รีวิว Tom and Jerry เรื่องราวความป่วนสุดแสบที่คุ้นตากันมาตั้งแต่เด็กยันโต ไม่ว่ากี่รุ่นๆ ก็ดูกันได้อย่างสนุกสนาน จนมาถึงปีนี้ เรื่องราวของสองคู่กัดจอมป่วนก็ถูกนำมารื้อสร้างเรื่องราวใหม่ให้เป็นหนังเรื่องยาวขึ้นฉายในจอภาพยนตร์ หลายคนอาจจะไม่ค่อยคาดหวังกับการ์ตูนที่นำมาสร้างใหม่เป้นหนังมากเท่าไร คิดว่าคงเป็นแค่การ์ตูนที่ถูกเอามาฉายเป็นหนังยาวเท่านั้น แต่เกินคากด เพราะหนังค่อนข้างดีและน่าประทับใจเลย

https://youtu.be/s-sgcWNj3q8

Tom and Jerry 2021 ภาพยนตร์แนวตลกเจ็บตัวไลฟ์แอ็คชั่นผสมอนิเมชั่นไฮบริดสองมิติ สร้างจากหนังชื่อเดียวกันในปี 1994 ที่สร้างโดย แฮนนาห์ และโจเซฟ บาบีร่า กำกับโดย ทิม สตอรี่ และ เควิน คอสเตลโล รับหน้าที่เขียนบท นำแสดงโดย โคลอี เกรซ มอเรตซ์ ไมเคิล เพนญ่า โคลิน จอสต์ พาลลาวี ชาร์ดา และ เคนจอง ได้เสียงที่อัดไว้ก่อนเสียชีวิตของ แฮนนาห์ บาบีร่า เมล บลานซ์ จูน โฟเรย์ ให้เสียงพากย์ของทอมและเจอร์รี่ สตูดิโอสร้างโดย วอร์เนอร์ บราเธอร์ อนิเมชั่น แผนกการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นของวอร์เนอร์ บราเธอร์ พิคเจอร์

เรื่องย่อ เมื่อ เจอร์รี่ ย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมที่หรูหราที่สุดในมหานครนิวยอร์ก ณ ช่วงเวลาที่กำลังจะมีพิธีการแต่งงานสำคัญ เป็นเหตุให้ผู้จัดงานจำเป็นต้องจ้าง ทอม มาเพื่อไล่เจ้าหนูตัวแสบตจัวนรี้ออกไปไม่ให้มาป่วนงาน (เราคงแอบยิ้มกันว่าไอแมวนี่มันทำแบบนั้นได้ที่ไหนไม่งั้นคงไม่ไล่ตีกันให้เราได้ฮากันถึงทุกวันนี้) จึงเกิดเป็นสงครามระหว่างแมวกับหนูที่อาจทำลายล้างอาชีพการงานของผู้จัดงานคนนั้นและอาจจะหนักถึงขั้นป่วนงานแต่งงานให้ล่มเลยทีเดียว

แถมสถานการณ์ยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่เมื่อบังเอิญจังหวะเดียวกันกับ “เคย์ลา” (Chloë Grace Moretz) สาวเจนวายเจ้าเล่ห์แต่ตกอับที่เพิ่งจะตกงานจากร้านซักรีดมาหยก ๆ ได้มีโอกาสใช้ความเจ้าเล่ห์เพทุบาย จนได้มีโอกาสเข้าไปเป็นพนักงานชั่วคราวในตำแหน่งผู้ดูแลงานอีเวนต์งานแต่งงานสำคัญนี้โดยเฉพาะ พยายามเข้ามาเติมเชื้อเพลิงให้กับความวุ่นวายระหว่างพวกเขา ชื่อเสีนงของโรงแรมและเจ้าของงานจะเป็นอย่างไร เราต้องตามชมที่ ดูหนัง

 

รีวิวหนัง-Tom-and-Jerry-3

 

ทอมแอนด์เจอร์รี่ เวอร์ชันปี 2021 นี้ ถือว่าเป็นเวอร์ชันแรกในโลกที่ผสมผสานแอนิเมชันสามมิติกับคนแสดงเข้าไว้ด้วยกันครับ ด้วยความที่นี่คือการ์ตูนตอนสั้นในตำนาน พอถูกจับมาเป็นหนัง ผู้กำกับก็เลยต้องเคารพต้นฉบับระดับตำนานกันซะหน่อย ฉากที่เราคุ้นเคยจากการ์ตูนในแต่ละตอน ถูกเอามาใส่หลายฉากให้หายคิดถึง กันเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง แต่สิ่งที่ดีงามคือ หนังไม่ได้สักแต่ว่าเอาฉากพวกนั้นมามัดรวมกันมั่วๆ แต่กลับนำมาร้อยเรียงเป็นฉากประกอบเรื่องราวแต่ละช่วงได้อย่างกลมกลืนและลื่นไหลลงตัว

