รีวิว Dune

สวัสดีครับทุกคนครับ สำหรับการรีวิวในครั้งนี้ ผมจะมารีวิว หนังแห่งโลกอนาคต โดยชื่อหนังภาพยนต์เรื่องนี้มีชื่อว่า Dune ซึ่งตัวหนังเรื่องนี้ถูกจัดอยู่ ใน หมวดหมู่ Sci-Fi นะครับ ซึ่งถ้าหากใครได้ดูตัวอย่างแล้วจะเห็นความทันสมัยแบบว่า ระดับจักรวาลกันเลยทีเดียวนะครับ โดยตัวหนัง Dune นั้น

ได้ถูกอ้างอิงและสร้างมาจากนิยายไซไฟ ที่ให้ความคิด ที่หลากหลาย เกี่ยวกับ วัฒนธรรม การปกครอง และนิยายเรื่องนี้ก็ได้เคยถูกทำเป็นหนัง มาแล้วในปี 1984 ของ โดยตัวหนังเรื่อง เป็นของ เดวิด ลินซ์ ซึ่งถูกสร้าง โดยผู้อำนวยการ สร้างรายใหญ่ ในขณะนั้น

 

รีวิว Dune

 

หลายคน ที่อ่านนวนิยายต้นฉบับ ของ แฟรงค์ เฮิร์เบิร์ต ก็จะรู้สึกคุ้นชินกับเหตุการ์ณนี้ดีนะครับ โดย ตัวหนัง Dune นั้นได้ เล่าเรื่อง ของ พอล อะเทรดิส เขาเป็น อัจฉริยะหนุ่ม เป้นคนที่มีพรสวรรค์ที่เกิดมาพร้อมโชคชะตา อันยิ่งใหญ่   หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังออนไลน์

เกินกว่าจะเข้าใจ เขามีสิ่งที่ต้องทำคือ ต้องเดินทาง ไปยังดาวเคราะห์ ที่อันตรายที่สุดในจักรวาล เพื่อความอยู่รอด และอนาคต ของครอบครัวรวมถึงผู้คน ของเขา หลังถูกรุกราน โดยกองกำลัง วายร้าย หน้าเลือด ที่หวังแย่งชิง ทรัพยากร ที่ล้ำค่า มากที่สุดเท่าที่ เคยมีมา

 

รีวิว Dune

 

ซึ่งสามารถ ใช้ดึง ศักยภาพที่ซ่อนเร้น ของมนุษยชาติออกมาได้ และ มีเพียงผู้ ที่สามารถเอาชนะความกลัว ได้เท่านั้น ที่จะอยู่รอด และแล้ว วันหนึ่ง พอล ก็ต้องเดินทาง ไปยังที่ ดาวเคราะห์ ที่ตัวของเขาได้ฝันเห็นบ่อยๆ

เพราะครอบครัว ของพอล ได้รับคำสั่งมาจาก ราชาว่า ให้ไปควบคุม การเก็บเกี่ยว ทรัพยาก รอันล้ำค่า จากที่นั่น โดยตัวเขามารู้ให้หลังว่า มันเป็นแผนการ ทางการเมือง ที่แสนจะชั่วร้าย และต้อง ขัดแย้ง กับชน พื้นเมืองที่อาศัย อยู่ที่นั่น มาก่อน ซึ่ง การเดินทางครั้งนี้ นั้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้เขาได้ใช้ความสามารถ ของตัวเอง และ สู้เพื่อความอยู่รอด และความถูกต้องสำหรับตัวของเขาเอง  หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย เว็บดูหนังออนไลน์

 

รีวิว Dune

 

 

เนื้อเรื่อง

หลังจากที่ได้อ่านเนื้อเรื่องข้างต้นไปแล้ว ผมก็อาจจะพูดได้เลยนะครับ ว่าตัวของหนัง DUNE เป็นผลงานที่ ดีที่สุดของผู้กำกับ Denis Villeneuve  องค์ประกอบทุกอย่างภายในของหนังเรื่องนี้เ ต็มไปด้วย ความสมบูรณ์ แบบ แต่ในขณะ เดียวกัน มันก็ยัง ไม่ใช่หนัง สำหรับทุกคน

เพราะมัน ไม่ได้มีทุกคนที่ชอบหนังแนวนี้ และสำหรับ เรื่องราว การค้นหา โชคชะตา ของชายหนุ่ม ผู้เกิดมา พร้อมพลังวิเศษ ที่อาจเปลี่ยนทิศทาง ของทั้งจักรวาล ให้ไม่เหมือนเดิม  สำหรับส่วนนี้ก็ อาจไม่ใช่อะไร ที่แปลกใหม่

 

 

นวนิยาย DUNE ของ Frank Herbert คือหนึ่งในรากฐาน สำคัญ ของผลงาน ไซไฟหลายๆเรื่อง และ Star Warsก็ด้วย สำหรับองค์ประกอบ หลายอย่าง อาจทำให้เรานึกถึง หนังอวกาศหลายเรื่อง เลย  หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังฟรี
ขอชื่นชมนะครับที่ เขา สามารถ นำความหมายทางภาษาของงานเขียน ถ่ายทอด ออกมาเป็นภาพ และเสียง ได้อย่างน่าชื่นชม ในขณะที่ DUNE คือหนังไซไฟแท้ ๆ ที่ค่อย ๆ พาคนดูท่องไปในโลก อันน่าหลงไหล อย่างละเมียด ละไม จุดโฟกัส ของเรื่องราว คือการสำรวจ สภาพจิตใจ ของตัวละคร ที่ต้องพบกับ การตัดสินใจ อันลำบากใจและพลัง แห่งศรัทธา

และการมี อยู่ คือการต่อสู้ ที่แท้จริงใน DUNE สำหรับ แอ็กชัน ในเรื่องนี้ เลยไม่ได้โฟกัส ที่ความสะใจสักเท่าไหร่ แต่มันถูกบอกเล่า ผ่านแววตา ของตัวละคร ที่กำลังเจอ หน้าสงคราม ที่ไม่อาจเลี่ยง งานภาพ ที่เล่นกับแสง และเงาของ Greig Fraser ชวนให้งาน ของเรื่องการออกแบบ ทำได้เฉิดฉาย ชวนตื่นตา ในทุกฉาก  ทำให้เรารู้สึกได้ จริง ๆ ว่าโลกของ DUNE มันช่าง ยิ่งใหญ่เกินขอบเขตที่มี

 

 

ก่อนจะเสริมด้วยงาน ออกแบบเสียง ที่ทำงานร่วมกับดนตรี ประกอบของ Hans Zimmer เป็นอยากดี โอบอุ้ม เราให้รู้สึกเหมือน เป็นส่วนหนึ่ง ของเรื่องราว Denis Villeneuve ผู้กำกับ ของเรื่อง เผยว่า คำกล่าว ของเขา ไม่ได้เกินจริง เลยแม้ แต่น้อย ด้วยองค์ ประกอบ และมุมกล้อง ที่ใช้ ส่งให้ฉากทะเลทรายไกลสุดลูกหูลูกตาของดวงดาว Arrakis ถูกถ่ายทอดออกมาได้ยิ่งใหญ่ตระกาลตา  หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังฟรี4K

 

รีวิว Dune ความรู้สึกหลังดู

หลังจากที่ผมดูจนจบนะครับสำหรับหนังเรื่องนี้ คือตัวหนังเรื่องนี้ ทำออกมาได้ น่าตกใจเลยทีเดียว บอกก่อนนะครับ ว่า ผม เป็นคนที่ไม่ค่อยดูหนังแนวนี้ เท่าไหร่ แต่พอมาเจอหนังนี้ มันทำให้เราเปิดใจได้อะ หนังมันดีจริงๆรู้สึกว่า เวลาที่กำลังดู มักจะพาให้นึกถึง

หรือเทียบเคียง กับภาพยนตร์ สงครามจักรวาลสุดคลาสสิก อย่าง สตาร์ วอร์ส ไม่ว่าจะเป็น เรื่องราว ทางการเมือง การทรยศ การแย่งชิง ทรัพยากร การไล่ล่า ชนพื้นเมือง พวกปัญหาพวกนี้ทั้งหลายคล้ายกันมาก เพราะต้นแบบของ Starwar ก็มาจากเรื่องนี้นี้เอง

 

 

และสำหรับเรื่องนี้เองได้ ให้ความรู้สึก ราวกับ คนดู ได้เป็นส่วนหนึ่ง ของการเดินทาง แห่งโชคชะตา ไปพร้อมกับ Paul Atreides จริง ๆ และสำหรับ DUNE: Part One ยังมีเรื่องราวอีกมากมาย ให้เล่าต่อ  สำหรับ DUNE ความยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง

เหมือนเป็นเพียง แค่หนัง ครึ่งเรื่อง ที่เรากำลัง เพลิดเพลิน แต่รู้ตัวอีกที ก็โดนไล่ ออกจากโรง ไปแล้ว และสำหรับผมคิดว่าหนังเรื่องนี้ คือ Sci-Fi อันดับ1ของผมในตอนนี้เลย

คือถ้าหากเรื่องนี้ใครได้แล้ว จะหลับ อันนี้คือไม่แปลกนะครับ เพราะว่าตัวหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างจะทำออกมาได้ เน้นเรื่องของความอลังการ และ เรื่องของบทบาทเนื้อเรื่องสะส่วนใหญ่ หากใครที่ดูแล้วรู้สึกเฉยๆ มันก็แค่ คุณไม่ได้ชอบอะไรแนวนี้เท่านั้น เพราะตัวหนังเรื่องนี้ ค่อนข้างดูยากสำหรับคนที่ไม่ใช่แนวนี้  หากสนใจอ่านรีวิวหนังเพิ่มคลิ้กเลย รีวิวหนังออนไลน์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *