รีวิวหนัง Yesterday

 

วันนี้ทางเว็บรีวิวหนังออนไลน์จะมา รีวิวหนัง Yesterday เรื่องนี้ ขอบอกก่อนนะครับว่าเป็นหนังเกี่ยวกับเพลงของ The Beatles แน่นอนว่าเพลงคือสิ่งสำคัญ นอกจากการใส่เพลง ที่คนรู้จักมากมายทั้งหลายมาเพื่อให้คนดูอย่างเราร้องตามได้ บางเพลงในหนังนั้นสะท้อนถึงความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร บางเพลงแทนจังหวะชีวิตช่วงที่ขึ้นและลง บางเพลงก็สร้างสถานการณ์ฮาๆ ที่ทำให้เราอยากเอาใจช่วยแจ็กอย่างฉากตามหาเนื้อร้องที่ถูกต้อง อยากดูแล้วใช่ไหม มาดูเลยฟรีๆ ไม่มีโฆษณา ภาพชัดระดับhd 4k ที่ เว็บดูหนัง4k

 

รีวิวหนัง Yesterday-1

 

โดยเริ่มเรื่องราวของ แจ็ค มาลิค (พระเอกของเรื่อง) นักร้องนักแต่งเพลงจากเมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมทะเล ซึ่งต้องพยายามเพื่อความสำเร็จ ในชีวิตนักดนตรี แม้ว่าความหวังจะดูไกลห่าง แต่เขาก็ยังได้กำลังใจและ แรงสนับสนุนจากเอลลี่ (นางเอก) และแล้วในคืนหนึ่ง ที่เกิดไฟดับทั่วโลกหลังจากนั้น แจ็คได้เกิด    ประสบอุบัติเหตุโดนรถชนระหว่างทาง ในขณะที่โลกกำลังมีสิ่งผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้น เขาก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้วหากสนใจสามารถดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์

เมื่อหายดีออกจากโรงพยาบาล เพื่อน ๆ ได้ซื้อกีตาร์ให้เขาใหม่ ทดแทนตัวที่พังหลังจากอุบัติเหตุระหว่างกลับบ้านครั้งนั้น และเพลงที่เขาเลือกร้องออกมาก็เป็นเพลงของเดอะ บีทเทิ้ล แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องแปลกใจคือ ไม่มีใครรู้จักวงเดอะ บีทเทิ้ล และ เมื่อเขากลับมาบ้านและค้นหาใน กูเก็ล ก็ได้พบว่า มันไม่มีวงนี้อยู่ แต่เขาสามารถร้องเพลงของThe Beatlesได้ และนั้นแหละคือจุดเริ่มต้นของความงดงาม หากใครที่กำลังมองหาหนังแนว Feelgood ดูอยู่บอกเลยว่าห้ามพลาดเลยนะครับ

 

รีวิวหนัง Yesterday2

 

ในเรื่องมี การแอบซ่อนเรื่องราว เกี่ยวกับ The Beatles พอสมควร แต่ที่ผมชอบที่สุด คือฉากที่พูดถึง พอล และ รินโก้ แล้วตัดภาพมาเป็น 2 ขาของคน 2 คนกำลังก้าวเข้ามาในห้องถ้าสังเกตดีๆ ขาซ้ายจะไม่ใส่รองเท้า ซึ่งแฟน The Beatles จะทราบทันทีว่านั่นคือ พอล อย่างแน่นอน ส่วนขาขวาคือ Ringo Starr อ้างอิงจากหน้าปกอัลบั้ม Abbey Road ที่ Paul เป็นคนเดียวที่เดินเท้าเปล่า

 ตอนเสนอชื่ออัลบั้มต่างๆในห้องประชุม ล้วนเป็นชื่ออัลบั้มของ The Beatles ทั้งสิ้นฉากในโรงพยาบาล ที่พระเอกเล่นมุขว่า “เมื่อฉันอายุ 64 เธอจะต้องการฉันอีกไหม เธอยังจะดูแลฉันอีกไหม” แล้วนางเอกถามว่า “ทำไมต้องอายุ 64”เหตุผลมาจากเนื้อเพลงที่ว่า “Will you still need me? Will you still feed me? When I’m Sixty-Four” จากเพลง When I’m 64

รีวิวหนัง Yesterday3

 

 

รีวิวหนัง Yesterday ประทับใจสุดขีด ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทั้งเรื่อง

หลังจากนั้นกลับมาที่พระเอกของเรา จริงๆแล้ว ไม่ได้มีแค่เพียงเขาคนเดียว มีคนอีกหลายคนที่จำได้ แต่ในหนังปรากฏแค่สองคน พระเอกของเราไม่ได้สบายใจนักหรอก กับการแอบอ้างเพลงของคนอื่น เป็นของตัวเอง มันเล่นล้อกับเรื่องลิขสิทธิ์ในปัจจุบัน การคัฟเวอร์เพลงและกรณีใครตัวจริงใครตัวปลอม เราจะร้องเพลงไม่ฮิตของตัวเองหรือจะร้องเพลงดังๆของคนอื่น พระเอกคนนี้คงรู้สึกเจ็บจี๊ดทุกครั้งที่มีคนถาม คุณแต่งเพลงเองหรือเปล่า

เขาไม่สบายใจนัก แต่ไม่รู้จะบอกใครอย่างไร กระทั่งว่าแฟนเพลง ผู้ยังจำบีทเทิลได้มาขอพบ นั่นเป็นอีกมุมมองซึ่งไม่มีใครคิด พวกเขาขอบคุณ ที่ทำให้เพลงของบีทเทิลไม่หายไป คำพูดของหนึ่งในนั้น บอกว่า โลกที่ไม่มีบีทเทิล เป็นโลกที่ไม่น่าอยู่จริงๆ เราใส่คำอื่นๆ แทนคำว่าบีทเทิลได้เลย แต่สองคนนั้นยืนยันเรื่องนี้

 

มีอีกฉาก ที่ไม่สามารถหาที่มา ที่ไปได้ แต่ก็ชอบ นั่นคือฉากที่พระเอกไปพบจอห์น เลนนอนในวัย 75 ในขณะที่เรื่องจริง จอร์น เลนนอน ถูกยิงตายไปแล้ว ก็ในเมื่อโลกนี้ มันกลับหัวกลับหาง ในเมื่อมันไม่มีบีทเทิล จอห์น เลนนอนก็เป็นเพียง นักท่องเที่ยว คนสันโดษ คนแก่ธรรมดา และจะไม่ถูกยิงตาย โดยแฟนเพลงของเขา ที่ชอบฉากนี้เพราะจอห์นเลนนอน ไม่ตาย ใช่แล้ว เราอยากกลับไปจุดนั้น มันจะดีไหมนะ กับการที่ไม่มีบีทเทิลแล้ว จอห์นเลนนอนไม่ตาย แฟนเพลงจะยอมแลกกันไหม

 

 

นี่อาจค้านกับแนวคิดที่ว่ามนุษย์เราทำได้ทุกอย่าง หรือ เราเป็นอะไรก็ได้เท่าที่เราอยากเป็น นั่นก็จริง แต่บางครั้ง มันไม่จริง เราทำได้ทุกเรื่องก็จริง แต่จะให้ประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นคนละอย่างกัน บางเรื่องมีไว้สำหรับบางคน

ทีนี้เรื่องน่าสนใจ ถ้าบีทเทิลเกิดในยุคนี้ เขาจะยังโด่งดังเป็นอมตะเท่านี้ไหม หนังแสดงให้เห็นแล้วว่า ก็ไม่แน่ มันอาจจะเป็นเพลงที่ดี แต่มันจะฮิตหรือเปล่า นั่นสิ และที่สำคัญ พวกเขาจะใส่ท่อนแรปในเพลงไหนบ้าง หรือดนตรีจะเปลี่ยนไปแบบไหน

อย่างตอนที่เอ็ด ชีแรนบอกว่าให้เปลี่ยนคำว่า Jude เป็น Dude มันบอกอะไรได้มาก สิ่งหนึ่งสิ่งใดถูกประเมิณค่าด้วยตาชั่งของยุคนั้น ความอมตะและอัจฉริยะของเดอะบีทเทิลถูกตั้งคำถาม มันจะดีจริงไหม ถ้ามาอยู่ในยุคนี้ และคำถามสำคัญ ถ้าโลกนี้ไม่มีบีทเทิล

หนังทำให้รู้สึก อย่างแรก ปฎิกิริยาของคนที่ฟังเพลง ซึ่งเราคิดว่าพวกเขาน่าจะตะลึง แล้วเพลงมันก็ฮิต กลายเป็นเรื่องจริงที่ไม่มีใครตะลึงกับเพลงหรอก แม้แต่ พวกโปรดิวเซอร์ และบริษัทเพลง พวกเขาแค่มองหาวิธี ที่จะทำให้เพลงฮิต

แต่ฉากที่พระเอกร้องเพลง Let it be ให้พ่อแม่ฟัง ผมรู้สึกว่าเพลงเพราะจังเลย มันถูกร้องใหม่ หรือว่ามันอยู่ในหนังกันแน่ มันจึงไพเราะ และเพราะเพลงนั้น ที่ทำให้ผมรู้สึกถึง อัจฉริยะของพวกเขา ในยุคที่มีเพลงเป็นล้านเพลง ใหม่ๆ ทุกวัน จะมีเพลงไหน ที่จับใจ ตั้งแต่ประโยคแรก และ กี่ปีมาแล้ว ทำไม เพลงของพวกเขายังสดใหม่ ราวกับเพิ่งแต่งเมื่อวานนี้เอง

 

ผมชอบไอเดีย ของหนัง ที่ไอเดียที่ว่า The Beatles หายไป หรือไอเดียที่ว่า ถ้าเป็นคนอื่นมาร้องเพลงของ The Beatles ในโลกที่ไม่มี The Beatles เค้าจะประสบความสำเร็จ แบบที่ The Beatles ทำได้ เหมือนแบบนั้นได้ไหม ไปลุ้นที่ ดูหนังออนไลน์ เอาเอง

ก็อยากจะดูเหมือนกันว่า พระเอกจะไปได้ไกลสักแค่ไหน ในเมื่อเขาดังเพราะ เพลงของคนอื่น เขาไม่ได้สามารถแต่งเพลง ที่ประสบความสำเร็จเองได้เลย แต่นั่นแหละ สุดท้าย หนังก็พาเรา ไปไม่ถึงตามที่เราคาดหวัง

 

 

ส่วนตัวแล้วผมก็ได้รู้จักและฟังเพลงของวง The Beatle มาพออสมควร รู้สึกว่า หนังนั้นใช้เพลงแบบ ไม่มากเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยรู้สึกอินไปกับหนัง มากเท่าไหร่ เพราะว่ายังปล่อยเรื่องของ เพลงมาได้ ไม่สุดเท่าไหร่นัก เว็บดูหนังฟรี

แต่โดยรวมของหนัง ก็ทำให้เราชอบตรงที่ พระเอก หยุดและบอกต่อผู้คนว่า เพลงที่เขาร้องนั้น เขาไม่ได้แต่งเอง มันรู้สึกพระเอก ของเราได้ยอมทิ้งชื่อเสียงและเงินทอง มากมาย เพื่อคนรักของเขา

 

สุดท้ายแล้วทางเรา ขอ ฝากการรีวิวหนังเรื่องนี้ไว้ด้วยนะครับ สามารถรับชมการรีวิว หนังเรื่อง อื่นๆ ได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *