รีวิว batman

https://youtu.be/4JkzGLNGjg4

กลับมาอีกครั้ง กับหนังฮีโร่ในดวงใจใครหลายๆคน หรือแบทแมน ภาคใหม่ล่าสุดที่ผมจะนำมา รีวิวให้ทุกคนได้ดูกัน แน่นอนว่าสนุกมันถึงใจแน่นอน กับ batman 2022 ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง หนังซูเปอร์ฮีโร่แหวกแต่ดี พูดน้อยต่อยหนัก แบทแมนเวอร์ชั่นที่ดาร์คที่สุด มืดหม่นที่สุด จริงจังเรื่องความสมจริงที่สุด ด้วยความเป็นหนังฟิล์มนัวร์อาชญากรรมโดยตรง ซึ่งถ้าใครอยากชมแบบเต็มๆคมชัดคมชัด ภาพคม เสียงแน่น ไม่มีสะดุด ไม่มีโฆษณามากวนใจ ตามมาชมแบบเต็มเรื่องได้ที่ ดูหนังออนไลน์

 

รีวิว batman-1

 

อัศวินรัตติกาล นั้นคือฉายาของ แบทแมน และในปีนี้เขากลับมาอีกครั้ง ในที่เป็นฉบับรีเมคของผู้กำกับมากฝีมืออย่าง แมตต์ รีฟส์ ที่เคยสร้างผลงานคุณภาพมาแล้ว หลายเรื่อง บางทีเราก็ คิดสงสัยว่าฮีโร่ที่ถูกผลิตซ้ำในสื่อ ขนาดนี้จะยังมีแง่มุมไหน ให้พูดถึงกันอีก เราเคยมีแบทแมนที่ฮีโร่เพียวๆ แบทแมนที่ลุย หนังอาชญากรรม แบทแมนกับทีมซูเปอร์ฮีโร่ ซัดกับมนุษย์ต่างดาว นับรวมไปถึงเกมแบทแมน อีกหลายต่อหลายภาค ที่ทำให้เรารู้จักกับแบทแมน ราวกับเป็นเพื่อนซี้ของบรูซ เวย์น ก็ไม่ถือว่าเกินไป ดูหนังออนไลน์

10ปีแล้วที่ไม่ได้ดูหนังเดี่ยวของ Batman นับตั้งแต่ The Dark Knight Rises เมื่อปี 2012 การกลับมาของ Batman ครั้งนี้เชื่อว่าแฟนๆ ของ Batman ต่างรอคอยรวม ทั้งผม The Batman ยังคงมาตรฐานความเรียลของตัวหนังเอาไว้ได้ แต่เพิ่มความดุดัน และสกิลการสืบสวนเข้าไป ในการสืบสวนนี้ ทำให้ผมนึกถึงเกม เหมือนเรากำลังเล่นเกม ไปด้วยอย่างงั้น ซึ่งผมชอบมาก หนังยาวก็จริง แต่ไม่ได้รู้สึกว่า ทำเพื่อยืด หรืออะไรเลย มันเต็มไปด้วยรายละเอียดเยอะมาก ต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ ที่จะเป็นวัยทำงาน เค้าเป็นแบทแมน ได้ดีเลยทีเดียว ทั้งน้ำเสียงทั้งการแสดง ดูหนังฟรี

 

 

แบทแมนเวอร์ชั่นนี้ มีธีมชัดเจน ว่าต้องการเล่าเรื่องราว สืบสวนแท้ๆ แบบในหนังสือการ์ตูนดั้งเดิม ซึ่งก็กลายมาเป็นแนวฟิล์มนัวร์อาชญากรรมที่มีองค์ประกอบทุกอย่างแบบที่แนวนี้ทำกันมาก่อน อย่างภาพสีเหลืองส้ม ฉากเมืองที่มีฝนตกอยู่แทบจะตลอดเวลา ตัวละครข้าราชการเต็มไปด้วยการทุจริต ไม่ก็สีเทาๆ กันแทบทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่ตัวเอกอย่างแบทแมนก็นับรวมอยู่ด้วย เว็บดูหนังฟรี

ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้มันช่วยผลักดันให้เรื่องราวดูดาร์คเคร่งเครียดเพิ่มขึ้นมากกว่าเวอร์ชั่นที่ผ่านมาๆ ที่ปกติแบทแมนเองก็ค่อนข้างดาร์คอยู่แล้ว แต่เวอร์ชั่นนี้น่าจะถือว่าไปจนสุดทางของแนวดาร์คแบบที่แบทแมนดั้งเดิมเป็นแล้ว และก็ยังอยู่ในขอบเขตเรต 13+ เด็กดูได้ คือถ้าจะดาร์คกว่านี้ก็ต้องหลุดจากเรตนี้ไป แต่จากที่รับชมคิดว่านี่ก็เหมาะสมดีอยู่แล้ว ถ้าขนาดเห็นเลือดหรือฉากแหวะคงไม่ใช่ แบทแมนยังไงก็ยังอยู่ในกรอบไม่ฆ่าคน และเวอร์ชั่นนี้ก็ยังคงรักษาจุดนี้ไว้อยู่เช่นเดิม ยกเว้นแบทแมนที่ดูนอกคอกไปหน่อย ดูหนังฟรี4k

 

รีวิว batman-2

 

รีวิว batman เนื้อเรื่องของหนังเรื่องนี้โดยย่อ

โดยภาพยนตร์เรื่องนี้จะเล่าถึงแบทแมนมือใหม่ ที่พึ่งมาทำหน้าที่เป็น ซูเปอร์ฮีโร่ได้เพียง 2 ปี ซึ่งยังเป็นมือใหม่มากๆ เลยทำให้การตัดสินใจ หรือความชำนาญ ในการรับบทแบทแมน ยังไม่เท่ากับภาคอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่เขากลับต้องมาเจอกับของแข็ง เมื่อจู่ๆมีวายร้าย ออกอาละวาดนั่นก็คือ เดอะ ริดเลอร์ ตัวแสบเจ้าพ่ออาชญากกรม

โดยเขาได้ทำการ ไล่ฆ่าคน ฆ่าจนเฮี๊ยน สำคัญภาย ในเมืองที่ทุจริตไปทีละคน ทั้งนายกเทศมนตรี ตำรวจ มาเฟีย หรือแม้กระทั่งนักกฎหมาย โดยทุกครั้งที่ริดเลอร์ได้สังหารเหยื่อ ก็มักจะทิ้งโปสการ์ดปริศนาไว้ โดยจะส่งถึงเดอะแบทแมน เพื่อเป็นการท้าทายแบทแมน ให้แก้ปริศนา และไล่จับเขาให้ได้ งานนี้แบทแมนที่ยังเป็นมือใหม่อยู่จึงต้องการความช่วยเหลือ ทั้งจากพ่อบ้านของเขาอย่าง อัลเฟรด  และผู้หมวด เจมส์ กอร์ดอน ที่จะเป็นเสมือนคู่หูของเขา ที่ช่วยในการแก้ปริศนา รวบรวมหลักฐาน ประติดประต่อเรื่องราวต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อตามหาคนร้ายตัวจริง

แต่เหมือนมันจะไม่จบง่ายๆ เมื่อเดอะริดเลอร์มีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น และอาจจะส่งผลกระทบถึงผู้คนบริสุทธิ์ในเมืองที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ งานนี้แบทแมนมือใหม่จะทำอย่างไร เขาจะสามารถแบกรับความกดดันนี้ได้หรือไม่ และเขาจะตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องได้หรือไม่ บทสรุปจะเป็นอย่างไร ต้องดูให่เห็นกันชัด อยากดูเลยก็ไปดูได้ที่ ดูหนังออนไลน์4k

 

 

นักแสดงและบทบาทที่ได้รับ

โรเบิร์ต แพททินสัน แสดงเป็น บรูซ เวย์น

โซอี้ คราวิทซ์ แสดงเป็น แคทวูแมน หรือ เซลินา ไคล์

เจฟฟรีย์ ไรท์ แสดงเป็น เจมส์ กอร์ดอน

พอล ดาโน่ แสดงเป็น เดอะ ริดเลอร์

จอห์น เทอร์เทอร์โร่ แสดงเป็น คาร์ไมน์ ฟัลโคน

ปีเตอร์ สการ์สการ์ด แสดงเป็น กิล โคลสัน

เจย์มี่ ลอว์สัน แสดงเป็น เบลล่า รีอาล

โคลิน ฟาร์เรลล์ แสดงเป็น ออสวัลด์ ค็อบเบิลพ็อต

แอนดี้ เซอร์คิส แสดงเป็น อัลเฟรด เพนนิเวิด

 

 

เวอร์ชั่นนี้โฟกัสเรื่องราวว่าแบทแมน คือฮีโร่ศาลเตี้ย ที่ใช้ความแค้น จัดการอาชญากร ให้เกิดความกลัว โดยสปอร์ตไลท์ แบทแมนปกติจะ เป็นการเรียกตัว แต่ภาคนี้ มีส่วนขยายความ เพิ่มเติมว่า นี่คือสัญลักษณ์ ที่ส่งขึ้นบนฟ้าให้อาชญากร ที่เห็นเกรงกลัว แบทแมน และไม่ใช่แค่อาชญากร ที่เกรงกลัว แต่ผู้คนในก็อตแธม ก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจหรือยินดีอะไรกับ ตัวนอกคอกอย่างแบทแมนเลย มันแสดงให้เห็นว่า ตำรวจทำหน้าที่ มั่วขนาดแค่ไหนถึงมีไอ้บ้า ใส่ชุดค้างคาว แบบนี้มาเป็นศาลเตี้ย ซึ่งตำรวจเอง ก็ไม่ได้รู้สึก เป็นมิตรกับ แบทแมนอะไรขนาดนั้น แต่ภาคต้องยอม เพราะแบทแมนเอง ต้องทำงานควบคู่กับตำรวจ

โดยมีสารวัตรกอร์ดอนเพียงคนเดียวที่คอยปกป้องเขา และให้มาดูหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุได้ ซึ่งจะต่างจากเวอร์ชั่นก่อนๆ ไปเลย ดังนั้นเราจะได้เห็นแบทแมนทำงานแบบนักสืบแท้ๆ มีการวิเคราะห์หลักฐานโดยละเอียด แต่ที่ต่างออกไปคือแบทแมนมีอุปกรณ์ไฮเทคมาช่วยด้วยแค่นั้น แต่ด้วยความที่ธีมเรื่องคือสมจริง อุปกรณ์ไฮเทคของภาคนี้ก็เลยไม่ดูล้ำอะไรมากนัก ซึ่งจุดนี้ถือเป็นข้อดีที่ทำให้เรื่องราวยังอยู่ในกรอบความเป็นจริงไม่เวอร์เกินไป และทำให้ตัวร้ายหลักริดเลอร์ดูสมน้ำสมเนื้อกับ แบทแมนเวอร์ชั่น นี้เป็นอย่างมาก ดูแล้วไม่น่าจะทำให้ทุกคนเบื่อได้

 

 

หนังเรื่องนี้หลังจากดูจบ

หนังเรื่องนี้มีการตีความใหม่หลายๆ อย่างที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะรูปลักษณ์ ความเป็นเอกลักษณ์ แตะในประเด็นที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง รวมไปถึงวิพากษ์เรื่องสังคมชนชั้นและการทุจริตในแวดวงราชการกันแบบไม่อ้อมค้อม สิ่งแรกที่จะพูดถึงคงหนีไม่พ้นเรื่องบทและการดำเนินเรื่อง เพราะเขาทำสองส่วนนี้ออกมาได้สุดยอดมากๆ บทเฉียบคม ไดอะล็อคที่ตัวละครพูดออกมามีการแฝงนัยยะซ่อนไว้อย่างธรรมชาติ แต่คมคาย ซึ่งผมชอบมากๆ ชอบการที่ทำบทออกมา ให้เป็นแนวสืบสวนสอบสวน และตัวร้ายหลักอย่างเดอะริดเลอร์ ที่ชอบเล่นเกมไขปัญหา

 

 

มันก็เหมาะกับธีม สืบสวนสอบสวนมากๆ มันให้รสชาติและความรู้สึกใหม่ๆที่เราไม่เคยได้รับจากภาพยนตร์แบทแมนเวอร์ชั่นไหนมาก่อน ต้องยอมรับในตัวผู้กำกับ ที่กล้าจะเสี่ยงสร้างเส้นทางเดินใหม่ให้กับหนังซูเปอร์ฮีโร่ แถมยังทำออกมาได้ดีอีกต่างหาก แต่แม้ว่าบทจะอยู่ในเกณฑ์ดีแล้ว แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันได้สุดกว่านี้อีกอยู่ดี แอบเสียดายบทของอัลเฟรด น่าจะให้มีบทบาทมากกว่านี้หน่อย

ต่อมาด้านการดำเนินเรื่อง ถือว่าทำออกมา ได้ดีค่อนไปทางดีมากด้วย เพราะด้วยความยาวหนัง เกือบ 3 ชั่วโมง แต่กลับดำเนินเรื่อง ไปได้อย่างกระชับ ครบถ้วน ไม่ยืดยาวมากนัก และไม่ได้ทำให้ เรารู้สึกเบื่อหรืออะไร แต่ถ้าใครที่คาดหวัง อยากดูภาพยนตร์ แบบบันเทิงแอ๊คชั่น อาจจะผิดหวัง เพราะเรื่องนี้ มาแบบโทนเอาจริงเอาจัง กดดัน ลุ้นระทึก แต่อยากให้เปิดใจดู ผมรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอน โดยรวมแล้ว ในส่วนของบทและการดำเนินเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ ถือว่าทำได้ดีมากๆเลยทีเดียว หากท่านชื่อชอบบทความนี้ สามารถดูรีวิวหนัง สปอยหนังได้ทุกเรื่องที่ รีวิวหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *