รีวิว Once Upon The Time
สวีสดีครับ สำหรับวันนี้ ผมจะมารีวิวหนัง เกี่ยวกับคาวบอย นะครับ โดนตัวหนังเรื่องนี้ มีชื่อว่า Once Upon The Time In HollyWood หรือว่าครั้งหนึ่งในฮอลลี่วูดนะครับ โดยตัวหนังเรื่องนี้จะถือว่าอย่ในฮิปปี้ หรือ ยุคคาวบอยนั่นเองครับ หากใครชอบ แนวคาวบอยอะไรงี้ก็ไปชมกันได้เลยนะครับ
และสำหรับ เรื่องราวของOnce Upon The Time In HollyWood ได้นำเสนอเรื่องราวเริ่มด้วย ริค ดาลตัน ที่ถูกนำแสดงโดย ลีโอนาโด ดิคาปริโอ นักแสดงตกอับผู้เคยมีชื่อเสียงโด่งดัง
จากการเป็นพระเอกหนังคาวบอย แต่ชื่อเสียงก็ลดลงตามกาลเวลากลายมาเป็นต้องรับบทตัวร้ายให้คลื่นลูกใหม่เหยียบขึ้นไปข้างบนแทน เขากับ คลิฟฟ์ บูธ ที่ถูกนำแสดงโดย แบรด พิตต์ สตันท์แมน คู่ใจของเขา จึงต้องพยายาม หาทางกลับมา เป็นดาวที่เฉิดฉาย ในวงการ หนังคาวบอย อีกครั้ง และนอกจากนี้แล้ว เขายังมีเพื่อนบ้าน เป็นนักแสดงสาว สุดสวยอย่าง แชรอน เทตที่ถูกแสดงโดย มาร์โก ร็อบบี้ ที่กำลังเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอยู่ในขณะนั้นด้วย หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังออนไลน์
ซึ่งบทของร็อบบี้นี้เป็นนักแสดงที่มีตัวตนจริงในฮอลลีวู้ดนะครับ และในส่วนของ ทารันทิโน นั่นนำภาพหลายๆอย่าง เหล่านี้ ขึ้นจอได้ในแบบที่ผิดวิสัย เหมือบกับว่าเต็มไปด้วยอารมณ์แบบงานหวนหาอดีต ให้รู้สึกถึงความสวยงามของยุคสมัยนั้น ทั้งจากการใช้โทนหนังที่ซอฟท์เอามากๆ
ทั้งจากอารมณ์ขันที่ไม่ได้เจ็บแสบ แบบที่สัมผัสได้จากหนังเรื่องก่อน รวมไปถึงภาพของความรุนแรงที่กว่าจะมาถึงก็แทบจะจบอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดถูกฉาบทับด้วยมิตรภาพอันอบอุ่นของสองคู่หู
อย่าง ดัลตันกับบูธ ที่ดิคาพรีโอกับพิทท์ให้การแสดงที่แสดงร่วมกันได้ดีเหลือเกิน ใ แล้วที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ ความเดียงสาของชารอน เทท ที่รับบทโดยมาร์โกท์ ร็อบบี ที่บทบาทไม่มากมาย เหมือนไม่ได้ทำอะไรนัก แต่จริงๆ แล้วหนังใช้ ความดึงดูด ของเธออย่างมาก และเธอก็ให้กับเรื่องได้เต็มที่สุดๆและตัวหนัง Once Upon a Time in Hollywood คือหนังเรื่องล่าสุดจาก เควนติน ทารันติโน
และสำหรับตัวหนังเรื่องนี้นั้น ก็ต้องขอบอกว่าถ้าไม่ใช่แนวก็คงจะชอบเท่าไหร่นะครับ ผมคิดว่าไม่ใช่หนังที่เหมาะสำหรับทุกคนจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดำเนินเรื่องหรือการนำเสนอ มุมมอง โทนของหนังหรือแม้แต่ ความรู้สึกต่างๆของตัวละคร ก็ถ้าหากใครไม่ชอบหนังแนวนี้ก็ไม่เป็นไรครับ หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย เว็บดูหนังออนไลน์
เนื้อเรื่องย่อ
และสำหรับเรื่องราวของหนัง แต่เอาจริงๆผมจะพยายามไม่สปอยล์เลยนะครับในส่วนของเนื้อหาเลยเอาจจะมีน้อยหน่อยเพราะว่าไม่อยากจะสปอยล์เรื่องนี้สักเท่าไหร่ครับ และสำหรับ Once Upon The Time In HollyWood มันคือเรื่องราวของ ริค ดาร์ลตัน นักแสดงที่กำลังอยู่ในช่วงขาลงและ คลิฟฟ์ บูท สตันท์แมนของเขา
และเรื่องราวของ คลิฟฟ์ บูทนั้น ก็ห่างหายจากงานแสดง ไปนานมากแล้วและเขาก็ได้กลายมาเป็นคนขับรถ และผู้ช่วยทั่วไป ของริค และในตอนที่ริค กำลังต่อสู้ เพื่อความอยู่รอด ในวงการฮอลลีวูด คลิฟฟ์เอง เขาก็ต้องพบกับ ความท้าทาย ในชีวิต เมื่อเขาต้อง ไปเกี่ยวพัน กับแก็งพวกคาวบอย ซึ่งมีผู้นำก็คือ ชาร์ลี แมนสัน พูดอีกอย่างก็คือ ในขณะที่ริค เล่นเป็นคาวบอย อยู่ในจอ คลิฟฟ์ก็คือ คาวบอยยุคใหม่ ที่เต็มไปด้วยความเข้ม และตัวของเขานั้นพูดน้อยต่อยหนัก
ที่ต้องต่อกรกับแก๊งฮิปปี้ซึ่งเป็นตัวร้ายของเรื่องใน Once Upon a Time ซึ่งเป็นเหมือนจดหมายรักของ เควนติน ที่เขียนให้กับฮอลลีวูดยุค 60 ซึ่งถือเป็นช่วง เปลี่ยนผ่าน สำคัญของอุตสาหกรรม ภาพยนตร์ และหนังเรื่องนี้ก็ เหมือนจะเป็นการเชิดชูคนทำงานเบื้องหลัง อย่างคลิฟฟ์ ว่าเป็นฮีโร่ตัวจริง ของฮอลลีวูด นั่นเอง และตัวหนังเรื่องนี้ถือว่า จะมีความนิ่งมากขึ้น และ ในส่วนของฉากที่เถื่อนและ โหดเลยก็ยังคงมีอยู่ในหนังเรื่องนี้ย ถึงแม้ จะมีฉากพวกนั้น จะน้อยกว่าเรื่องอื่น หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังฟรี
แต่มัน ก็ถูกวางเอาไว้ในจุดที่สร้าง จุดสำคัญ ให้กับหนังสุดๆ เรียกว่าใช้น้อยแต่ได้ผลดีเกินคากและอย่างนึง ของเควนติน ก็คือการเขียน บทสนทนาซึ่ง ฟังดูแค่ผิวเผินแล้วมันจะดูเหมือนเรื่องไร้สาระ แต่มันมักจะ แฝงความหมายเอาไว้ลึกๆ เสมอ และที่สำคัญก็คือ มันจะเป็นบทสนทนาที่เต็มไปด้วยความกดดันทางอารมณ์เพราะเราไม่มีทางรู้เลยว่าบทสนทนานั้นจะนำไปสู่อะไรได้บ้าง อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยก็ได้ หรือจะยิงกันระห่ำไปเลยก็ได้ สำหรับตัวหนัง เรื่องนี้ หากจะดู ก็ต้องยอมรับ นะครับ ว่ามันมีส่วนของ ผู้กำกับเยอะมาก พี่แกอยากใส่อะไรตามอารมณ์แกทั้งนั้นเลย หากเรา หลงรักเขา เราก็จะเพลินเพลิน ไปกับมัน แต่ถ้าไม่ล่ะก็ เราก็จะไม่สนุกกับการดูหนังเรื่องนี้เลย หากสนใจดูหนังออนไลน์คลิ้กเลย ดูหนังฟรี4K
รีวิว Once Upon The Time ความรู้สึกหลังดู
สำหรับผมตัวหนังเรื่องนี้หากใครชอบ เรื่องของลายละเอียดในหนังเรื่องนี้ถือว่าทำได้ดี แต่ถ้าหากพูดถึงหนังคาวบอย แล้วใครจะมาดูฉากยิงบ้าระห่ำเลยหนังเรื่องนี้ อาจจะไม่เหมาะสักเท่าไหร่เพราะตัวหนังเรื่องนี้ถือว่าเน้นไปในทางของความละเอียดสะมากกว่า ความละเอียดในที่นี้หมายถึง พวกการนำเสนอ อารมณ์ของยุคสมัยนั้น โทนของภาพยนต์ หรือแม้แต่ การกระทำหรือการพูดของตัวนักแสดงเช่นกัน หากใครชอบ แนวๆนี้ จะหลงรักเรื่องนี้แน่นอน
และในส่วนของภาพรวม Once Upon a Time in Hollywood ก็เป็นหนังที่แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่น่าสนใจระดับนึงเลยของ เควนติน ซึ่งก็ต้องบอกตามตรงว่า มันอาจจะไม่ใช่หนังที่สนุก สำหรับทุกคน แต่ถ้าใคร อยากลองสัมผัส อะไรที่ แปลกใหม่ในการดูหนัง หนังเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องนึง
แต่บางที ก็คือในส่วนของ หนังเรื่องนี้นั้น เขาอยากใส่อะไรก็ใส่มาเลย อาจจะทำให้ บางทีอันนี้ก็ไม่ถูกใจบ้าง ส่วนหนึ่งคือเราไม่ค่อยอินกับ Hollywood ในยุค 60s เท่าไหร่ด้วยจึงไม่เข้าใจและไม่อินในรายละเอียดที่หนังใส่มา
แต่พอหนังเข้าสู่ช่วงพีคในตอนท้าย มันทั้งมันส์ ทั้งได้อารมณ์ และบันเทิง สนุกเอามากๆเลยครับๆ ผมก็ชอบบรรยากาศการย้อนยุคของหนัง ที่เซ็ตทุกอย่างให้มันดูเป็นปี 1969 มาก และได้อย่างละเมียดละไม ทั้งเรื่อง-ภาพ แล้วก็เสียง ที่ทารันทิโนไม่ได้ใช้แค่เพลงจากยุคนั้น แต่ยังปล่อยเสียงสปอตวิทยุ, การดำเนินรายการของดีเจ แทรกเป็นแบ็คกราวนด์เอาไว้แทบตลอดเวลา ทำให้บรรยากาศปลายยุค 60s สอดแทรกอยู่ในทุกสัมผัสที่ใช้ในการชมภาพยนต
ในส่วนของตัวของหนัง Once Upon a Time in Hollywood กลายเป็นความสบายๆ มากกว่า จะเป็นความสะใจ เพื่อให้ผู้ชมสัมผัส กับยุคสมัย ที่เป็น เรื่องราวในอดีตที่แสน ชื่นชอบของผู้สร้างเขาเลยทำในส่วนนี้มาอย่างละเอียด หากใครหลงรักยุคนั้น 60 หรือว่าชอบใน บรรยากาศคาวบอย ในยุคนั้น
ถือว่า เรื่องนี้ ไม่ดูไม่ได้แล้นะ และส่วนของนักแสดง ก็ถือว่าแสดงได้เขาถึงบทบาทมากๆเลยนะครับ และอีกอย่างคือต้องขอบคุณตัวหนังที่ แสดงให้เห็นถึงเรื่องดีและเรื่องเสีย ทำให้เราเข้าใจกับ ตัวละครตัวนี้มากขึ้น หากสนใจอ่านรีวิวหนังเพิ่มคลิ้กเลย รีวิวหนังออนไลน์