รีวิวทรานส์ฟอร์เมอร์ส 7 หนังใหม่ที่ใคร ๆ ก็รอคอยทรานส์ฟอร์เมอร์สภาคล่าสุดที่พึ่งมาใหม่ ๆ เลย ดูแค่ตัวอย่างก็บอกเลยว่าทำเอาตื่นเต้นอย่างมาก ๆ เพราะมีเหล่าสัตว์หรืออสูรโผล่มามากมายเลย ทำเอาแฟน ๆ ต่างลุ้นกันเลยว่าเรื่องราวจะออกมาสนุกมากแค่ไหน ในตอนนี้เรามาลุ้นไปพร้อมกัน สามารถรับชมหนังฟรี ไม่ต้องเวียค่าบริการใด ๆ ดูได้เลยที่ ดูหนังออนไลน์

ในภาพจำสุดท้ายของหนังแฟรนไชส์หุ่นยนต์เอเลี่ยนตีกัน รีวิวTransformers 7 ก็คงหนีไม่พ้นฉากที่หุ่นตะน้อนบัมเบิ้ลบีด้วยฮีโร่ของเรา ถือได้ว่าเป็นพระเอกของเรื่องเลยก็ว่าได้นะ

ซึ่งเขาได้เปลี่ยนตัวเองจากรถโฟล์กสวาเกน ไปเป็นรถมัสเซิลคาร์สุดเท่ Chevrolet Camaro ใน Bumblebee ในปี 2018 คือจำได้แค่นั้นจริง ๆ จะว่าฉันมีความจำสั้นก็ได้ แต่ก็ยอมรับสารภาพตรง ๆ เลยว่า แม้จะดูมาครบแล้วทุกภาค

แต่ด้วยความที่หลังจากเรื่องนี้ในภาคแรกเข้าฉาย ในภาคต่อ ๆ มา มันก็ค่อย ๆ เปลี่ยนจากหนังสงครามหุ่นรบแอ็กชันมันระเบิดตื่นตาในสไตล์ป๋า ไมเคิล เบย์ ผสมกลิ่นอายหนังครอบครัวฟีลกู้ดตามสไตล์ สตีเวน สปีลเบิร์ก

เลยกลายเป็นหนังหุ่นรบขายวิชวลเอฟเฟกต์ ขายระเบิดภูเขาเผากระท่อมวินาศสันตะโร และขายของเล่น แบบดาดดื่น กับมุกตลกล้น ๆ เลอะ ๆ ไร้เสน่ห์ ความไม่สมเหตุสมผลของตัวละคร ท่านสามารถติดตามการรีวิวของเราได้เลยที่ รีวิวหนังดัง

และเส้นเรื่องยุ่บยั่บวุ่นวายจนไม่รู้จะจับเอาตรงไหนมาจำจริง ๆ แต่  ๆ จะมียกเว้นก็ Bumblebee ที่มีอาการบทหลุด ๆ บ้าง แต่ก็ถือว่าดูได้แบบเพลิน ๆ นั้นเอง

แต่ก็แน่นอนแหละว่า ด้วยคำวิจารณ์ที่ไม่ดี แถมทุนสร้างที่สูงขึ้นในแต่ละภาค แต่ดันทำรายได้สวนทางตกเหว ที่ถึงแม้ว่าจะทำรายได้ให้ค่ายมากโขอยู่ ประกอบกับช่วงแถว ๆ นั้น เทรนด์หนังซูเปอร์ฮีโรก็กำลังขาขึ้นพอดี

ในแฟรนไชส์หนัง transformers rise of the beasts หุ่นตีกันชุดนี้ก็เลยขาขึ้น มาก่ายหน้าผากบ้าง อยู่นาน จนมาปีนี้แหละ อยู่ดี ๆ Paramount Pictures ก็ขุดแฟรนไชส์นี้ขึ้นมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้งในรอบ 6 ปี ในเรื่องนี้ก็ที่ภาคนี้จะทำหน้าที่เป็นทั้ง Sequel

หรือภาคต่อจากหนัง Bumblebee และทำหน้าที่กึ่ง ๆ Hard Reboot รีเซตจักรวาลใหม่ที่จะมีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง ไม่ได้เกี่ยวข้อง และไม่ใช่ภาคต่อจากหนังจักรวาลป๋าเบย์ 5 ภาคแรกแต่อย่างใดอะนะ

และเรื่องนี้ก็ยังคงได้ 2 ป๋าผู้ให้กำเนิดและจุดความสำเร็จให้กับแฟรนไชส์นี้ในอดีต ทั้งสปีลเบิร์ก และป๋าเบย์ ที่ยังคงมานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ใหญ่ครับ ส่วนเก้าอี้ผู้กำกับ ได้แฟนเดนตายทรานส์ฟอร์เมอร์ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ ผู้กำกับหนังมวย Creed II ในปี 2018

มานั่งแท่นรับหน้าที่ โดยในภาคนี้ แฟน ๆ เรื่องนี้ transformers 7 ก็คงคุ้นอยู่แล้วแหละว่า ตัวหนังได้แรงบันดาลใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ่นจักรกลฟอร์มสัตว์ป่า

จากแอนิเมชันสามมิติ Beast Wars Transformers ในปี 1996 ถึง 1999 มาอยู่ในรูปแบบหนัง Live Action เป็นครั้งแรก ซึ่งน้อง ๆ อาจจะไม่คุ้นชื่อ แต่คนอายุแถว ๆ 30 ปีขึ้นน่าจะคุ้นกับการ์ตูนเรื่องนี้ ตอนเอามาฉายออกอากาศทางช่อง 7 บ้างแหละ

ภาพยนตร์แอ็คชั่นฟอร์มยักษ์ภาคที่ 7 ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนในชื่อตอน Beast Wars ที่จะเล่าถึงเรื่องราวของเหล่า ออโต้บ๊อตที่ต้องร่วมมือกับแม็กซิมัล ต่อสู้กับผู้บุกรุกใหม่อย่าง ยูนิคอร์น โดยหนังเรื่องนี้จะเป็นการกำกับของ สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ จาก Creed ll นั้นเอง

ขอแวะมาที่คนเก่งมาก ๆ ก็คือผู้กำกับของเรื่องนี้ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร นั้นเอง สตีเวน เคเปิล จูเนียร์ เกิด 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2531 เป็นผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ชาวอเมริกัน เครดิตของเขารวมถึงดินแดน

ในปี 2016 Creed II ในปี 2018 ต้นไม้ที่แตกต่างกันและศิษย์ โกรธของครีมผจญภัยน้ำแข็ง ในปี 2560 ฟอร์บส์ยกให้ Caple Jr. เป็นหนึ่งใน 30 Under 30 ใน Hollywood & Entertainment

Caple พบกับช่วงพักใหญ่ครั้งแรกของเขาเมื่อภาพยนตร์ของนักเรียนA Different Treeชนะการแข่งขันหนังสั้นของHBOในปี 2013

Caple คุณลักษณะเปิดตัวภาพยนตร์ที่ดินฉายรอบปฐมทัศน์ที่ 2016 ซันแดนซ์ฟิล์มเฟสติวัลที่มันถูกซื้อกิจการโดยไอเอฟซีฟิล์ม บอกเล่าเรื่องราวของเด็กวัยรุ่นสี่คนที่อุทิศฤดูร้อนเพื่อหนีออกจากถนนในคลีฟแลนด์

เพื่อไล่ตามความฝันของการเล่นสเก็ตบอร์ดมืออาชีพ ภาพยนตร์เรื่องนี้ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 7  เข้าฉายเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2016 Caple ยังคงได้รับการเสนอชื่อจากThe Playlistให้เป็นหนึ่งใน 25 ผู้กำกับที่ก้าวหน้าที่สุดแห่งปี 2016

Caple เพิ่งเขียนของ HBO สูงโปรไฟล์เอ็มเม็ตจนถึงโครงการผลิตโดยWill Smith และ Casey AffleckและJay Z ละครชุดหกตอนที่ดัดแปลงมาจาก Devery เดอร์สันปี 2015 ประวัติ และ เอ็มเม็ตจนถึง ฆาตกรรมที่ช็อคโลก

และขับเคลื่อนขบวนการสิทธิพลเมือง สร้างจากเรื่องราวในชีวิตจริงของเอ็มเม็ตต์ ทิลล์วัยรุ่นผิวสีวัย 14 ปีซึ่งถูกฆาตกรรมอย่างทารุณหลังจากถูกกล่าวหาว่าเจ้าชู้กับผู้หญิงผิวขาวในมิสซิสซิปปี้ในปี 2498

ภาพยนตร์เรื่องต่อไป Caple เป็น 2018 การดำเนินการกีฬาละครภาพยนตร์Creed II และผลสืบเนื่องถึงปี 2015 ภาพยนตร์ลัทธิและงวดที่แปดในร็อคกี้ภาพยนตร์ซีรีส์ สตอลโลนพูดถึงการแต่งตั้งแคปเปิลเป็นผู้กำกับ

ฉันเชื่อว่ามันสำคัญที่ผู้กำกับจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของคนรุ่นนี้เช่นเดียวกับฉันในการทำให้เรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร ผู้กำกับ ราวมีความเกี่ยวข้องมากที่สุด เราโชคดีมากที่มีผู้สร้างภาพยนตร์รุ่นเยาว์อย่าง Steven Caple Jr. ขึ้นมารับบทบาทผู้กำกับ

ฉันมั่นใจว่าเขาและไมเคิล บี. จอร์แดนจะบุกออกจากสวน การผลิตCreed IIเริ่มขึ้นในฤดูใบไม้ผลิปี 2018 ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2018 และได้รับการวิจารณ์ในเชิงบวก

เรามาต่อกันที่เรื่องราวของเรื่องนี้ transformers rise of the beasts ผู้กำกับ ซึ่งเรื่องราวของหนังเริ่มต้นในปี 1994 หลังจากเหตุการณ์ใน Bumblebee ประมาณ 7 ปี ณ เมืองบรูกลิน นิวยอร์ก เมื่ออดีตพลทหารหนุ่มเชื้อสายลาติน โนอาห์ ดิแอซ

และต้องการออกไปหางานทำเพื่อช่วยเหลือแม่ บรีนนา ดิแอซ และน้องชาย คริส ดิแอซ แต่ไปสมัครงานที่ไหนก็ไม่มีใครรับ วันหนึ่ง โชคชะตาพานายกระจอกอย่างเขาให้ไปพบกับ มิราจ รถยนต์ Porsche 964 Carrera RS 3.8 สีเงินคาดแถบน้ำเงินสุดเฟี้ยว

หรือเป็นหนึ่งในหุ่นรบออโตบอตที่กบดานอยู่บนโลก ร่วมกับ ออปติมัส ไพรม์ หุ่นรบหัวรถบรรทุกหัวลาก Freightliner FLA ปี 1987 หัวหน้าของกลุ่ม อาร์ซี

หรือหุ่นรบสาวซิ่ง Ducati 916 และตะน้อนบัมเบิลบี Chevrolet Camaro สีเหลือง-ดำคนดีคนเดิม ที่กำลังหาหนทางกลับดาวไซเบอร์ทรอน

ในขณะเดียวกัน เอเลนา วอลเลซ นักโบราณคดีสาวผู้ทำงานในพิพิธภัณฑ์โบราณคดี ได้พบกับเบาะแสบางอย่างที่นำไปสู่สิ่งล้ำค่าที่เรียกว่า ทรานสวอป คีย์ กุญแจที่สามารถพาไปยังมิติต่าง ๆ ได้ทั่วจักรวาล ฝั่งออโตบอตเองก็อยากได้เอาไว้พากลับไซเบอร์ทรอนบ้านเกิด

transformers rise of the beasts เรื่องย่อ แต่ฝั่งเทอร์เรอร์คอนส์ผู้ชั่วร้าย ก็ต้องการกุญแจนี้ เพื่อให้ยูนิครอน สิ่งมีชีวิตโคตรมหึมา ใช้เดินทางเพื่อไปกลืนกินดาวทั่วทั้งจักรวาลได้ด้วยเช่นกัน จึงได้ส่งสเกิร์จ ลิ่วล้อจอมโหดมาตามไล่ล่า

ในขณะที่แอเรเซอร์ หุ่นรบอินทรี ตัวแทนของเผ่าแม็กซิมัล ก็ได้พาเหล่าออโตบอต รวมทั้งโนอาห์ และเอเลนา มาพบเจอกับเหล่าแม็กซิมัลรุ่นสุดท้ายที่ลี้ภัยมายังโลก อาศัยอยู่ในป่าแถบประเทศเปรู เพื่อหวังจับมือร่วมกันตามหาทรานสวอป คีย์ และปกป้องโลกก่อนที่จะโดนยูนิครอนกลืนกิน

ไม่ว่าจะเรียก Rise of the Beasts ว่าเป็นภาคต่อของ Bumblebee หรือจะมองมันว่าเป็น Soft Reboot ด้วยการหยิบเอาองค์ประกอบเดิมมาเล่าผ่านตัวละครใหม่เหมือนตอนสมัยภาค 4 และภาค 5

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร เรื่องย่อ หรือจะมองว่ามันเป็น Hard Reboot ที่ตั้งใจจะวางเส้นทางเพื่อหลีกห่างจากจักรวาลป๋าเบย์ ด้วยการวางเส้นเรื่องทั้งหมดเป็นของตัวเองก็ตามที และเอาเข้าจริง ว่ากันตามตรง ตัวหนังภาคนี้ก็ยังคงใช้โครงสร้าง วิธีคิด กลิ่นอาย วิธีการเล่าเรื่อง

และฟอร์แมตบางอย่างจากจักรวาลป๋าเบย์ ตกทอดมาอยู่ในภาคนี้มาแบบเต็ม ๆ และหลายคนดูแล้วก็คงนึกถึงภาคแรกไม่น้อยแหละ เพราะภาคนี้ก็เรียกได้ว่าแทบจะหยิบยืมเส้นเรื่องและวิธีเล่าในแบบภาคแรกมาใช้เลย โดยเฉพาะธีมเด็กชายกับสิ่งมีชีวิตประหลาด ที่ชวนให้นึกถึง E.T. ล้าน ๆ เปอร์เซนต์ เพียงแค่ไม่มีสาวเซ็กซี่แล้วเท่านั้นเอง

แต่ก็ต้องยอมรับว่า ตัวหนังก็เห็นความพยายามที่จะตีความและเปลี่ยนปรับอัปเดตแฟรนไชส์เรื่องนี้ ใหม่ในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทั้งการปรับดีไซน์หุ่นรบใหม่ โดยเฉพาะหุ่นไพรม์ ที่ปรับให้มีความคล้ายกับเวอร์ชันการ์ตูน

รวมทั้งการปรับคาแรกเตอร์ของเหล่าบรรดาหุ่น ที่แต่เดิมในจักรวาลป๋าเบย์จะมีระยะห่างมากหน่อย พอมาภาคนี้ก็จะมีความใกล้ชิดมนุษย์ มีความเป็นมนุษย์ มีความรู้สึกนึกคิดมากขึ้น จากออปติมัส ไพร์ม หุ่นรบสุขุม ๆ ให้ดูมีทรงแบบหัวหน้าจอมหัวร้อน

แล้วก็เบียวมาก ๆ ด้วย เพราะคำพูดคำจาพี่แต่ละคำนี่มันช่างเบียวได้ใจจริง ๆ หรือแม้แต่มิราจ ที่ พีท เดวิดสัน ก็รับหน้าที่พากย์เสียงได้ยียวนมาก ๆ ซึ่งตัวหนังพยายามจะดันให้มิราจขึ้นมาเป็นเพื่อนกับมนุษย์

และวางเส้นเรื่อง ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร สปอย มิตรภาพของมิราจกับโนอาห์ แบบเดียวกับบัมเบิลบีในภาคที่แล้ว มิราจก็เลยต้องกลายมาเป็นตัวจี๊ดตัวตึง เป็น MVP ประจำภาคที่หลายคนชื่นชอบ จนแทบไม่จำเป็นต้องดู Bumblebee มาก่อนก็ดูภาคนี้รู้เรื่องนะฉันคิดว่า

การดำเนินเรื่องกระชับฉับไว แต่ก็ต้องยอมรับว่าตัวบทมีข้อเสียอยู่เหมือนกัน เนื่องจากมันออกมาแบบสูตรสำเร็จมากๆ คือทุกอย่างมันดูง่ายดายจนเกินไป ทุกอย่างดูรีบไปหมด แต่ก็พอเข้าใจได้ว่าเขาอยากขายแฟนเซอร์วิสให้แฟน ๆ

ทรานส์ฟอร์เมอร์ส กำเนิดจักรกลอสูร เต็มเรื่อง ด้วยการโชว์ความเท่ของเหล่าหุ่นยนต์ที่มีมากถึง 3 กลุ่ม เขาจึงต้องแบ่งเวลาไปให้เหล่าหุ่นยนต์พวกนี้ด้วย ยังดีที่ยังสามารถผูกเรื่องราวของหุ่นเข้ากับตัวเอกได้อย่างดี ส่วนตัวชอบประเด็นความสัมพันธ์ของ Noah กับ Mirage มากๆ ภาคนี้ทำเอา Optimus Prime ดูเป็นตัวละครสมทบไปเลย

แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ภาคนี้ไม่เหมือนภาคอื่นนั่นคือการที่ฝั่งมนุษย์ได้มีส่วนร่วมกับการต่อสู้มากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา คือทั้งช่วยหากุญแจและร่วมต่อสู้กับหุ่นยนต์ในตอนท้ายด้วย สำหรับฉันฉากสู้ท้ายเรื่องคืออะไรที่ว้าวและติดตาเอามาก ๆ แถมเพลงที่เลือกมาก็ดีเช่นกัน

สิ่งที่ฉันชอบที่สุดของภาคนี้คงหนีไม่พ้นฉากแอ็คชั่น เพราะทำออกมาได้ดีทุกฉาก แถมยังฉลาดด้วยการให้มีการสู้กันหลายครั้งแบ่งเป็นช่วง ๆ คือเล่าเรื่อง แอ็คชั่น เล่าเรื่องต่อ แอ็คชั่นอีกรอบ

และก็เล่าเรื่องต่อ ปิดด้วยแอ็คชั่นตอนท้าย คือสลับไปมาแบบพอดี ถึงบอกว่ามันไม่มีจังหวะไหนให้เราได้เบื่อเลย ส่วนตัวฉากที่ชอบที่สุดคงหนีไม่พ้นฉากต่อสู้ตอนท้ายเรื่อง คือมันดูยิ่งใหญ่และบันเทิงมาก ๆ ได้เห็นหุ่นยนต์ทุกตัวรวมพลังกัน มันเท่และฟินมาก ๆ

โดยเฉพาะฉากที่ Bumblebee โดดลงจากเครื่องบินมาช่วยตอนท้ายพร้อมเพลงประกอบคือโคตรเท่ ปิดท้ายด้วยฉากร่วมต่อสู้ของ Noah และ Optimus Prime และ Optimus Primal

ในฉากนี้ขนาดฉันไม่ใช่แฟนของหนังเรื่องนี้ ทรานส์ฟอร์เมอร์ส 2023 ฉันยังประทับใจมาก ๆ เลย ออกแบบฉากแอ็คชั่นได้ดีจริงๆ งาน CGI ก็ค่อนข้างดี แม้ว่าอาจจะมีไม่สมจริงบ้างบางฉากแต่ก็เป็นส่วนน้อยมาก ๆ สรุปโดยรวมคือ ภาคนี้เป็นหนึ่งในภาคที่สนุก ดูเพลิน ได้เห็นหุ่นยนต์เท่ ๆ หลายตัว ได้ดูฉากแอ็คชั่นอย่างเต็มอิ่ม

แต่ก็มีข้อเสียแค่เพียงอย่างเดียวคือบทที่มาในแบบสูตรสำเร็จจนไม่รู้สึกลุ้นตามเท่าไหร่ แต่หากคุณสนใจอยากดูแค่ฉากแอ็คชั่นกับหุ่นยนต์ ฉันรับประกันได้เลยว่าไม่ผิดหวังแน่นอนไม่ควรพลาดเรื่องนี้เด็ดขาด