิยมและประสบความสำเร็จอย่างงดงามมาผสมผสานรวมกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของแวมไพร์ความรักโรแมนติกการต่อสู้เรื่องราวสุดระทึกขวัญ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ประสบความสำเร็จได้อย่างงดงามด้วยการขึ้นไปติดอันดับซีรีส์ยอดนิยมบน Netflix สำเร็จในช่วงเวลานี้ต้องยอมรับว่า
ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์แนวสูตรสำเร็จดังนั้นเมื่อเปิดเรื่องมามันก็ทำให้ผู้รับชมอย่างเราแทบจะเดาเรื่องราวได้ตั้งแต่ต้นจนจบโดยเฉพาะหากใครที่รับชมภาพยนตร์แนวแวมไพร์มาแล้วนักต่อนักรับรองเลยว่าคุณจะสามารถเดาเรื่องราวได้อย่างแน่นอนเนื่องจากมันเป็นการรวมความสูตรสำเร็จของภาพยนตร์แวมไพร์เข้าไว้ด้วยกัน แต่หากคุณชื่นชอบเซ็ตอัพเกี่ยวกับโลกแวมไพร์หรือเรื่องราวสูตรสำเร็จที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานเราขอแนะนำซีรีส์เรื่องนี้เลยรับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
และนี่คือผลงานผู้กำกับหนังระทึกงบน้อย “อดัม แรนดัล” ที่ได้รับโอกาสมาจับงานหนังที่มีสเกลใหญ่กว่าผลงานก่อนๆ ของเขา โดยได้นักเขียนหน้าใหม่ “เบรนต์ ดิลลอน” มาปั้นเรื่องให้เป็นผลงานเครดิตเรื่องแรกของเขา คงต้องบอกว่าสิ่งที่รู้สึกชอบในองค์ประกอบสร้างหนัง Night Teeth ต้องยกย่องให้กับโปรดักชั่นดีไซน์และการออกแบบจัดแสงได้อย่างน่าหลงใหล หนังมีมูทแอนด์โทนลึกลับได้โดดเด่น เพราะการเล่นกับแสงสีที่จัดเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ
แต่แค่องค์ประกอบเดียวก็ไม่สามารถชดเชยความเละเทะของหนังได้ทั้งหมด ยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า Night Teeth เป็นหนังที่แทบไม่มีชั้นเชิงเนื้อหาใดๆ เลย ด้วยเส้นเรื่องที่มีเพียงแค่กระจิดริด เปิดตัวและปูพรมเรื่องราวเอาไว้ได้อย่างน่าสนใจ แต่เนื้อในกลับยังเต็มไปด้วยฟองอากาศกลวงๆ ไปเสียส่วนใหญ่ หนังเดินเรื่องไปแบบเรื่อยๆ แทบไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรให้หวือหวานัก
Night Teeth (2021) เขี้ยวราตรี
ประเภท : อาชญากรรม , สยองขวัญ , ดราม่า
นักแสดงนำ : จอร์จ เลนเดบอร์ก จูเนียร์, เด็บบี้ ไรอัน, อเล็กซานเดอร์ ลุดวิก, ซิดนีย์ สวีนีย์ และ เมแกน ฟอกซ์ เขี้ยวราตรี
ผู้กำกับ : อดัม แรนดัลล์
กำหนดฉายวันที่ : 20 ตุลาคม 2021
โครงเรื่องที่อ่อนเบาบางของหนังเป็นจุดด้อยที่ทำให้หนังไม่เป็นที่น่าจดใจสักเท่าไหร่ เต็มไปด้วยความซ้ำซากเดิมๆ พล็อตเก่าๆ ไม่ได้มีการขยายหรือสร้างมิติในประเด็นที่นำเสนอออกมาเลยแม้แต่น้อย มีแต่พาผู้ชมไปทีละด่านๆ แบบไม่ชวนตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ ก่อนจะหักเลี้ยวเข้าสู่โค้งสุดท้ายได้แบบจืดๆ กับบทสรุปที่ง่ายเหมือนแค่หักกิ่งไม้เล็กๆ ที่ยิ่งทำให้หนังห่างไกลจากคำว่าทรงพลังเข้าไปอีก
ถึงแม้ว่าเหล่านักแสดงในเรื่องจะค่อนข้างช่วยพยุงตัวหนังเอาไว้แล้ว แต่เสน่ห์ของ “จอร์จ เลนเดบอร์ก จูเนียร์” กับ “เด็บบี้ ไรอัน” แทบจะดันหนังทั้งเรื่องเอาไว้ไม่ได้เลย ตัวละครทุกตัวในเรื่องมีหลายๆ มุมที่สามารถขยี้ได้ แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเมินเฉยไป กลายเป็นความแซบ…ที่แซบได้แบบไม่ถึงรสชาติ นี่จึงไม่ต่างกับหนังที่สามารถเปิดดูได้ผ่านๆ แต่พอหนังจบไปได้แค่ 10 นาที ก็แทบจะลืมสิ่งที่ดูมาทั้งไปแล้วเสียอย่างนั้น
รีวิว เรื่องราวในซีรีส์เรื่อง Night Teeth เขี้ยวราตรี ซีรี่ส์แวมไพร์ที่น่าจับตามองขณะนี้
Night Teeth ซีรีส์ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของโลกใบนี้ที่มี 2 เผ่าพันธุ์อยู่อาศัยร่วมกันมาอย่างยาวนานประกอบไปด้วยมนุษย์และแวมไพร์พวกเขานั้นได้ทำข้อตกลงเพื่อที่จะได้สงบศึกและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขเสียทีโดยกฎของพวกเขานั้นมีทั้งหมดสามข้อ ประกอบไปด้วย 1.ห้ามให้มนุษย์รู้โดยเด็ดขาดว่าบนโลกนี้มีแวมไพร์อยู่จริง 2.ห้ามดูดเลือดมนุษย์ที่ไม่เต็มใจ 3.ห้ามแวมไพร์เข้าไปยุ่งกับเขตบอยด์ไฮต์โดยที่ไม่ได้รับอนุญาต
เมื่อมีกฏทั้งสามอย่างนี้เหล่าแวมไพร์จึงได้ปกครองโลกในยามค่ำคืนแบบเป็นความลับ แต่แล้วพันธสัญญาที่สร้างความสงบสุขมาอย่างยาวนานก็พังทลายลงไปเมื่อมีแวมไพร์กลุ่มหนึ่งการไปฆ่ามนุษย์เข้าในขณะเดียวกันมีเด็กมหาวิทยาลัยสุดเนิร์ดคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเบนนี่เขานั้นมีความใฝ่ฝันว่าจะได้เป็นโปรดิวเซอร์หรือเป็นดีเจที่ทำงานเกี่ยวกับดนตรีหลังจากที่กลับมาถึงบ้านก็เพราะว่าพี่ชายต่างพ่อของเขาที่มีชื่อว่าเจย์กำลังหาคนไปทำงานแทนตัวเองไม่ได้เนื่องจากเขามีเรื่องสำคัญที่จะต้องทำด้วยเหตุนี้เขาจึงขออาสาทำงานแทนพี่ชายด้วยการไปขับรถให้ลูกค้าหาค่าขนมไปทำตามความฝันโดยที่ไม่รู้เลยว่า
ลูกค้าคนนั้นจะทำให้ชีวิตของเขาต้องเปลี่ยนไปตลอดกาลเมื่อถึงเวลาทำงานเขาก็ได้พบเข้ากับ 2 สาวที่มีชื่อว่าแบลร์และโซอี้ภายนอกนั้นพวกเธอดูเหมือนเด็กสาวธรรมดาทั่วไปที่กำลังจะออกไปปาร์ตี้ในยามกลางคืน แต่ความจริงแล้วทั้งสองคนมีความลับที่ซ่อนอยู่และเขาก็ได้บังเอิญไปเห็นทั้งสองคนกำลังสนุกสนานอยู่กับการดูดเลือดในคลับแห่งหนึ่งและมันทำให้เขาได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่ควรจะรู้เข้าด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องรีบหนีเอาตัวรอดออกมาโดยที่ไม่รู้เลยว่าแท้จริงแล้วทั้งสองสาวนั้นต้องการพี่ชายของเขาเพราะมีเหตุผลบางอย่างเรื่องราวของเขาจะเป็นอย่างไรต่อไปต้องติดตามรับชมกันในซีรีส์
กองทัพนักแสดงในซีรี่ส์เรื่อง Night Teeth เขี้ยวราตรี จาก Netflix
ฮอร์เฮ เลนเด บอร์ก จูเนียร์ รับบทเป็นเบนนี่ หนุ่มนักศึกษาวัยเรียนมหาลัยเชื้อสายละตินอาศัยอยู่กับยายและเจย์ พี่ชาย เป็นหนุ่มที่หลงไหลในเสียงดนตรี ใฝ่ฝันอยากเป็นดีเจ ทำงานพาร์ทไทม์หลายอย่างเพื่อหาเงินค่าเทอม พอรู้ว่าพี่ชายกำลังหาคนขับรถแทนในคืนนี้ เขาจึงขอโอกาสในการทำงานขับรถ จนได้มาพบเจอกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คาแรกเตอร์เป็นหนุ่มใสๆ ซื่อ ๆ รักครอบครัว สบายๆ
เด็บบี้ ไรอัน รับบทเป็นแบลร์ สาวสวยลึกลับเพื่อนสนิท โซอี้ คาแรกเตอร์เป็นสาวอารมณ์ดี มองโลกในแง่บวก ชอบเบนนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น เพราะเหตุการณ์ไม่อำนวยเลยไม่ได้สานต่อความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็อดใจไม่ไหวจนได้ จึงเกิดโรแมนซ์ขึ้นระหว่างเธอและเบนนี่ สาวเด็บบี้น่ารักดี สายตาชวนฝันมาก
ลูซี่ ฟราย รับบทเป็น โซอี้ สาวสวยลึกลับอีกหนึ่งคน เพื่อนของเด็บบี้ ออกแนวโหดเหี้ยม ไม่รักใคร รักแค่แบลร์เพื่อนสนิท และวิกเตอร์แฟนหนุ่ม พร้อมฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทาง
อัลฟี อัลเลน Alfie Allen รับบทเป็น วิกเตอร์ แวมไพร์หนุ่มแฟนของสาวโซอี้ มีนิสัยเหี้ยม อยากยกระดับตัวตนให้เป็นหัวหน้า เลยแหกกฎข้อตกลงเรื่องการรุกรานย่านบอยล์ ไฮต์ส จับตัวมนุษย์มาขังไว้เพื่อดูดเลือด ตามล่าเพื่อจัดการผู้คุมกฎ เจย์ พี่ชายของเบนนี่
ราอูล คาสติลโญ Raul Castillo รับบทเป็น เจย์ พี่ชายต่างพ่อของเบนนี่ ทำงานเป็นโชเฟอร์รถหรูคอยรับเศรษฐีท่องราตรีในลอสแองเจลิส รู้วิธีจัดการกับพวกแวมไพร์และเป็นคนควบคุมกฎไม่ให้เหล่าแวมไพร์เข้ามาหากินในย่านบอยล์ ไฮต์ส หลังจากมาเรียแฟนสาวโดนวิกเตอร์ลักพาตัว เขาออกตามหาเธอ พร้อมทั้งไล่ล่าเพื่อจัดการวิกเตอร์ และให้เบนนี่ปลอมตัวเป็นเขาเพื่อขับรถแทน
นักแสดงคับคั่ง แต่ละคนก็มีส่วนสำคัญกับตัวเนื้อเรื่องแตกต่างกันไป และเป็นข่าวดีสำหรับคนที่คิดถึงสาวฮอตปรอทแตกอย่างเมแกน ฟ็อกซ์จาก Jennifer’s Body หรือซิดนีย์ สวีนีย์ จาก Euphoria เรื่องนี้มารับเชิญให้เห็นหน้ากันสั้น ๆ ด้วย
แต่สิ่งที่ต้องชมจริงๆ คืองานโปรดักชั่นของเรื่องที่บอกเลยว่า สร้างออกมาได้ยอดเยี่ยมมากๆ ฉากหลายๆ ฉาก อย่างเช่นตอนที่พระเอกกำลังมึน แล้วสองสาวบู๊กระจุยเป็นแบคกราวอยู่ข้างหลัง หรือจะเป็นฉากโลกแสงสีในยามค่ำคืน และฉากไคล์แม็กซ์ที่ใช้มุกแสงอาทิตย์ก็ทำออกมาได้สวย CG เองก็ดูดีเลย ทั้งการตายของแวมไพร์ที่ร่างกายจะค่อยๆ แหลกสลายและไหม้ไปเอง หรือแผลโดนยิงหัวก็ค่อยๆ สมานเอง รวมไปถึงเพลงประกอบที่เข้ากับบรรยากาศในยามค่ำคืนของ Los Angeles และหนังเรื่องนี้มีพากย์ไทยให้ฟังด้วย สำหรับคนไม่ชอบอ่านซับ จะลองดูก็ไม่เสียหาย แต่อย่าไปคาดหวังอะไรมาก
และอีกอย่างหนึ่งที่น่าเสียดายมากเลยก็คือ นักแสดงสองสาวสวยสุดเซ็กซี่ที่เหมือนจะเป็นตัวบอสอย่าง Sydney Sweeney กับ Megan Fox โผล่มานิดเดียว เป็นอะไรที่เสียของมาก โผล่ออกมาพูดไม่กี่ประโยคแล้วก็ไม่โผล่มาอีกเลยทั้งเรื่อง เป็นเรื่องที่แอบเคืองสุดๆ (ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ)
ความรู้สึกหลังรับชมซีรีส์ Night Teeth เขี้ยวราตรี
Night Teeth ดูซีรีส์ที่นำเอาความเป็นสูตรสำเร็จจากภาพยนตร์และซีรีส์ยอดนิยมมาใส่เอาไว้ในเรื่องเดียวดังนั้นแน่นอนเลยว่าเราจะสามารถเอาเรื่องราวได้ค่อนข้างง่ายเนื่องจากมันไม่ได้มีการดัดแปลงหรือบิดพลิ้วเรื่องราวให้แตกต่างจาก ความเป็นสูตรสำเร็จเลยแม้แต่น้อย แต่ที่น่าสนใจก็คือการรวมกันระหว่างเรื่องราวหลากหลายแนวไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวแนวโรแมนติกเรื่องราวอาชญากรรมการต่อสู้ความระทึกขวัญสามารถผสมผสานกันออกมาได้อย่างกำลังพอดีเลยทีเดียว ดูหนัง
กลางคืนของเหล่าแวมไพร์นั้นก็ออกแบบมาได้อย่างน่าสนใจมีอะไรเข้ามาให้เราได้สนใจอยู่ตลอดแทบจะทั้งเรื่องเป็นการบอกเล่าเรื่องราวผ่านมุมมองใหม่อย่างตัวเด็กเนิร์ดที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับแวมไพร์เลยแม้แต่น้อยที่ฉันต้องมาเกี่ยวข้องกับสงครามเผ่าพันธุ์ระดับย่อม
ในส่วนของงานการสร้างก็ถือว่าสามารถทำได้ดีไม่ว่าจะเป็นแสงสีเสียงหรือเอฟเฟคต่างๆ แต่ข้อเสียของมันก็คือความซ้ำซากจำเจที่ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่หากว่าเคยดูซีรีส์หรือภาพยนตร์แนวเดียวกันก็น่าจะเดาเรื่องราวได้
เรื่องอื่นแต่ละตัวละครนั้นไม่ค่อยมีมิติเท่าที่ควรหลายครั้งมีการไปเน้นเล่าเรื่องราวที่ไม่น่าสนใจจนทำให้ดูน่าเบื่อรวมแล้วมันก็ถือเป็นซีรีส์ที่สามารถรับชมได้เพื่อฆ่าเวลาสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวแนวแวมไพร์มันอาจจะไม่ได้เป็น แต่ก็ถือว่าเป็นซีรีส์อีกหนึ่งเรื่องที่สามารถมอบความสนุกสนานและความตื่นเต้นให้กับเราได้เป็นอย่างดี
เกริ่นเรื่องมาแค่นี้ หลายๆ คนก็แทบจะเดาได้ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้ด้วยซ้ำ ยิ่งดูตัวอย่างหนังประกอบ หรือดูเพียงต้นเรื่องก็จะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ยิ่งถ้าใครเป็นสาวกหนังแนวแวมไพร์ล่ะก็ เรื่องนี้ได้หยิบยกสูตรสำเร็จจากเรื่องต่างๆ เอามาใส่ แบบทื่อๆเลย
คร่าวๆ ก็คือ เซ็ตอัพของโลกไนท์ทีท คือเหล่าแวมไพร์ ปกครองเขตต่างๆ ของเมือง เหมือนมาเฟียแบ่งเขต โดยตกลงกับเหล่ามนุษย์เอาไว้ไม่ให้รุกรานกัน ต่างคนต่างอยู่ แต่ดูเหมือนว่า วิคเตอร์ ตัวบอสที่โผล่มาตั้งแต่ต้นเรื่องที่มีความบาดหมางกับเจย์ จะต้องการทำลายสัญญานั้นเพื่อครอบครองทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว (พวกบ้าคลั่งในพลังนั่นแหละเจอทุกเรื่อง) เขาเลยต้องจัดการเหล่าแวมไพร์ตัวบอสที่คุมอยู๋ในพื้นที่ต่างๆ ให้หมด ก่อนจะขึ้นครองเป็นราชาแห่งรัตติกาล แต่นั่นก็ทำให้คนของเขตบอยล์ไฮต์ ที่เหมือนจะเป็นผู้รักษากฏระหว่างเผ่าพันธ์ ต้องออกตามล่าแวมไพร์ที่แหกกฏนั่นเอง
จากที่กล่าวข้างต้น เรื่องราวประมาณนี้มันคือพล็อตแนวหนังอาชญากรรม ชิงพื้นที่กับเจ้าพ่อคนอื่นๆชัดๆ แต่มาในธีมของแวมไพร์แทนนั่นเอง แต่ตัวหนังจะเล่าผ่านอีกมุมมองหนึ่งที่ต้องบอกเลยว่าน่าสนใจที่มันพยายามหยิบยกมานำเสนอ นั่นก็คือมุมมองของคนธรรมดาไม่รู้เรื่องราว ที่ขับรถให้สาวๆแต่สาวที่ว่านั่นดันเป็นแวมไพร์ และกำลังอยู่ในระหว่างภารกิจโค่นเจ้าพ่อแวมไพร์คนอื่นๆ นั่นเอง โดยตัวของโซอี้จะเป็นสาวแนวเปรี้ยวๆ แรงๆ ส่วนแบลร์ ก็จะเป็นสาวแนวที่ดูลึกลับ ใสๆ แต่ไม่ใส ต้องมาเจอกับหนุ่มติ๋ม ที่พวกเธอจะทำอะไรเขาก็ได้ บีบก็ตาย คลายก็รอด ทำให้พระเอกก็ต้องหาทางเอาตัวรอดจากเงื้อมมือผีดูดเลือดสาวสองตนนี้ก่อนจะถูกเชือดให้ได้
บอกเลยว่าเซ็ตอัพต่างๆ ของโลกกลางคืนที่ผสมผสานกับเรื่องราวของแวมไพร์ก็ดูน่าสนใจ เช่น เขตแต่ละเขตก็จะมีสถานที่เที่ยวกลางคืน ฉากหน้าเหมือนสถานบันเทิงทั่วไป แต่ทว่าหากใครที่มีตราพิเศษสำหรับกลุ่มแวมไพร์ล่ะก็ สามารถเข้าไปในสถานที่เฉพาะอย่าง คลับดูดเลือด ที่จะมีมนุษย์ที่ยินยอมให้ถูกดูดเลือด มาบริการแวมไพร์ได้อิ่มหนำสำราญ ตรงนี้ก็มาในธีมองค์กรลับในหนังสายลับเทือกๆ นั้น
หรือกลุ่มของมนุษย์ฝ่ายปกครองที่รักษาและคานอำนาจระหว่างแวมไพร์กับมนุษย์เองก็น่าสนใจ จะเห็นว่าตำรวจเองก็เป็นคนของผีดูดเลือด หรือมีกลุ่มบอยล์ไฮต์ที่เป็นเหมือนแก๊งค์ชาวเม็กซิกันที่คอยปกครองฝั่งมนุษย์ และลีเจี้ยนไนท์ กลุ่มที่เหมือนกับทหารลับ คอยไล่ล่าเหล่าผีดูดเลือดให้สิ้นซาก ตัวบอสของเรื่องอย่างวิคเตอร์ก็มีโรงงานสูบเลือดมนุษย์มาดื่มอยู่ใต้บ้านตัวเองทั้งๆ รายละเอียดองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้ มันน่าสนใจและบ่งบอกได้ว่าคนเขียนบทและผู้กำกับ ทำการบ้านมาดี
แต่สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ดันมีโฮลใหญ่ที่การเลือกดำเนินเรื่องและการนำเสนอ เพราะว่ามันไม่มีเรื่องราวชวนค้นหาที่แปลกใหม่เลย แถมยังดำเนินเรื่องไปสู่ไคลแม็กซ์ได้แบบเรียบง่าย เพราะสิ่งที่หนังมันเป็นจริงๆ ก็คือหนังดราม่ามึนๆ ผสมกับรักกุ๊กกิ๊กกันช่วงกลางเรื่อง จนไปถึงช่วงท้ายกลายเป็นมหาสงครามแวมไพร์ซะอย่างนั้น
แต่ก็ต้องขอบอกว่าไม่ใช่หนังย่ำแย่อะไรขนาดนั้นนะครับ เป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ ไม่ถึงกับสนุกมาก แต่ก็ไม่ใช่น่าเบื่อ มีความอร่อยที่พอดีคำ ด้วยความเป็นหนังล่าแวมไพร์ทำให้มีฐานผู้ชมและคนสนใจอยู่จำนวนหนึ่ง ติดที่ว่าพล๊อตเรื่องของหนังไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย จึงไม่ทำให้สามารถตราตรึงผู้ชมได้มากนัก แม้องค์ประกอบศิลป์ด้านต่างๆ จะทำได้ดี แต่กลับยังไม่สามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกคล้อยตามและจดจำในหนังเรื่องนี้ได้เท่าที่ควรนัก