เรื่องราวการต่อสู้ห้ำหั่นอย่างเอาเป็นเอาตายและเล่นถึงตายถึงจะไม่ตายกันจริงๆก็เถอะ ของแมวสีน้ำเงินและหนูสีน้ำตาลอย่าง ทอม กับ เจอร์รี่ ที่หยิบสารพัดทุกสิ่งของมาฟาดฟันกันอย่างนรกแตกอย่างกับหนังเรต R กว่า 81 ปีที่โลดแล่นในสื่อต่าง ๆ จนเป็นที่นิยมของคุณหนูและผู้ใหญ่หลาย ๆ คนทั่วโลก พร้อมด้วยความนนิยมเรื่องมุกตลกเจ็บตัวมาจนถึงทุกวันนี้ และนี่คือผลงานฉลองครบรอบ 80 ปี ที่ทิม สตอรี่ ผู้กำกับมากฝีมือที่ฝากผลงานหนังดังมาแล้วเฉิดฉายมามากมาย

แต่สิ่งที่น้อยคนจะรู้คือ เขาเป็นแฟนพันธุ์แท้ทอมแอนด์เจอร์รี่ และขอรับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากการ์ตูนสั้นในจอแก้ว สู่จอเงินเป็นครั้งแรก โดยตั้งใจไว้ว่า มันจะเป็นหนังแบบคนแสดงและมีตัวการ์ตูนสัตว์เป็น 2 มิติที่มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าหรือสิ่งแวดล้อมอย่างเป็นธรรมชาติด้วยทุนสร้างเพียง 50 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับหนังไลฟ์แอ็คชั่นเรื่องนี้

หลายคนคงตั้งข้อสงสัยว่ามันจะออกมาดีจริงๆหรอ การ์ตูนกับคนมันไม่ไปด้วยกัน แต่ทิม สตอรี่ก็ยังยืนยันนั่งยันนอนยันว่าจะใช้เทคนิคนี้ เพราะมันคือการแสดงคารวะต่อต้นฉบับ และเป็นการทำให้การเคลื่อนไหวทุกอย่างเป็นธรรมชาติแม้จะไม่ได้เป็นภาพสามมิติ โดยเชื่อว่าพวกเขาจะทำมันให้ดีที่สุด

พร้อมนำทัพนักแสดงมากฝีมือ เริ่มต้นด้วย โคลอี้ เกรซ มอเรซ  มารับบทสาวเจนวายผู้มีความมุ่งมั่นในการมองหาความสำเร็จ และไมเคิล พีน่า ที่คราวนี้รับบทนิ่ง สุขุม อีกคนนึงที่ไม่พูดถึงไม่ได้อย่าง โคลิน จอสต์ นักแสดงตลกหนุ่มจากรายการดังของอเมริกาอย่าง Saturday Night Live มาร่วมถ่ายทอดเรื่องราวที่ไม่ได้เป็นแค่แมวกับหนู แต่คือ นิวยอร์ก พร้อมด้วยทีมเสียงประกอบจาก คริสโตเฟอร์ เลนเนิร์ตซ ผู้ประพันธ์เพลงจากซีรีส์ the boys มาร่วมบรรเลงเพลงให้ในงานนี้ด้วย อ่านมาถึงตรงนี้ก็แอบหวังให้งานที่ออกมาจะไม่แย่จริงๆเถอะ รีวิวหนัง

รีวิว Tom and Jerry ภาคนี้ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว

หากใครดูทอมแอนด์เจอร์รี่มาก็จะเดาแพทเทิร์นไม่ยากเลย เพราะในการเล่าเรื่องของภาพยนตร์ก็ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนค่อนข้างตรงไปตรงมา ค่อยๆก้าวไปทีละก้าวให้คนดูเข้าใจง่าย ไม่ได้มีปมอะไรที่ชวนให้ต้องความเข้าใจ แต่เสน่ห์ของมันคือการแบ่งพาร์ทอย่างลงตัวระหว่างเรื่องของทอมกับเจอร์รี่ที่ต้องฟาดฟันกันเพื่อจะได้อยู่ในโรงแรม กับเคย์ล่าที่ต้องพยายามรักษาโรงแรมนี้ไว้ไม่ให้เจ๊งซะก่อน

ซึ่งมันก็ยังเป็นทอมแอนด์เจอร์รี่ที่มีคนมาเกี่ยวข้อง ที่ไม่ได้มาแย่งพื้นที่เด่นของตัวละครหลักไป แต่กลับสอดคล้องกันเป็นหนึ่งเดียว แถมยังสามารถเปิดเรื่องราวใหม่ ๆ ให้เกิดขึ้นได้โดยที่ไม่รู้สึกว่านี่มันหนังคนแสดงที่ตัวละครการ์ตูนเป็นตัวประกอบ ไม่ใช่เลย บวกกับการเคลื่อนไหวของตัวละครก็เป็นธรรมชาติตามแบบที่ผู้กำกับตั้งใจที่จะทำและทำมันออกมาได้ดี ทำให้ในส่วนของการโลดแล่นในโลกสามมิติของตัวละครน่าเชื่อถือ โดยไม่ต้องทำให้มันเป็นแมวจริง หรือหนูจริงได้ด้วยซ้ำ

ทั้งยังหยิบเอกลักษณ์และนิสัยของตัวละครได้เหมือนกันกับที่อนิเมชั่นสั้นได้นำเสนอไว้ ทำให้ใครที่ดูการ์ตูนมาจะรู้สึกได้ถึงความเข้าถึงตัวละครได้โดยไม่ต้องเข้าใจอะไรยาก ด้วยฉากหรือมุกบางอันก็เหมือนหยิบจากตอนสั้นที่ใครหลายคนคงผ่านตามาแน่ ๆ มาเรียบเรียง ตีความเล่าใหม่อย่างร่วมสมัยและมีสไตล์ ไม่รู้สึกได้ถึงความยัดเยียด แต่มุกตลกก็ไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่มากนัก เพราะมันจะเป็นไปตามการ์ตูนที่ดูผ่าน ๆ ตาเสียมากกว่า หยิบสิ่งของมาตีกัน วิ่งไล่กัน คิดกับดัก เล่นหูเล่นตากับคนดู ใครดูการ์ตูนมาก็อาจจะฮาลั่น หรือแอบอมยิ้มได้ตลอดเวลา เพราะนี่แหละคือข้อดีที่หนังไลฟ์แอ็คชั่นของทอมแอนด์เจอร์รี่ทำได้อย่างไร้ที่ติเลย

ขอยอมรับว่าสิ่งที่หนังทำได้ดีอย่างเห็นได้ชัดคือ การเอาเจ้าสองตัวป่วนคู่กัดที่เป็นการ์ตูน 2 มิติแบบแบนราบ มาเล่นร่วมกันคนจริงๆ ทำใหเ้มีความแตกต่างจากต้นฉบับ แถมเนื้อเรื่องยังเกี่ยวกับมนุษย์มากกว่าเจ้าสองตัวนี้ซะอีก ซึ่งในการ์ตูนเราจะแทบไม่เห็นคนเลยด้วยซ้ำ จะเห็นแค่ต้นขาและเสียงพูดบ่นๆ ของตัวละครที่เป็นมนุษย์ แต่กับเรื่องนี้ หนังเอาได้จับเอาทั้งสองวัตถุดิบนี้มาร้อยรวมกันเป็นเรื่องราวอันสนุกสนานได้อย่างสุดยอด

อีกสิ่งที่ต้องพูดถึงก็คือบทและการวางพล็อตที่เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมครับ โดยเฉพาะการออกแบบมุกที่มีกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ได้ฮาเล็ก ฮาใหญ่สลับกันไป เป็นมุกที่แทรกเอาไว้ได้อย่างพอดีพอเหมาะ และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นการวางพล็อตแบบ ปู ชง ตบ แอบวางพล็อตไว้ตรงไหน พล็อตก็ตามมาเก็บกลับได้อย่างฮามาก ๆ เรียกว่าเป็นหนังที่เสียพลังงานไปกับการฮาตลอดเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเลยครับ

 

รีวิวหนัง-Tom-and-Jerry-1

 

องค์ประกอบต่างๆภายในหนัง

ประเด็นสำคัญของเรื่องถือว่าเกิดความคาดหมายจากในตัวอย่างที่เห็นไปมาก เพราะนอกจากความสนุกของการตีกันยิ่งกว่าหนังแอ็คชั่นบู๊แอ๊คชั่นที่จัดเต็มตลอดเกือบ 2 ชั่วโมง บทของเรื่องยังมีความลึกซึ้งในด้านประเด็นของสังคมที่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ในเรื่องนี้ เรื่องของการทำงานระหว่างคนเจนใหม่และคนเจนเก่า ความทะเยอทะยานของคนที่อยากจะมีอนาคตและมีโอกาสเป็นที่ยอมรับของสังคม การใช้เล่ห์เหลี่ยมชิงไหวชิงพริบในการทำอะไรสักอย่าง การพยายามจนกว่าจะสามารถทำสิ่งนั้นสำเร็จลุล่วง การซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น ความสัมพันธ์ของคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน เหมือนกับที่ทอมและเจอร์รี่ได้เรียนรู้ไปพร้อม ๆ ว่า สังคมรอบ ๆ อาจจะไม่ได้เปลี่ยนพฤติกรรมหรือยับยั้งสงครามของแมวและหนูได้ แต่สังคมก็ทำให้แมวและหนูอยู่ด้วยกันได้อย่างสงบ เพราะโลกจะน่าอยู่ขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกคนมีความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกัน เมื่อเชื่อใจกันแล้ว สิ่งที่ผิดพลาดก็สามารถหาหนทางที่จะแก้ไข อาจจะไม่ต้องญาติดีกันแต่แค่ทำสิ่งดี ๆ ร่วมกันมันก็ถือว่าดีมากแล้ว แม้มันจะดูโลกสวยไปหน่อยถ้าดูตามหลักความเป็นจริง แต่ถ้างว่ากันตรามตรง นี่มันคือพล๊อตเรื่องวของหนังโลกสวยนั่นแหละครับ ที่ทีมงานตั้งใจสร้างออกมาเพื่อให้ความสดใสแก่วงการภาพยนตร์ เรียกได้ว่าเป็นหนังตลกครอบครัวน้ำดีอีกเรื่องนึงเลยทีเดียว ซึ่งทอมแอนด์เจอร์รี่มันอาจจะไม่ลึกซึ้งขนาดนี้ ถ้าขาดประเด็นแบบมนุษย์ที่มาช่วยเติมเต็มเรื่องราวให้มันสมบูรณ์แบบ ดูจบเดินออกจากโรงคือยิ้มปากแทบฉีกแน่นอน

 

รีวิวหนัง-Tom-and-Jerry-2

 

ในเรื่องของงานภาพสร้างทำให้ภาพระหว่างสองมิติกับสามมิติเข้ากับสภาพแวดล้อมกลมกลืนไปหมดจดถึงแม้ว่าในตัวอย่างมันเหมือนว่าเราจะไม่ชินตากับงานภาพการ์ตูน แต่ในหนังมันจะปรับให้เลย ไม่ว่าตัวละครจะสัมผัสกับสิ่งไหนมันก็จะเหมือนว่าตัวละครเหล่านั้นกำลังแตะต้องอยู่จริง ๆ แม้ว่าเราจะรู้ว่ามันไม่ใช่ของจริง เป็นงานซีจี แต่มันเป็นไปได้ในโลกของภาพยนตร์และมีกลิ่นอายเดิมครบถ้วน อะไรที่เคยเห็นในการ์ตูน พอออกมาอยู่บนจอเงิน ก็สามารถทำให้เรามันเป็นเพียงสัตว์ที่ใช้ชีวิตแบบสัตว์ที่เป็นแบบ 3 มิติ จริง ๆ ต้องยกเครดิตให้กับผู้กำกับสุดโหด ทิม สตอรี่ ที่เล็งเห็นความสำคัญของการยึดถือเคารพต้นฉบับ และการเขียนบทที่มีรายละเอียดอย่าง เควิน คอสเตลโล ที่สามารถเล่าบทของทอมแอนด์เจอร์รี่ในโลก 3 มิติ ทั้งมุกต่าง ๆ  จังหวะ และความเล่นใหญ่แบบการ์ตูนไม่จางหายไปแถมยังทำให้มันยิ่งใหญ่กว่าที่ในการ์ตูนสั้นให้เราอีก พอต้นฉบับมันดีแล้วยิ่งทำให้มันโดดเด่น เชื่อว่าแฟนหลายคนที่ได้ดูคงหมดข้อสงสัยเรื่องงานภาพ เพราะในตัวอย่างทำเหมือนว่าก็แค่นี้ แต่จริง ๆ มันไม่ได้มีแค่นี้ แต่ผมไม่ขอพูด เพราะมันใหญ่มาก ตอกหน้านักวิจารณ์ที่ประเมินงานงานซีจีของสายสองมิติกันไประนาวเลยทีเดียวครับ

สรูปแล้ว พอจากการ์ตูนที่ไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไร ถูกใส่เรื่องราวที่มาอยู่ในโลกจริงๆ เจอกับคนจริงๆ โดยเฉพาะหนังแนวนี้ แน่นอนว่าตอนจบต้อง Happy Ending อยู่แล้ว แต่หนังไม่ได้จบแบบให้แฮปปี้ดี๊ด๊าเหมือนหนังการ์ตูนทั่วไป ถึงกระนั้นหนังยังทำบทสรุปจบได้ Feel Good ดีต่อใจ เรียกว่าเรื่องนี้ได้คะแนนกินขาดจากหนังเรื่องอื่นเป็นอย่างมาก และกวาดรายได้ถล่มทลายในอเมริกา

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *