รีวิว ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์  เรื่องราวของคามาโดะ ทันจิโร่พากย์เสียงโดย นัตซึกิ ฮานาเอะ เด็กหนุ่มผู้เสียครอบครัวไปจากจากออกล่าของอสูร เหลือเพียง เนซึโกะ พากย์เสียงโดย อาการิ คิโตะ น้องสาวสุดน่ารักเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตอยู่ ทันจิโร่ จึงต้องฝึกฝนตัวเองเพื่อตามล่าตัวการใหญ่ของเรื่องทั้งหมดที่จะทำให้ เนซึโกะ กลับมาเป็นปกติเช่นเดิม พร้อมด้วยปริศนาเรื่องราวลึกลับของ ดาบ แผลเป็น สายเลือด และ อสูร ในหนังโรงภาคนี้จะเล่าถึง เรื่องราวของศึกรถไฟสู่นิรันดร์เดอะมูฟวี่ที่ดำเนินต่อเนื่องทันทีจากฉบับอนิเมะที่เป็นซีรีส์ภาคที่1เมื่อคามาโดะทันจิโร่และเนซึโกะและเพื่อนๆของเค้าอีก2คน

ได้รับภารกิจให้ไปสืบสวนหาสาเหตุการหายตัวไปของผู้คนบนขบวนรถไฟสู่นิรันดร์ พวกเขาจึงได้รู้ว่าบนขบวนรถไฟลำนี้มีอสูรทรงพลังซ่อนตัวอยู่ แต่คราวนี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันตามลำพัง เพราะเสาหลักแห่งไฟ เรนโงคุ ได้เข้าร่วมศึกด้วย ทำให้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเอ็นมุอสูรข้างแรมตนหนึ่งผู้ใช้วิชาเลือดอสูรสะกดมนุษย์ให้หลับใหล นี่จึงกลายเป็นการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือผู้คนบริสุทธิ์บนขบวนรถไฟแห่งฝันร้าย

รีวิว ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์
เมื่อพบเสาหลัก

ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่ ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ภาพยนตร์การ์ตูนญี่ปุ่น เป็นเจ้าของตำแหน่งหนังทำเงินสูงที่สุดในโลกประจำปี 2563 ซึ่งกวาดรายได้จากทั่วโลกไปถึงกว่า 454 ล้านเหรียญนับตั้งแต่ออกฉายครั้งแรกในญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ขึ้นแท่นหนังทำเงินอันดับหนึ่งของแดนอาทิตย์อุทัย แซงหน้าแชมป์ 19 ปี จากข้อมูลในตอนนี้ที่หนังยังไม่ลาโรงในบ้านเกิด หนังก็เป็นเจ้าของสถิติรายได้สูงสุดตลอดกาลอันดับ 3 ในญี่ปุ่น เป็นรองเพียงหนังดังอย่าง Spirited Away และ Titanic เท่านั้น น่าจะทำให้หนังอนิเมะเรื่องนี้ไปไกลกว่าแค่หนังเด็กธรรมดา และจำเป็นต้องพินิจมันอย่างหนังเรื่องหนึ่งที่กระแทกไหล่หนังคนแสดงชั้นดีได้ด้วย Kimetsu no Yaiba หรือรู้จักกันดีในนานชื่อไทยว่าดาบพิฆาตอสูร จากเดิมเป็นผลงานมังงะที่ลงในนิตยสารเด็กผู้ชายยอดนิยมอย่างจัมป์รายสัปดาห์

ที่ก่อให้เกิดกระแสความฮิตเกินคาดด้วยยอดขายในฉบับหนังสือรวมกว่า 44 ล้านเล่ม และมียอดขายไลท์โนเวลทั้ง 2 เล่มรวมถึง 1.2 ล้านเล่ม ด้านเพลงเปิดซีรีส์เองก็ฮิตมากเช่นกัน เพราะเพลง Gurenge ซึงผมเองก็ชอบเพลงประกอบเรื่องนี้มากๆดีทุกเพลงจริงๆ ก็ทำยอดจำหน่ายแผ่นไปกว่า 100,000 ก็อปปี้ด้วยเรียกว่าคอนเทนต์ของดาบพิฆาตอสูรจะไปจับสื่อใดก็คะเนความสำเร็จได้ไม่ยากเลย ไม่แปลกที่ทางญี่ปุ่นเองจะรีบสานต่อความดังหลังจากแอนิเมะซีรีส์ในซีซันแรกได้จบลงพร้อมคำวิจารณ์ที่ดีมาก ๆ  ด้วยการเดินเนื้อหาต่อเนื่องทันทีในฉบับหนังโรง แบบไม่ต้องรอซีรีส์ซีซัน 2 แต่อย่างใด

รีวิว ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์01
อสูรร้าย

รีวิว ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์

ซึ่งจะว่าไปนั่นก็อาจจะเป็นข้อเสียใหญ่ ๆ ข้อเดียวที่นึกออกของตัวหนัง เพราะเมื่อลองทำหัวแบบคนไม่เคยอ่านมังงะไม่เคยดูอนิเมะของภาคแรกมาก่อนและ ไม่รู้จักอะไรมาก่อนเลยแล้วมาดูหนังเรื่องนี้รับรองไม่อินและอาจขัดใจบางอย่างเอาเสียด้วยซ้ำ ด้วยตัวเนื้อหานั้นมีดราม่าใหญ่ ๆ ที่ติดตามตัวละครหลักมาตั้งแต่ต้นด้วย และหนังก็เลือกจะเล่าต่อแบบไม่ย้อนความใด ๆ มากนัก ไม่ว่าจะปมครอบครัวของตัวเอกอย่างทันจิโร่ทำไมน้องสาวอย่างเนซึโกะถึงเป็นอสูร และตัวละครอื่น ๆ ทำไมถึงมีบุคลิกประหลาด ๆ มากมายอย่างนั้น

การเปิดตัวละครสำคัญแบบให้แค่แฟนคลับเข้าใจก็พอ ด้วยบุคลิกประหลาด ๆ ของตัวละครทั้งหลาย ตรงนี้คงต้องบอกเลยว่าคุณอาจจะพอมาจูนเข้าใจเรื่องเอาในโรงได้บ้าง แต่คุณจะไม่เข้าใจอารมณ์ของมันจริง ๆ เช่นความเศร้าเสียใจของตัวเอกที่สูญเสียครอบครัว ความห่วงใยที่มีต่อน้องสาว ความสำคัญของเสาหลักและอสูรข้างขึ้น และอีกหลาย ๆ อย่าง แล้วพาลอาจไม่ชอบใจไปเสียมากกว่า แนะนำไปหามังงะ/แอนิเมะดู หรืออย่างน้อยให้เพื่อนที่ดูเล่าให้ฟังก็ยังดีครับ

เนซึโกะร่างเด็กที่น่ารักน่าชัง น่าหยิกแก้มมาก ๆ ซึ่งใครไม่เคยดูมาก่อน ก็อาจจะงงได้ว่าคืออะไรกับตัวละครนี้แน่นอน สำหรับใครที่ไม่ติดปัญหาดังกล่าว ก็ต้องบอกเลยว่านี่คือหนังที่สร้างมาเซอร์วิสแฟนมากถึงมากที่สุด ทุกอย่างที่เคยชอบหรือเป็นจุดเด่นในฉบับแอนิเมะ ก็ถูกนำมาใช้แล้วขยายให้ว้าวขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะฉากแอ็กชันที่อัดมันกันเน้น ๆ ยาว ๆ ด้วยว่าตัวเนื้อหาในฉบับหนังนี้ก็คัดเอามาแต่ที่จะส่งให้บทแอ็กชันเป็นส่วนใหญ่ทั้งนั้นไม่ว่าจะ

การต่อสู้กับอสูรรถไฟที่เรียกว่าใส่แบบไม่ยั้งไม่ต้องมีปี่มีขลุ่ยใดๆเลย เข้าเรื่องไวมาก ถึงบอกว่าใครไม่รู้เรื่องมาก่อนมีงงแหง และบอกได้เลยว่าอสูรรถไฟเป็นเพียงน้ำจิ้มให้ครึ่งหลังยิ่งมันกระชากวิญญาณยิ่งกว่า ซึ่งฉากการต่อสู้บนรถไฟไอน้ำที่เป็นเวทีหลักของหนังในครั้งนี้เองก็แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น เมื่อปลุกเร้าเหยาะปรุงรสด้วยเหยื่อคนบริสุทธิ์กว่า 200 ชีวิตที่เป็นตัวประกัน แถมด้วยดราม่าขับเน้นงาม ๆ ของฝั่งตัวละครหลัก ตัวละครประกอบที่ล้วนถูกชะตากรรมและความชั่วช้าของอสูรล่อลวงอย่างน่าเวทนา

ดีไซน์ตัวละครทางฝั่งอสูรยังน่าจดจำเสมอ ยิ่งอสูรรถไฟมีพลังสะกดให้หลับควบคุมฝันได้อีกยิ่งปูทางให้ขยี้ปมดราม่าในอดีตได้ด้วย ลงตัวกับการเล่าขยายเรื่องมาก ๆเมื่อประกอบกับภาพมุมกล้องเท่ ๆ ลายเส้นและกราฟิกสวย ๆ และเพลงประกอบสุดเร้าใจ ในระดับชั้นยอดที่เคยตราตรึงผู้ชมแอนิเมะมาแล้ว นี่คืองานที่ค่าย Ufotable ที่ทำหน้าที่สร้างสรรค์จัดเป็นงานชิ้นโบว์แดงของปีนี้ได้เลย

รีวิว ดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์02
ทันจิโร่และอสูร

แต่ข้อปัญหาที่พึงสังเกตสำหรับหนังก็คือ สำหรับคนที่อ่านมังงะรู้เรื่องราวล่วงหน้าแล้วนั้น ก็เสียอรรถรสไปมากอยู่เหมือนกันเพราะจะสปอยล์ตัวเองให้ไม่ทันอิ่มกับรสอารมณ์ต่าง ๆ ในช่วงท้าย อีกประการก็เป็นเรื่องที่ว่าเมื่อเส้นเรื่องน้อย ปราบอสูรบนรถไฟจนสำเร็จเท่านั้น แล้วใช้แฟลชแบ็กอดีตตัวละครขายเรื่องราวเอา และระดมฉากแอ็กชันเอาใจแฟนมาก ๆ ก็จะเกิดปัญหามากเกินไปที่น่าเบื่อ มันก้มีบางช่วงที่รู้สึกเริ่มชินกับความมันของฉากแอ็กชันต่าง ๆ

จนดีกรีความเร้าใจลดลง แม้หนังจะฉลาดในการสลับดราม่ามาแทรกทำร้ายจิตใจเราเป็นระยะก็ตาม ก็เป็นจุดเสียเล็กน้อยที่พอจับได้ โดยอาจไม่นับพวกมุกตลกแบบการ์ตูนญี่ปุ่นที่บางทีก็เบาปัญญาเกินไปสำหรับเด็กโตหรือผู้ใหญ่นะ เพราะพอเข้าใจได้ว่ามีกลุ่มเด็กเล็กเป็นฐานแฟนมากเหมือนกัน และใครที่สนใจจะเริ่มติดตามดาบพิฆาตอสูรบ้างแล้ว ก็ต้องขอยั่วน้ำลายว่าจุดเด่นประการสำคัญ อยู่ที่เนื้อหาของดาบพิฆาตอสูรที่เป็นเสน่ห์มาแต่เดิม

คือความขัดแย้งที่ไม่น่าเข้ากัน แต่อยู่ด้วยกันแล้วเกิดเป็นเอกลักษณ์ที่ชวนจดจำ ไม่ว่าจะเป็นลายเส้นที่ดูอ่อนช้อย มุกตลกที่ชวนให้รู้สึกไม่จริงจัง แต่พอเป็นฉากแอ็กชันหรือฉากความรุนแรงก็ดุเข้มมันกระจายแบบไม่น่าเชื่อว่าเป็นหนังเด็กดู ฉากคนตายจัดว่าน่ากลัวไม่เบานะ สองคู่หูคู่ฮาที่ยิงมุกถี่เสียเหลือเกิน ขำบ้างแป้กบ้าง แต่ก็เป็นมุกประเภทเอาใจเด็กเป็นสำคัญ

ในขณะที่การออกแบบตัวละครต่าง ๆ ก็ดูประหลาด บางทีก็แฟนซีจนล่องลอยไร้สาระ ทว่าพอจับดราม่าก็กระแทกกระทั้นหัวใจ ทำน้ำตาไหลได้ไม่รู้ตัว เป็นผลงานที่ฉลาดในการจับอารมณ์คนดูได้เก่งมาก ทั้งหมดต้องชื่นชมไปตั้งแต่อาจารย์ โคโยฮารุ โกโตเกะ ที่เขียนฉบับมังงะ จนถึงค่าย Ufotable ที่จับความพิเศษมาสานต่อบนภาพเคลื่อนไหวได้กันเลยทีเดียว ตัวโหดอสูรข้างขึ้นก็มา เตรียมเห็นฉากเลือดสาดได้เลย

บทสรุปของหนัง ต้องบอกได้ว่า Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train เป็นหนังอนิเมะขนาดยาวร่วม 2 ชั่วโมงที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ทั้งมัน ทั้งขำ ทั้งซึ้ง ทั้งเศร้า ทั้งน้ำตาไหล เส้นเรื่องอาจไม่ได้ขยับขยายการรับรู้เดิมไปได้ไกลมากนัก แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญชนิดที่ว่าจะดูแอนิเมะซีรีส์ซีซันต่อไปไม่รู้เรื่องได้เลยทีเดียว ดังนั้นสำหรับแฟนคลับแล้วจัดเป็นเราต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากใครหวังจะมาทำความรู้จักเอาครั้งแรกจากหนังเรื่องนี้คงขอเตือนว่าจะเป็นแผลใจไปเสียเปล่าๆ และแน่นอนแม้อนิเมะและมังงะจะเป็นขวัญใจเด็กเล็กเด็กโตส่วนใหญ่ ทว่าด้วยความรุนแรงด้านภาพและเนื้อหาที่หนักพอสมควร ก็คงต้องเตือนผู้ปกครองที่มีเด็กเล็กว่าอาจต้องนั่งประกบดูไปด้วยกันเพื่อให้คำชี้แนะและแนะนำน้องๆด้วยนั่นเอง

 

ฉากประทับใจ 

ฉากที่ประทับใจในหนังเรื่องนี้ ผมต้องขอยกให้ฉากนี้ก็แล้วกันนั่นคือฉากที่เร็นโงคุ เคียวจูโร่ ไปช่วยคุณยายและหลานที่สถานีรถไฟซึ่งหลังจากที่กำจัดอสูรได้เมื่อคุณยายเห็นเคียวจูโร่ก็จำได้ขึ้นมาทันทีว่าตัวเองนั้นเคยถูกคนผู้นี้ช่วยเหลือมาแล้วครั้งหนึ่งแต่เคียวจูโร่ก็บอกว่านั่นคงเป็นพ่อของเขาและเขานั้นได้สานต่องานของพ่อมาเป็นนักล่าอสูร ที่ผมประทับใจฉากนี้เพราะว่ามีการถ่ายทอดเรื่องราวเป็นภาพย้อนอดีตซ้อนทับกับปัจจุบันให้เราได้ชมซึ่งก็ทำให้เห็นถึงเจตนารมณ์ของตัวละครพ่อลูกคู่นี้ที่มีความคิดและความรู้สึกที่อยากจะช่วยเหลือผู้คนเหมือนกัน

และตอนเด็ก 3 คนรวมตัวกันจะทำร้ายทันจิโร่ ถ้าเป็นการ์ตูนเรื่องอื่นตัวเอกคงแบบพยายามถามหรืออธิบายให้อีกฝ่ายเข้าใจก่อน ทำไมถึงทำแบบนี้ นี่กำลังโดนหลอกใช้อยู่นะ แล้วคนอีกมากกำลังมีอันตราย ชีวิตคนอีกตั้ง 200 คนเลยนะ นี่ยังเห็นแก่ตัวจะขัดขวางไม่ให้ไปช่วย จะเอาแต่ความต้องการตนเองอย่างเดียวมันไม่ได้ แต่ทันจิโร่กลับแค่แสดงสีหน้าเสียใจและพูดสั้นๆว่า ขอโทษนะ แต่ฉันต้องไปต่อสู้แล้ว แล้วทำให้เด็กๆสลบไปเลยไม่พูดมาก คืออาจเป็นเพราะสถานการณ์ตอนนั้นมันเสียเวลาไม่ได้ด้วย แต่มันก็ยังตีความได้ด้วยว่า ทันจิโร่เข้าใจว่าความทุกข์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน

แต่เขาก็ไม่คิดที่จะตัดสินว่าความทุกข์ของคนๆนั้นมากหรือน้อยกว่าใครด้วยการอธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน โน้มน้าวให้อีกฝ่ายเกิดสติ หรือ ทำให้อีกฝ่ายถอยไป คือคนมันมีความทุกข์ บางคนอาจยอมรับได้หรือยอมรับไม่ได้เพราะแต่ละคนมีขีดจำกัดที่ไม่เหมือนกัน แต่ทันจิโร่ก็ไม่คิดขัดขวางหรือแย้งในส่วนความคิดของเด็กเหล่านั้น เพราะรู้ว่ายังไงซะถึงไม่โดนควบคุม เป็นความสมัครใจของเจ้าตัว แต่ยังไงต้นเหตุก็ต้องมาจากอสูรเป่าหูมาแน่นอน ซึ่งเด็กพวกนี้ก็ไม่ได้ทำอย่างนี้กันครั้งแรกด้วย ดูได้จากคำพูดของเด็กผู้หญิงที่เข้าไปในฝันของเคียวจูโร่ได้ว่า ไม่เคยเห็นแก่นหลักของจิตใจเป็นสีแดงแบบนี้มาก่อน

คือคงทุกข์มากถึงขนาดที่ว่ายอมทำร้ายคนอื่นเพื่อเข้าไปอยู่ในฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งแม้ทันจิโร่จะไม่รู้ในจุดนี้แต่ทันจิโร่พูดหลังทำให้เด็กๆสลบแล้วว่า “ฉันเข้าใจ ว่าอยากอยู่ในความฝันสินะ ฉันเองก็เหมือนกัน” สื่อได้ว่าทันจิโร่นั้นเข้าใจ เพราะทุกคนสุดท้ายยังไงก็ต้องเผชิญกับความทุกข์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่จะอ้างหรือหาเหตุผลมาประกอบการกระทำที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการโดยแลกกับชีวิตคนอื่นมันเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำและไม่ถูกต้อง

โดยทันจิโร่เข้าใจดีว่าเด็ก 3 คนนี้เขาไม่ต้องการรับรู้หรอกว่าทันจิโร่จะรู้สึกยังไงหรือรับฟังคำอธิบายว่าสิ่งที่พวกเขาทั้ง 3 คนกำลังทำอยู่มันนั้นไม่ถูกต้อง แต่แค่ทันจิโร่เข้าใจ รับรู้การกระทำของเด็กเหล่านั้น และทำให้พวกเด็กๆหมดสติซะแล้วรีบหาทางจัดการต้นตอของเรื่องแทนแค่นั้นก็พอ

ทันจิโร่บาดเจ็บแต่ยังขอร้องให้อิโนะสุเกะไปดูแลและช่วยเหลือคนอื่นๆก่อนตนเอง ตอนแรกเห็นแล้วรู้สึกแปลกๆเหมือนเขายัดมาเยอะเกิน แต่พอมาคิดดีๆอีกทีคือบทพูดนี้มันต้องมี เหตุผลที่ใส่มาเพราะไม่งั้นอิโนะสุเกะไม่ยอมไปช่วยคนอื่นอย่างแน่นอน ซึ่งหนังยังคงเอกลักษณ์บุคลิกตัวละครอิโนะสุเกะไว้ ไม่ได้ข้ามขั้น เพื่อให้คนดูได้เห็นการเติบโตและเปลี่ยนแปลงของความคิดการกระทำของอิโนะสุเกะต่อจากนี้

คือทันจิโร่ไม่ปล่อยให้พนักงานที่ประจำหัวขบวนรถไฟต้องตายแม้เขาจะทำร้ายทันจิโร่ก็ตาม และทันจิโร่ก็จะไม่ยอมตายด้วย ไม่ใช่ห่วงชีวิตตัวเองนะ แต่สิ่งที่คิดขึ้นมาก่อนอันดับแรกคือ ถ้าทันจิโร่ตาย พนักงานคนนี้จะถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตรกรทันที มีหลักฐานเข็มแทง มีพยานรู้เห็นคืออิโนะสุเกะ ถ้าทันจิโร่ตายนี่คือไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน และชีวิตของคนๆนี้ต้องจบลงไม่ในคุก ก็ต้องรับโทษในฐานะเป็นผู้รับผิดชอบการเกิดโศกนาฏกรรมรถไฟในครั้งนี้หากมีใครเสียชีวิต

ฉากตะโกนด่าไล่หลังอาคาสะคือที่สุด แบบตอนแรกไม่ได้คิดไร แต่พอมาฟังดีๆ คำตะโกนของทันจิโร่มันดีมากๆเลย สิ่งที่ทันจิโร่ตะโกนมันสื่อว่าศึกครั้งนี้เป็น แพ้การรบ แต่ชนะสงคราม ชัดๆ คือแม้ว่าความสูญเสียจากศึกนี้เป็นการสูญเสียถึงเสาหลักคนนึงก็จริง แถมเป็นคนที่จะมาเป็นครูให้กับทันจิโร่ถ้าไม่ตายซะก่อน แต่เป้าหมายของภารกิจนี้คือปกป้องชีวิตคน 200 ชีวิตบนขบวนรถไฟ+ปราบอสูรต้นเรื่องของเหตุการณ์บนรถไฟได้สำเร็จ ภารกิจในครั้งนี้นักล่าอสูรจึงเป็นฝ่ายชนะและทำหน้าที่สำเร็จลุล่วงได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่มีใครเสียชีวิตสักคน มีแต่บาดเจ็บอย่างเดียว และการตะโกนนี้ยังช่วยให้เคียวจูโร่รับรู้อีกด้วยว่า การเสียสละของเคียวจูโร่นั้นมันไม่สูญเปล่า เพราะเขาทำหน้าที่ได้ดีที่สุดอย่างที่เสาหลักควรจะเป็นแล้ว

ทั้งหมดที่เขียนข้างบนนี้ แสดงให้เห็นว่า ตัวละครทันจิโร่นั้นผู้แต่งสร้างตัวละครแบบละเอียดและมีจุดยืนที่ชัดเจนมาก และในมูฟวี่ภาคนี้เขาก็ขยายความตัวละครให้คนดูรู้จักและเข้าใจทันจิโร่มากยิ่งขึ้น ทันจิโร่จึงเหมือนเป็นตัวเอกที่เป็นตัวแทนของคนธรรมดาๆคนนึงที่มีจิตใจดีงาม มีคุณธรรมและเมตตา มีความพยายามในการทำสิ่งที่ต้องการให้สำเร็จให้ได้ ทั้งการฝึกฝนให้สำเร็จ การปราบอสูร การช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน การหาทางช่วยเหลือเนซึโกะและมีจิตใจที่นึกถึงคนอื่นก่อนตนเองเสมอ แต่ในการต่อสู้เองทันจิโร่ก็จะไม่ผ่อนปรน ไม่โอนอ่อนให้กับฝ่ายศัตรูเด็ดขาด ศัตรูกลับใจหรือไม่ แต่หากฆ่าคนแล้ว ผิดก็คือผิด

ทันจิโร่จัดการอสูรทุกตัวโดยไม่ยั้งมือเพราะเป็นสิ่งเดียวที่สามารถชดเชยให้กับผู้ที่ถูกอสูรฆ่าตายทุกคนให้ได้รับความยุติธรรมที่สมควรจะได้รับมากที่สุด แต่ขณะเดียวกันทันจิโร่ก็ไม่ดูถูกหรือย่ำยีอสูรซ้ำเติมเพราะอสูรทุกตนล้วนก็เป็นคนธรรมดามาก่อนเหมือนกันสำหรับใครที่หลงรักอนิเมะเรื่องKimetsu no Yaibaดาบพิฆาตอสูรแบบผมบอกเลยพลาดไม่ได้กับภาคศึกรถไปสู่นิรันดร์ ที่นำกลับมาฉายใหม่ในครั้งนี้ ซึ่งการกลับมาครั้งนี้ก่อนเข้าสู่บทย่านเริงรมย์จะมีฉากใหม่ๆ ฉากไหนเพิ่มเข้ามาให้เราได้ชมกันบ้างต้องไปติดตามชมในอนิเมะเรื่องKimetsu no Yaiba Mugen Trainดาบพิฆาตอสูร ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ 

https://youtu.be/_ntCsO8N7jA

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *