ทุกคนวันนี้ฉันจะมา รีวิวAll The Places ซึ่งเรื่องนี้มีเรื่องราวของความรัก ที่ปนความเศร้าโศกลงไปด้วย ถ้าใครมีความรู้สกึว่าตัวเองมีความเศร้าใจอะไรบางอย่าง และในบางครั้งอารมณ์เศร้าในจิตใจของเรา ก็เป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของเรา เพราะมันทำให้เราได้มีโอกาสเติบโตได้

แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ต้องฝ่าฟันความเศร้าไปได้ ในบางทีจุดนี้เราอาจจะต้องการ ใครสักคนอยู่เคียงข้างสักคนก็ได้ เหมือนกับนางเอกของเรื่องนี้ เรามาดูกันว่าเนื้อเรื่องที่มีความผสมผสานระหว่างความรักและความเศร้าจะออกมาเป็นยังไง ถ้าท่านกำลังหาเว็บดูหนังดี ๆ ไม่มีโฆษณา สามารถเข้าชมที่ ดูหนังออนไลน์

รีวิวAll The Places หนัง ทุกที่ในความทรงจำ เรื่องราวความโรแมนติกหวานแหวว

รีวิวAll The Places หนัง ทุกที่ในความทรงจำ เรื่องราวความโรแมนติกหวานแหวว

รีวิวAll The Places ภาพยนตร์ของ Netflix

เริ่มที่เรื่องย่อของเรื่องนี้ All The Places ในหลังจากสูญเสียพี่สาวไป สาวโลกส่วนตัวสูงอย่างไวโอเล็ต มาร์กีย์ แสดงโดยแอลล์ แฟนนิ่ง ก็เจอความหมายในชีวิตอีกครั้งเมื่อได้พบกับหนุ่มแปลกอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เขามีอารมณ์ที่แปรปวนยังไงบอกไม่ถูก อย่างธีโอดอร์ ฟินช์ แสดงโดย จัสติส สมิธ ภาพยนตร์ของ Netflix สร้างจากนิยายขายดีทั่วโลกชื่อเดียวกันจากปลายปากกาของ เจนนิเฟอร์ นิฟเวน

และไวโอเล็ต หญิงสาวอมทุกข์ที่สูญเสียพี่สาวไปจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแบกความเศร้าเอาไว้บนบ่าและใบหน้า เปลี่ยนไปจากคนเดิมที่เคยเป็น จนได้มาเจอกับฟินช์ ชายหนุ่มที่โผล่เข้ามาในจังหวะที่ยากลำบากของชีวิตพอดี

และฉุดเธอให้ผ่านพ้นจากความหม่นหมอง ในชีวิต ด้วยการพาไปท่องเที่ยวตามสถานที่สวยงามต่าง ๆ ในเมืองด้วยกัน โลกของเธอสดใสและมีความหมายมากขึ้น ในขณะเดียวกันโลกของฟินช์เองกลับมืดมนและอ้างว้างเกินกว่าที่ไวโอเล็ตจะเข้าใจ

และเตรียมโบกมือลาเดือนแห่งความรักด้วยภาพยนตร์โรแมนติกดราม่าอย่างเรื่องนี้เลย ซึ่งก็ตามนั้นเลยว่าเป็นโรแมนติกดราม่าจริง ๆ เป็นหนังรักที่ไม่ได้ให้ความรู้สึกกุ๊กกิ๊กดูแล้วบิดหมอนนะต้องทำความเข้าใจตรงนี้ก่อน ถ้าท่านสนใจรับชมเรื่องนี้สามารถเข้าชมฟรีได้เลยที่ ดูAll The Places

และถึงเห็นหน้าไวโอเล็ตแล้วโลกจะสดใสก็เถอะ หนังเปิดมาด้วยตัวละครหลักที่ประสบความเจ็บปวด ในชีวิต ไวโอเล็ตสูญเสียคนในครอบครัวที่เป็นทั้งพี่สาว และเพื่อนสนิท เป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เธอต้องรู้สึกสูญเสียขนาดนี้

รีวิวAll The Places ภาพยนตร์ของ Netflix

ในส่วนการแสดงออกถึงความเจ็บปวดของเธอคือการปิดกั้นตัวเองออกจากสังคม ปลีกตัวแยกออกมา ส่วน ฟินช์เองก็เคยสูญเสียคนสำคัญไปเช่นกัน แต่การตอบสนองต่อความเจ็บของฟินช์จะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง

All The Places เรื่องย่อ ซึ่งแตกต่างจากไวโอเล็ต และถึงทั้งคู่ดูรวม ๆ เป็นการหนีปัญหาคล้าย ๆ กัน ฟินช์จะเก็บซ่อนเรื่องราวของเขาเอาไว้ปกปิดด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่ดูว่าเขาไม่เป็นไร ซึ่งเราชอบตรงนี้นะ คนเราไม่จำเป็นต้องแสดงออกเวลาเศร้าเหมือนกัน

ซึ่งถือได้ว่าเป็นเรื่องที่จริง ๆ แล้วทุกคนรู้แต่บางทีอาจจะไม่ทันได้คิด อะเริ่มนอกเรื่องล่ะ 5555 เรามาต่อกันดีกว่า และมันก็เป็นหนังรักที่ มักจะต้องมีฝ่ายใดฝ่ายนึงชอบกัน ในเรื่องนี้ตกเป็นของฝ่ายพระเอก ฟินช์ที่เจอไวโอเล็ตครั้งแรกตรงสะพาน ขอขยายความว่ามันไม่ใช่การเจอกับบนสะพาน

แต่เป็นการเห็นไวโอเล็ตยืนอยู่บน ขอบสะพาน สาวสวยผมบลอน์ตาเศร้า พอฟินช์เดินเข้าไปปรากฏว่าผู้หญิงที่ยืนอยู่บนนั้นคือ ไวโอเล็ต ซึ่งเกี่ยวข้องเป็นเพื่อนร่วมชั้นเดียวกับเขา และนั้นคือจุดเริ่มต้นของหนังเรื่องนี้ เท่านั้น อย่าลืมติดตามการรีวิวของเราได้เลยที่ รีวิวหนังดัง

ฟินช์เริ่มทำตัวเป็นพระเอก

ทุกที่ในความทรงจำ และในหลังจากที่ฟินช์เจอไวโอเล็ตในสถานะการณ์แบบนั้น ฟินช์ก็ทำตัวเป็นพระเอก ในทันทีทันใดเลยแก ที่ทั้งดมกลิ่นหาและพยายามเยียวยาไวโอเล็ต จากความหม่นหมองที่ครอบคลุมเธออยู่ ซึ่งมันก็ประจวบเหมาะกับ อาจารย์วิชาภูมิศาสตร์ที่สั่งโปรเจ็กต์ คู่ให้ไปค้นหาสถานที่ต่างๆ ของเมืองและเขียนถึงความงดงามของสถานที่ที่ไปมา

ซึ่งก็เข้ากับสถานะการณ์ดี บางทีความเศร้าก็แก้ได้ด้วยการออกไปค้นหาสิ่งธรรมดาที่สวยงาม แต่เราว่าหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้เหมาะกับคนเศร้าที่ดูแล้วจะหายเครียดนะ รวม ๆ แล้วสำหรับตัวเราเองเรียกว่าเป็นหนังรักได้ไม่เต็มปากมันกึ่ง ๆ ให้ความรู้สึกเป็นเพื่อนที่เข้าใจกันมากกว่า เพื่อนที่แอบแซ่บอะนะ 5555

และตอนที่เราดูเรื่องนี้ฉากแรก ๆ รู้สึกถึงความแปลกแยกของตัวละครหลักทั้งสองคนมาก ๆ กับกลุ่มเพื่อน อาจารย์ ครอบครัว และยังรู้สึกถึงความเข้าใจของฟินช์ที่มีต่อไวโอเล็ต เป็นอารมณ์แบบที่คนประสบปัญหาแบบเดียวกัน ก็สามารถมีความเข้าใจต่อกันได้โดยไม่ต้องการคำอธิบาย เป็นความอบอุ่นแบบไม่มีบทพูด

ฟินช์เริ่มทำตัวเป็นพระเอก

แล้วฟินช์ก็ยังมีความแปลกประหลาดที่ดูจริงใจจึงเป็นการเพิ่มความรู้สึกปลอดภัยให้กับไวโอเล็ตได้ไม่ยาก ซึ่งเราจะขอแบ่งหนังเรื่องนี้เป็นสองส่วนใหญ่ๆ คือส่วนแรกที่ฉายให้เห็นถึงปัญหาของนางเอก

เรื่อง ทุกที่ในความทรงจำ เรื่องย่อ ของความสูญเสียและได้รับการปลอบประโลมจากฟินช์ ส่วนหลังคือส่วนที่นางเอกเริ่มรับรู้ว่าจริง ๆ แล้วคนที่เข้ามาช่วยเราเนี่ย เป็นคนที่ต้องการความช่วยเหลือสุด ๆ เหมือนกัน ซึ่งจู่ ๆ มันก็ทำให้ฉันรู้สึกนึกถึง ท่อนเพลงขึ้นมา คือ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว 55555

ในระหว่างที่ฉันดูเรื่องนี้มันทำให้ฉันรู้สึกว่าด้วยเรื่องของวัยรุ่นมีปัญหาสองคนที่ร่วมการเดินทางผจญภัยออกไปเจอโลกข้างนอกจดจำช่วงเวลา สถานที่ ความรู้สึกดี ๆ ที่มีต่อสิ่งรอบข้างในรัฐอินดีแอนาทั้งหมด เพื่อปลดเปลื้องอารมณ์มืดมนที่ทั้งสองโดนครอบงำเปลี่ยนชีวิตและวิธีความคิดใหม่ให้กลายมาเป็นอีกคน

เรื่องนี้พยายามทำให้เราเห็นภาพความรักของวัยรุ่น

ซึ่งเท่าที่ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ หนัง ทุกที่ในความทรงจำ พยายามทำให้เราเห็นภาพ ว่า  แล้วเรื่องนี้มันออกเป็นแนวหนังโทนทึม ๆ เรียบ ๆ เปิดมาด้วยมุมมองของเด็กหนุ่มธีโอดอร์ ฟินซ์ พบเจอกับเด็กสาวที่ขอบสะพาน ใบหน้าที่ว่างเปล่าจดจ้องมองไปยังด้านล่าง เป็นมุมมองแรกที่เขามีต่อเธอและสิ่งแรกที่เขาอยากทำคือปลดปล่อยเธอออกจากพันธนาการของความทุกข์ที่กำลังเผชิญ

และฟินซ์ใช้เวลาเข้าหาไวโอเล็ต มาร์กีย์เป็นระยะ จนในที่สุดเธอเปิดใจและร่วมทำรายงานเกี่ยวกับการค้นหาสถานที่ต่าง ๆ ในอินดีแอนาเมืองเล็กๆที่ทั้งสองอาศัยอยู่ มิติที่น่าสนใจของไวโอเล็ต มาร์กีย์ในมุมมองของฟินซ์คือเธอสดใส

แต่ก็แน่นอนว่ามันต่างจากตอนนี้ที่เขาได้พบเธอ ซึ่งตัวเด็กหนุ่มมองมันจากข้างในและเชื่อว่าเธอมีมากกว่าหนึ่งสีสันจากเดิมเด็กสาวเป็นนักเขียน ชอบจดบันทึกแต่เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับตัวไวโอเล็ตและพี่สาว ทำให้ต้องห่างหายไป ฟินซ์ทำให้เธอกลับมาจับมันได้อีกครั้งนั่นหมายถึงว่าเธอกลับมาเป็นคนเดิมที่เคยทิ้งไป

ก็ได้เริ่มเข้าสังคม ฟังเพลงกล้านั่งรถยนต์ไปไหนกับฟินซ์ได้อย่างอิสระเสรี ภาพของไวโอเล็ตจบที่ตรงนั้นและตัดเข้าสู่โลกของฟินซ์แทน โลกที่ดำดิ่งลึกลงไปมันดูกว้างจนน่ากลัวและทุกครั้งที่สงสัยก็มักจะไม่ได้คำตอบใด ๆ กลับมา มุมมองของไวโอเล็ตที่มีต่อฟินซ์ทำให้คนดูอย่างเราเริ่มเคลือบแคลง

เรื่องนี้พยายามทำให้เราเห็นภาพความรักของวัยรุ่น

จึงทำให้ในตัวเด็กหนุ่มคนนี้อีกครั้งว่าทำไมคนที่เราดูมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ทุกที่ในความทรงจำ Netflix ความธรรมดา ความบ้าบิ่น พิลึกพิลั่นของเขาถึงมีอีกสิ่งที่ครอบงำเขาไว้ตลอดเวลา น่าแปลกนะคนที่พยายามจะเยียวยาใครหลาย ๆ คน คนที่อยากให้ทุกคนมีความสุขแต่ตัวเขาเองนั่นแหละ ที่อันตรายที่สุด สิ่งที่อันตรายคืออะไรน่ะหรอ

คือการที่เขาไม่ยอมรับว่าตนเองเป็นอะไรอยู่เขาอยากจะค้นหามัน อยากจะระงับแต่ยิ่งทำมากเท่าไหร่ก็ยิ่งพบกับความว่างเปล่า และเพื่อนที่ดีที่สุดของเขาคือความตายนั่นเอง กว่าไวโอเล็ตจะค้นหาความทุกข์ของเขาเจอฟินซ์ก็ได้เลือกคำตอบที่ต้องการมานานไปเสียแล้ว

และหนังมีก็องค์ประกอบเกี่ยวกับความรักและความเจ็บปวดจากการพรากจากคนที่รัก แต่ให้ความสำคัญกับความเจ็บป่วยทางจิตใจ โทนของหนังเริ่มแรกดูเหมือนหนังรักระหว่างวัยรุ่น โดยที่ตัวละครทั้งสองผูกพันกันผ่านบาดแผลในอดีต และดูจะให้ความสำคัญกับความรักในฐานะสิ่งเยียวยาจิตใจ แต่ครึ่งหลังของหนังพาผู้ชมไปพบกับก้นบึ้งอันดำมืดที่ธีโอดอร์ต้องเผชิญและไม่อาจข้ามผ่านไปได้

ความเจ็บป่วยทางจิตที่ธีโอดอร์เผชิญอยู่

แต่เรื่องนี้ All The Places Netflix หนังไม่ได้บอกชัดเจนว่าความเจ็บป่วยทางจิตที่ธีโอดอร์เผชิญอยู่เรียกว่าอะไร แต่ในฉบับหนังสือ ระบุไว้ว่าเป็นโรคอารมณ์สองขั้ว นั้นเอง ถ้าถามว่าโรคนี้คือออะไร มาเดี๊ยวฉันบอกให้ ฉันจะบอกตามที่ข้อมูลแพทย์เลยนะ โรคอารมณ์สองขั้ว คือ โรคที่มีความผิดปกติทางอารมณ์

โดยมีการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ระหว่างช่วงอารมณ์ซึมเศร้า แล้วสลับกับช่วงที่อารมณ์ดีหรือหงุดหงิดมากกว่าปกติ ในระยะเวลาในแต่ละช่วงอาจอยู่เป็นสัปดาห์หรือเดือน โดยมีช่วงอารมณ์ปกติคั่นกลางได้ ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์ด้วยอาการซึมเศร้า และคิดว่าตนเองเป็นโรคซึมเศร้า

เรามาพูดถึงอาการอารมณ์สองขั้ว

ในช่วงอารมณ์ดีหรือหงุดหงิดมากกว่าปกติ จะมีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มมากขึ้นหรือคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่ แต่ชอบนอนน้อยและพูดมากกว่าปกติหรือพูดอย่างไม่หยุด มีความคิดแล่นเร็ว และในบางทีก็วอกแวกง่าย อยากทำอะไรหลาย ๆ อย่างในช่วงเวลานั้น ชอบหมกมุ่นอย่างมากกับกิจกรรมที่ทำให้เกิดปัญหา เช่น ใช้จ่ายหรือลงทุนเยอะ ไม่ยับยั้งใจเรื่องเพศ ฯลฯ

ในด้านของช่วงอารมณ์ซึมเศร้า มักจะซึมเศร้าเป็นส่วนใหญ่ของวัน แทบทุกวัน มีความสนใจในกิจกรรมต่าง ๆ ลดลง มีความเบื่ออาหารหรือรับประทานอาหารมากเกิน และชอบนอนไม่หลับหรือหลับมากไป บางทีรู้สึกกระสับกระส่ายหรือเชื่องช้ามากขึ้น และบางทีก็รู้สึกอ่อนเพลีย รู้สึกตนเองไร้ค่า สมาธิลดลง แถมคิดถึงเรื่องการตายอยู่เรื่อย ๆ

มาหลังจากที่ฉันอธิบายเกี่ยวกับโรคนี้แล้ว เพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจและเห็นภาพในสิ่งที่ฉันกำลังพูด เรามาต่อกันที่ธีโอดอร์มักรู้สึกว่าความคิดของเขาแล่นเร็วเกินจน เขาต้องเขียนมันลงบทกระดาษ และแปะไว้เต็มห้องนอน หลายข้อความในนั้นก็เป็นข้อความเชิงบวกที่ผลักดันให้เขาใช้ชีวิตต่อไปอย่างปกติ

แต่ในเวลาที่เขามีพลังงานล้นเหลือ เขามักจะออกไปวิ่ง และยังสร้างแรงบันดาลใจให้ไว้โอเล็ตก้าวข้ามบาดแผลของตัวเองด้วยการพาไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ แต่เมื่อเขาเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า เขาจะหายหน้าจากผู้อื่นไปและใช้เวลาอยู่คนเดียว

นอกจากนั้น ธีโอดอร์ยังมีพฤติกรรมรุนแรงเขาชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียน จนผู้คนต่างกล่าวว่าเขาเป็นคนอันตราย และเป็น ตัวประหลาด ซึ่งเป็นอะไรที่แย่มากที่เขาต้องมารู้สึกอึดอัดใจแบบนี้

ความเจ็บป่วยทางจิตที่ธีโอดอร์เผชิญอยู่

ฉันรู้สึกว่าเรื่องนี้ All The Places 2020 มีสิ่งคัญอย่างหนึ่งของหนัง ที่กำลังบอกเราว่า อาจเป็นการแสดงให้เห็นว่า ผู้ที่จมอยู่กับความมืดมิดนั่นเองที่รู้ว่าชีวิตของคนเราสว่างไสวได้มากแค่ไหน เหมือนกับที่ธีโอดอร์ให้ข้อคิดกับไวโอเล็ตในการใช้ชีวิตได้ ทั้งที่เขาก็แบกรับปัญหาของตัวเอง

ซึ่งเราจะได้เห็นพัฒนาการของไวโอเล็ตผ่านรอยยิ้มที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างใช้เวลาร่วมกันกับธีโอดอร์ เราเห็นเธอกล้าขึ้นรถอีกครั้ง หรือแม้กระทั่งขับรถไปตามหาธีโอดอร์ในตอนท้ายเรื่อง จากที่เธอปฏิเสธจะทำเช่นนั้นมาตลอด

และความรักดูจะเป็นสิ่งสำคัญอีกหนึ่งข้อในหนังเรื่องนี้ หนังนำเสนอความรัก โดยเฉพาะระหว่างหนุ่มสาว ในฐานะแรงขับที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ ซึ่งเป็นค่านิยมที่เห็นได้ทั่วไปในหนังแนว การมาถึงของอายุที่เป็นเรื่องปกติ ซึ่งหากพูดตามหลักจิตวิเคราะห์ของฟรอยด์แล้วก็นับว่าสอดคล้องกัน เพราะ สัญชาตญาณมุ่งเป็น ถ้ายังงอีกว่ามันคืออะไรไม่ต้องห่วงเดี๊ยวฉันอธิบายให้

ซึ่งเป็นสัญชาตญาณที่กระตุ้นให้มนุษย์แสวงหาความพึงพอใจในการใช้ชีวิต หรือป้องกันตนเองนั้น แสดงออกในรูปแรงขับทางเพศ ที่ไม่ใช่เพียงอารมณ์ทางเพศเท่านั้น แต่เป็นการแสวงหาการได้รับการยอมรับหรือเป็นส่วนหนึ่งของอะไรบางอย่าง

ซึ่งพฤติกรรมส่วนใหญ่ของมนุษย์ มีแรงจูงใจมาจากจิตไร้สำนึก ซึ่งมักจะผลักดันออกมาในรูปความฝัน การพูดพลั้งปาก หรืออาการผิดปกติทางด้านจิตใจในด้านต่าง ๆ เช่น โรคจิต โรคประสาท เป็นต้น

เขาเป็นบุคคลแรกที่ได้อธิบายทฤษฎีจิตวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับบุคลิกภาพ ซึ่งมีความเชื่อเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับแรงขับทางสัญชาตญาณ และแรงขับดังกล่าวเป็นพลังงานที่สามารถเปลี่ยนแปลง และเคลื่อนที่ได้ แค่นี้พวกเธอน่าจะพอเข้าใจแล้วนะ

รีวิวAll The Places แนะนำตัวละคร

เรามาพูดถึงคนแรกที่เป็นตัวลพหลักของเรื่องนี้ All The Places นักแสดง คือ ธีโอดอร์ ฟินช์ ฟินช์เป็นตัวละครที่เดาใจยาก มีหลากหลายอารมณ์ เขามีบุคลิกแตกต่างจากคนอื่นรอบตัวอย่างชัดเจน การตอบคำถามของฟินช์ ในเรื่องบ่งบอกว่าเขาเป็นคนคิดเยอะค่อนข้างหมกหมุ่น กับอารมณ์ของตัวเองพอสมควร

และเก็บซ่อนความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ลึกเหมือนกลัวการโดนขุดขึ้นมาทำร้าย หรือไม่การพูดถึงมันขึ้นมาก็เป็นการทำร้ายตัวเองของฟินช์ก็ได้ มีฉากในหนังที่ฉายให้เห็นชั้นหนังสือของฟินช์ที่ถูกเรียงไล่สีไว้อย่างเป็นระเบียบ และการแปะโพสอิส การตอบคำถามด้วยคำถาม ความระแวงเล็กๆน้อยๆในบรรยากาศ

ซึ่งเราโยงไปถึงโรค OCD หรือที่เรียกกันว่า โรคย้ำคิดย้ำทำ ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหากับความคิดและการตัดสินใจของตัวเอง กลัวการกระทำที่อาจส่งผลเสียให้แก่ตัวเองและคนรอบข้าง

ส่วนเรื่องที่ฟินช์มักจะหายตัวไปบ่อย ๆ ถ้าคิดในแง่ของคนป่วยคือเขาก็หายไปเผื่อที่จะเยียวยาตัวเองด้วยเหมือนกัน ด้วยภาพรวมที่เขาไม่ชอบเล่าเรื่องตัวเองการแก้ปัญหาแบบนี้ก็ดูฟินช์ดีนะ

และคนที่สองก็เป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้อีกเช่นกัน คือ ไวโอเล็ต มาร์กีย์ รับบทโดย แอลล์ แฟนนิ่ง เจ้าหญิงออโรร่าจาก Maleficent ซึ๋งไวโอเล็ตมีการตอบสนองต่อความเจ็บปวดแบบที่เราพอจะนึกภาพกันออก

และไวโอเล็ตจะปลีกตัวเองออกไป หนีจากสิ่งที่กระตุ้นทำให้รู้สึกถึงความเจ็บนั้น ถ้าให้เห็นภาพก็อกหักไม่ฟังเพลงเศร้า ไม่ไปในที่ที่เคยไปกับแฟนเก่า เขาชอบสีฟ้าฉันจะไม่ใช้ ประมาณนี้ ไวโอเล็ตฉายภาพของคนด่ำดิ่งลงไปในความเศร้าที่เรารู้สึกได้เลยจากสีหน้าท่าทางในตอนต้นของหนัง ซึ่งมีพัฒนาการในตอนท้ายๆที่เปลี่ยนไปจนเห็นได้ชัด

รีวิวAll The Places แนะนำตัวละคร

ประวัตินักแสดงของพวกเขา

ทุกที่ในความทรงจำ นักแสดง ธีโอดอร์ ฟินซ์ รับบทโดย จัสติส สมิธ เขาเกิด 9 สิงหาคม 1995 เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน เขาเป็นที่รู้จักกันดีที่สุดสำหรับบทบาทของเขาในฐานะแฟรงคลินเว็บบ์ใน 2018 นิยายวิทยาศาสตร์ภาพยนตร์จูราสสิโลก ราชอาณาจักรทิมสามีในนักสืบ แลัในเรื่อง Pikachu และดอร์ฟินช์ในทุกสถานที่สดใส

และสมิธ เกิดในอนาไฮม์ พ่อของเขาเป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกันและแม่ของเขาเป็นชาวยุโรป เป็นบุตรคนที่ห้าในจำนวนพี่น้องเก้าคน สมิธ จบการศึกษาจากโรงเรียนในมณฑลออเรนจ์ของศิลปะในปี 2013 และได้ดำเนินการในการแสดงรอบออเรนจ์เคาน์ตี้

อาชีพของเขา คือในปี 2014 สมิธปรากฏตัวในซีรีส์ตลกซูเปอร์ฮีโร่เรื่องThe Thundermansของตู้เพลง Nickelodeon ที่เล่นเป็นแองกัสในสองตอน เขายังปรากฏตัวในสารคดีชุดMasterclass ของ HBO และวิดีโอบางรายการของVlogBrothers ในปี 2015 สมิธ มีบทบาทสนับสนุนมาร์คัส เรดาร์ ลินคอล์นในกระดาษเมือง

ภาพยนตร์ที่กำกับโดยเจค Schreierและปล่อย 24 กรกฏาคม 2015 โดยศตวรรษที่ 20 ฟ็อกซ์ ในปี 2559 สมิธ ปรากฏตัวในบทบาทนำของเอเซเคียลฟิเกโรในละครเพลงเรื่องThe Get DownของNetflixในระหว่างที่สมิธ ใช้เทคนิคที่เรียกว่าวิธีการแสดงโดยอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์บรองซ์ที่ทรุดโทรม The Get Down ฉายรอบปฐมทัศน์ในเดือนสิงหาคม 2559 และจบลงในเดือนเมษายน 2560 และจะถูกยกเลิกหลังจากนั้นไม่นาน เขายังมีผลงงานอีกมากมาย ถ้าอยากรู้พวกเะฮต้องไปศึกษาเอาเองนะ 555

เรามาต่อกันที่ ไวโอเล็ต มาร์กีย์ ซึ่งรับบทโดย แอลล์ แฟนนิ่ง ชื่อเต็มของเธอคือ แมรี แอลล์ แฟนนิง เธอเกิด 9 เมษายน ค.ศ. 1998 เป็นนักแสดงและนางแบบชาวอเมริกัน และเธอแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกโดยแสดงเป็นภาคเด็กของดาโคทา แฟนนิง เป็นผู้เป็นพี่สาว ในเรื่อง ไอแอมแซม I Am Sam เมื่อ ค.ศ. 2001

ต่อมา ได้แสดงภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง เช่น บีคอสออฟวินน์ ดิกซี Because of Winn Dixie ในปี ค.ศ. 2005 และ เบเบิล Babel ในปี ค.ศ. 2006 และ ฟีบีอินวันเดอร์แลนด์ Phoebe in Wonderland ในปี ค.ศ. 2008 และ ซัมแวร์ Somewhere ในปี ค.ศ. 2010 เอาแค่นี้พอกับประวัติการแสดงของเธอ คงต้องมีใครที่คุ้น ๆ หน้าเธอมั้งแหละนะ

สิ่งที่ฉันชอบในเรื่องนี้

ไม่ว่าเรื่องนี้ ทุกที่ในความทรงจำ สปอย จะเป็นยังไงก็ตาม แต่สิ่งที่ฉันโคตรชอบตัวละครธีโอดอร์ ฟินซ์เลยมันคือตัวเราในช่วงเวลาหนึ่ง ที่ไม่อยากบอกว่าตัวเองเป็นอะไรแบบที่คนอื่นมองเห็นจากภายนอก ไม่ยอมรับเพราะลึก ๆ แล้วรู้สึกว่าเราจัดการมันได้ แต่ที่รู้สึกเศร้าที่สุดเลยคือฟินซ์เลือกคำตอบว่าตัวเองต้องไปไว้ตลอดเวลาอยู่แล้ว

ซึ่งก็ถือเป็นคำตอบที่เด็ดขาดแค่รอเวลาใดเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง สัญญาณที่บอกให้เรารู้ว่าเขาจะไปแน่ ๆ คือตอนที่ฟินซ์บอกกับไวโอเล็ตข้างทะเลสาบว่า ว่ากันว่ามีแรงอยู่ตรงกลางที่ดูดเราลงไปใต้แม่น้ำและพาเราไปสู่อีกโลกหนึ่ง เขาคงเลือกวิธีนี้หรือเปล่า

เลยทำให้เขาดูเป็นตัวละครที่เศร้าที่สุด อืมเนอะ ใจร้ายสำหรับไวโอเล็ตด้วยมากๆ ตรงที่เขาทำให้เธอกลับมาเป็นคนที่สดใสได้ และก็หายไปโดยที่เธอไม่เคยรับรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยด้วยซ้ำ เรื่องราวของเธอถูกแบ่งปันไปให้ฟินซ์รับรู้ แต่ทำไมกันนะฟินซ์ถึงไม่ยอมแบ่งมันมาให้เธอเลย

ซึ่งถ้าใครสักคนในชีวิตเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ที่เป็นเราในเวอร์ชั่นที่ดีขึ้นได้ และเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อหัวใจ แต่กลับไม่เคยเปิดใจให้เราเข้าไปไม่เคยได้สัมผัสด้านลึก ด้านที่อ่อนแอให้ได้แชร์กันบ้าง เราจะบอกเลยนะว่าเขาน่ะ โคตรใจร้าย โครตไร้หัวใจ สู้ให้เรากลับไปเป็นคนเดิมโดยที่ไม่มีเธอเข้ามาเป็นอิทธิพลน่ะดีกว่าเนอะ

และฟินซ์ก็เลยเป็นได้เพียงภาพฝันในช่วงเวลาดีๆของไวโอเล็ต การออกไปทำสิ่งบ้าๆด้วยกัน เต้นรำ ว่ายน้ำ สถานที่เหมือนว่าหนังจะมีแสงสว่างวาบเข้ามาให้อบอุ่นหัวใจดับวูบลงบีบอัดมันให้หงอยอีกครั้ง และครั้งสุดท้ายมันก็หงอยจริง ๆ นั่นแหละ

และสิ่งที่ฉันรู้สึกว่าหนังดูจะให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทางครอบครัว ที่มีผลต่อผู้มีสภาวะทางจิต เรารู้ได้ว่าธีโอดอร์มีแผลเป็นตามร่างกายจากการที่พ่อเขาทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก แม่ของเขาไม่ค่อยอยู่บ้าน

และพี่สาวของเขาก็ทำงานตลอดเวลา เขาพยายามค้นหาสาเหตุว่าเหตุใดเขาจึงมีพฤติกรรมรุนแรง และสืบสาวกลับไปยังเรื่องพ่อ แต่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าพ่อมีเหตุผลอย่างไรจึงต้องทำเช่นนั้น นี่เป็นแรงผลักดันที่ทำให้เขาตัดสินใจครั้งสำคัญตอนท้ายเรื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม หนังดูจะให้น้ำหนักกับภูมิหลัง ของธีโอดอร์น้อยไปหน่อย และใช้เวลากับการเล่าถึงความรักระหว่างวัยรุ่นค่อนข้างมาก ทำให้รู้สึกเหมือนขาดอะไรบางอย่างไป แต่เรื่องเศร้าในหนังนั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนการชำระล้างจิตใจ และเกิดความสะทกสะเทือนในอารมณ์จนต้องหันกลับมามองตนเอง และคนรอบข้างว่ามีบาดแผลใดที่ยังไม่ได้เยียวยาอยู่หรือไม่

สิ่งที่ฉันชอบในเรื่องนี้

เรื่องนี้ All The Places สปอย ก็เป็นหนังโรแมนติกดราม่า ที่ไม่ตอบโจทย์คนที่ชอบหนังรักจ๋า ตัวหนังยังเอื่อยอยู่ พล็อตไม่หวือหวาอะไรนัก เราไม่รู้ว่าอารมณ์อึน ๆ งง ๆ นี่คือจุดขายของหนังหรือเปล่า แต่ก็เป็นรสฝาดติดปลายลิ้นที่ถ้าใครชอบก็คงไม่ว่า แต่เกิดไม่ถูกใจขึ้นมาก็เสียอารมณ์ไปเลย

และมีอีกสิ่งที่ฉันรู้สึกชอบก็คือ ประโยตอัน ๆ นึง ในประโยคที่เราชอบในหนังเลย คือ เราไม่ได้จดจำวันเราจดจำช่วงเวลา ซึ่งฉันรู้สึกว่ามันก็จริงนะเวลาผันผ่านไปเนิ่นนานเราจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นเป็นวันไหน เรารับรู้ได้เพียงแค่มันต้องเป็นช่วงเวลานี้ที่ความทรงจำดี ๆ หวนคืนมาให้เราคิดถึงเสมอ

เอาเป็นเรื่องนี้รวม ๆ แล้วชอบนะ ให้ 9/10 ในส่วนของแอลล์ แฟนนิ่งเล่นบทนี้ได้ธรรมชาติมาก ๆ ตัดภาพเจ้าหญิงในหัวออกไปหมด บทเลิฟซีนพอเหมาะพอควร ส่วนจัสติน สมิธ เขาทำได้ดีทีเดียวยิ่งฉากที่ต้องสื่อออกมาว่าเจ็บปวด

เราเชื่อว่าตัวละครตัวนี้รู้สึกแบบนั้นผ่านแววตา เพลงประกอบเพราะ ยังไม่ได้อ่านหนังสือแบบออริจิของหนังเรื่องนี้เลย นี่ก็เลยเป็นเพียงการวิเคราะห์แบบสั้น ๆ ตามความรู้สึกของเราที่มีต่อหนัง ต่อตัวละครที่เราทำความรู้จักเท่านั้น ว่าจะไปตามหาหนังสือมาอ่านแล้วน่าจะได้รู้จักตัวละครมากยิ่งขึ้น และมุมมองหนังสืออีกหลาย ๆ ด้าน รู้สึกสนุกดีเหมือนกัน พวกเธอก็ลองเปิดใจดูนะ แล้วจงตามไปดู

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *