รีวิว The commuter

The Commuter หนังว่าด้วยเรื่องราวของ ไมเคิล หนุ่มใหญ่วัยใกล้เกษียณที่เดินทางในชีวิตประจำวันด้วยรถไฟจนเป็นกิจวัตรประจำวัน วันหนึ่งเค้าได้พบกับหญิงสาวลึกลับที่อยู่ดีๆก็มายื่นข้อเสนอโดยให้ตามหาคนคนหนึ่งที่สะพายกระเป๋าและใช้ชื่อแฝงว่า พริ๊น บนรถไฟขบวนนี้ให้ที โดยมีรางวัลก็คือเงินสด 1 แสนดอลล่า เป็นสิ่งที่หวานหอมชวนหลง เรื่องย่อแค่นี้พอที่เหลือไปดูกันเอาเอง ที่ ดูหนังฟรี 

ผลงานจากผู้กำกับมือฉมัง Jaume Collet-Serra คนที่มีเครดิตกำกับมาทั้ง ‘Unknown’‘Non-Stop’  และ ‘Run All Night’ เรียกได้ว่าเขามีประสบการณ์ในการสร้างหนังที่เหมาะกับภาพลักษณ์ของพี่เลียมเป็นอันมาก และเป็นอีกครั้งของความพยายามให้พี่เลียมเสี่ยงตายกับยานพาหนะ แต่ว่าครั้งนี้เล่นกับรถที่วิ่งอย่างเร็วไปบนราง หนังเริ่มต้นด้วยเรื่องราวภูมิหลังของตัวละครพระเอกอย่าง ไมเคิล ที่มีชีวิตอยู่กับครอบครัว และผละจากอาชีพตำรวจมาหากินด้านการขายประกัน ก่อนจะประสบชะตากรรมถูกยึดบ้านไปอีก จึงตกอยู่ในภาวะ บ้านก็ยังต้องผ่อน ลูกก็ยังเรียนอยู่ ชีวิตสุดแสนจะต้องกัดฟันดิ้นรน

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวละครของ ไมเคิล (เลียม นีสัน) ในหนังเรื่องนี้ กลายเป็นบริบทของความร่วมสมัยที่น่าสนใจมาก สำหรับคนทำงานออฟฟิศในยุคปัจจุบัน หนังแสดงให้เราเห็นว่า มันคือกิจวัตรอันน่าเบื่อหน่ายสุดซ้ำซาก ผ่านเวลาไม่กี่นาที เขาตื่นนอนเวลาเดิม เจอหน้าภรรยาที่ฝากความหวังทุกอย่างในชีวิตผ่าน “เงิน” ของไมเคิล และลูกชายที่อารมณ์แปรปรวนเพราะกำลังเข้าช่วงวัยรุ่นอันเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต

เราได้เห็นเหตุการณ์ชีวิต “ในบ้าน” ของไมเคิล ก่อนที่เราจะได้รับรู้ว่า เขาอาศัยอยู่นอกตัวเมืองที่ต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนแบบรางหรือรถไฟ เพื่อเดินทางเข้าไปยังในเมือง แน่นอนว่าการเดินทางของเขาก็ล้วนเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรที่ทำให้ผู้ชมเห็นการที่เขาได้รู้จักกับผู้โดยสารคนอื่นๆ ที่มี “ชีวิต” แบบกิจวัตรเช่นเดียวกับเขาคนอื่นๆ เช่นกัน

 

รีวิว The commuter

 

หนังเปิดมาด้วยเรื่องราวแบ็คกราวน์ของ ไมเคิล ไม่ยาวมาก บอกแค่ว่าไมเคิลมีปัญหาอะไร ทำไมถึงต้องยอมรับข้อเสนอ แล้วพอขึ้นไปบนขบวนรถและเจอกับตัวละครปริศนาอย่าง โจแอนนา แล้ว หนังก็เริ่มสืบสวนกันอย่างสนุก ซึ่งในตอนสอบสวนเนี่ยหนังหลอกคนดูไปมาได้อย่างน่าติดตาม มีตัวลละครหลอกออกมาให้สงสัยหลายคน อารมณ์หนังจะค่อยๆ พีคขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่หนังเฉลยตัวคนร้าย ซึ่งตรงจุดนี้หนังทำได้ค่อนข้างดีและน่าตื่นเต้นมากๆ

หนังเล่าเรื่องไวกระชับไม่น่าเบื่อมีช่วงแรกๆที่ภาพตัดไปมาฉวัดเฉวียนไปนิด แต่อย่ากระพริบตาเพราะแปปเดียวเท่านั้นเราก็เข้าไปอยู่ในขบวนรถไฟแล้ว ช่วงต้นทำให้คนดูคิดตามอยากรู้อยากเห็นว่าใครคือคนที่ต้องตามหา และหาไปเพื่ออะไร อีกทั้งตัวเอกของเรื่องจะใช้วิธีไหนในการสืบหาความจริงครั้งนี้ ซึ่งทำออกมาได้ดีทั้งความลุ้นตื่นเต้น ท่าทีของคนร่วมทางที่ลุกลี้ลุกลนชวนสงสัย ภาพน่าสนใจแม้จะมีฉากหลักอยู่แค่ในรถไฟแคบๆ

ปล่อยให้ทำความรู้จักตัวละครแปลกหน้าที่ผ่านมาในขบวนไปเรื่อยๆ ก่อนจะไต่ระดับความระทึกด้วยข้อจำกัดของเวลาในตอนท้าย แอคชั่นจัดเต็มแบบวินาศสันตะโรแตกเป็นแตกตายเป็นตาย (มีในตัวอย่างอยู่บ้าง) ดูแล้วหวาดเสียวเหมือนเล่นรถไฟเหาะ ท้ายสุดแล้วเมื่อถึงปลายทางการคลี่คลายปมของเรื่องก็ทำได้ดีเลยทีเดียว

ชีวิตการทำงานในบริษัทนี้ที่ยาวนานมากกว่า 10 ปีของเขา ไม่มีประโยชน์ใดๆ กับองค์กรอีก ไมเคิลกลายเป็นคนตกงาน พร้อมกับหนี้สินรุงรังที่ต้องเผชิญ เมื่อปัญหาเกิดขึ้นทำให้เขาเสียศูนย์จนต้องไป “นัดดื่ม” กับเพื่อนเก่าอย่างอเล็กซ์ เมอร์ฟีย์ (แพทริก วิลสัน) อดีตคู่หูนายตำรวจ หลังจากที่เขานั่งปรับทุกข์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรอบวัน ก่อนจะแยกจากกันไป

ระหว่างทางกลับบ้าน ไมเคิลถูกขโมยโทรศัพท์มือถือ กลายเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีก แต่ระหว่างที่เขาพยายามจะสงบใจและมองหาทางออกในชีวิต เขากลับได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งที่อ้างชื่อว่าโจแอนนา (เวร่า ฟาร์มิก้า) ที่ยื่นข้อเสนอสุดแปลกประหลาดที่ว่า ให้เขาตามหาคนคนหนึ่งที่ไม่สมควรที่จะอยู่บนรถไฟขบวนนี้ หากเขาทำได้สำเร็จเขาจะได้รับเงินก้อนโต และไมเคิลยังโดนตั้งคำถามที่ว่า “คุณเป็นบุคคลประเภทไหน” ทิ้งท้าย

 

รีวิว The commuter-1

 

รีวิว The commuter ความรุ้สึกหลังดูมาเจาะลึกให้เห็นกันชัดๆ

หนังใส่เรื่องราวในลักษณะชวนอยากรู้เข้ามา เริ่มด้วยการที่มีหญิงสาวมาทักทายเขาบนรถไฟ แถมยังเสนอภารกิจและเงินตอบแทนในวันที่พระเอกตกงานอีก แถมงานที่เธอเสนอยังให้ข้อมูลน้อยมาก และให้พระเอกเป็นฝ่ายค้นหาเอาเองอีกต่างหาก

ซึ่งแน่นอนว่า เมื่อหนังเล่าในมุมมองของพระเอก เราก็จะไม่มีทางรู้ไปมากกว่าพระเอก เราจะยิ่งอยากรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นบุคคลที่ต้องตามหา และจะใช้วิธีไหนในการค้นหาจากคนบนรถไฟทั้งขบวน เรียกได้ว่าหนังใช้ความอยากรู้ของคนดูช่วยความสนใจในการติดตามเรื่องราว

เมื่อเห็นหน้าป๋าเลียมทีไร เรามักจะคาดเดาไปก่อนเลยว่ามันต้องเกิดความประทับใจอะไรสักอย่างกับป๋าหรือรอบๆ ตัวป๋า เพราะไม่ว่าป๋าจะขึ้นเครื่องบิน เครื่องบินก็โดนปล้น อีกเรื่องเครื่องบินตก ต้องมาอยู่ในสภาพอากาศอันหนาวเหน็บแถมยังต้องเจอกับหมาป่าอีก และมาในเรื่องที่เราคุ้นเคยกันอย่าง Taken ซวยได้ทุกภาคต้องตามไปช่วยครอบครัวอยู่ร่ำไป และแน่นอน มาในบทนำภาพยนตร์เรื่องใหม่ล่าสุดนี้ อย่าง The Commuter คงเดากันได้ไม่ยากว่ามันจะเกิดความชิหาบวายป่วนแค่ไหนบนรถไฟขบวนนี้

 

รีวิว The commuter-2

 

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าช่วงหลังๆ ป๋าแกเล่นแต่หนังประเภทนี้แหละ ในตอนแรกทีเห็นเรานึกเลยว่า แน่นอนมันต้องเป็นหนังบู๊ ประเภทเดิมๆ ไม่หนีพวก Taken สักเท่าไหร่ ซึ่งหนังแบบนี้มันก็เกลื่อนกลาด และบทมันก็เดิมๆ แต่พอหลังจากได้ดูหนังเรื่องนี้แล้ว กลับเปลี่ยนความคิดเราไปพอสมควรนะ จนเรารู้สึกว่า มันก็โอเคอยู่นะ แต่จริงๆ มันก็ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่

ฉากแอ็คชั่นในเรื่องมีเรียกว่านับฉากได้ แต่ฉากลองเทคช่วงเกือบๆ จะท้ายเรื่องทำได้สุดยอดเอามากๆ ลุ้นกันเหนื่อย ซึ่งถึงแม้จะมีฉากแอ็คชั่นน้อยมมากในเรื่อง แต่ฉากนี้ก็เป็นฉากต่อสู้ที่ยาวมาก และทำได้มันส์จริงๆ ดูแค่ฉากนี้ก็คุ้มละ ถือว่าลุงเลียมแกยังมีน้ำยาอยู่

ในด้านของฉากแอคชั่นถึงจะมีไม่มาก แต่ก็ทำออกมาได้ดีเลย โดยในแต่ละฉากตัวป๋าเองเล่นได้เหนื่อยจริงๆ เหมือนคนแก่จริงๆ (ตัวจริงก็แก่แล้วแถมบทที่ป๋าแกรับก็เป็นพ่อที่แก่แล้วเหมือนกัน) เห็นแล้วเหนื่อยแทน ตอนถ่ายทำมีใครกลัวแกจะเป็นลมมั่งไหมนะ 555 แถมฉาก Long Take เกือบๆ ท้ายเรื่อง ค่อนข้างทำออกมาได้ดี น่าลุ้น และน่าสนใจไม่น้อยเลย

มีจุดนึงที่เป็นสิ่งที่หนังทำได้ดีและไม่ดีในจุดเดียวกันคือเรื่องของการผูกปมปริศนาให้กับหนังตั้งแต่ต้นเรื่อง สาวปริศนาอย่าง โจแอนนา ที่ทำได้ลึกลับน่าติดตาม แต่พอถึงตอนที่ต้องขมวดปมและเฉลยทุกสิ่ง หนังกลับทำเหมือนรีบให้มันจบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเฉพาะตอนจบ มันจบแบบนั้นเลยเหรอ ง่ายไปป่าว

 

 

พอดูตั้งแต่ต้นจนจบ เราจะพบว่าสุดท้ายแล้ว ลุงเลียม ก็กลายเป็น “เดอะแบก” ของหนังอีกแล้ว เรื่องนี้คนอื่นแทบไม่ได้มีบทบาทสลักสำคัญอะไรเลย ทั้งเรื่องมีลุงแกลุยอยู่คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งถามว่าดีมั๊ย ก็ดี แต่มันไม่มีความแปลกใหม่เพราะสุดท้ายแล้วคอนเซ็ปต์หนังมันก็เหมือนหนังที่ผ่านมาของลุงแก เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่จาก บ้าน, เครื่องบิน มาเป็นบนรถไฟแทน ซึ่งถ้าไม่คิดมาก ดูเอามันส์ หนังเรื่องนี้ก็มันส์ในแบบฉบับของลุงเหมือนเรื่องที่ผ่านๆ มานั่นแหละครับ

เป็นหนังอีกเรื่องที่สะกดคนดูได้อยู่หมัดตั้งแต่ต้นเรื่องยันจบเรื่อง คือจะกระดุกกระดิกจะไซร์หอมแก้มคนที่นั่งข้างๆด้วยยังไม่อยากทำเลยเพราะกลัวจะพลาดชอตสำคัญ หนังนำเสนอเรื่องราวให้เราต้องคิดตามตลอดเวลา ว่าอะไรยังไง ใครคือ พริ๊น ใครคือคนดี ใครคือคนเลว และอีพวกตัวประกอบแต่ละตัวก็ทำตัวมีพิรุธน่าสงสัยเสียเหลือเกิน คือระหว่างดูนั่งเดาไปนะว่าใครคือ พริ๊น แต่บอกเลยว่าเดาไงก็เดาไม่ออกหรอก 55555555 ผมชอบที่หนังใช้โลเกชั่นแค่บนรถไฟขบวนเดียว แต่เล่าเรื่องเหตุการณ์ที่อยู่ภายนอกรถไฟให้เราได้จินตนาการเองได้ดีจริงๆ

 

 

ส่วนที่ชอบมากๆ คือตอนต้นเรื่องเลย 5-10 นาทีแรกของหนัง หนังบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครอย่าง Michael ซึ่งรับบทโดย Liam Neeson ผ่านทางการให้คนดูได้เห็นกิจวัตรประจำวันของป๋าแก โดยใช้ภาพจำของตัวละครให้เกิดการจดจำในคนดู เช่นการดำเนินเหตุการณ์ผ่านสถานที่เดิมๆ แต่บทสนทนาที่แตกต่างออกไป ซึ่งมันทำให้คนดูได้รับรู้ว่าในแต่ละวันของป๋าเลียมนั้น ต้องพบเจอกับอะไรบ้าง จนเรารับรู้ไปเองโดยปริยายว่า “อ๋อ ชีวิตป๋าเป็นแบบนี้นี่เอง” โดยที่หนังไม่ได้พยายามยัดเยียมคำพูดเพื่อบอกกล่าวกับคนดูเลย มันเจ๋งตรงเนี้ยแหละ ใครที่จะไปดูต้องบอกเลยว่าพลาดไม่ได้จริงๆ กับช่วงต้นเรื่อง

และอย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่า มันไม่ใช่หนังแอคชั่นจ๋าอย่างเรื่อง Taken แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่มีฉากบู๊เลย ออกจะเป็นแนวสืบสวนเล็กๆ ได้เหมือนกัน “แค่คำถามสมมุติเล่นๆ ว่าคุณเป็นคนแบบไหนกัน…ถ้าฉันขอให้คุณทำอะไรนิดหน่อย คุณจะทำไหม?” เป็นคำพูดที่ตัวละครหญิงในตัวอย่างพูดกับป๋าเลียม ซึ่งนั่นเองเหมือนเป็นการใส่ปมและตั้งคำถามปลายเปิดกับคนดูเกี่ยวกับการหาตัวบุคคลบางคนที่อยู่บนขบวนรถไฟ เพื่อแลกกับเงินรางวัลจำนวนหนึ่ง พร้อมกับตอบคำถามว่าจริงๆ แล้ว เราเป็นคนแบบไหนกันแน่ ในจุดนั้นมันทำให้คนดูได้เกิดข้อสงสัยพร้อมตั้งคำถามและติดตามหนังอยู่ตลอดว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่หนังเองกลับคลี่คลายปัญหาได้ง่ายจนเกินไป แถมยังมีอะไรที่สามารถเล่นกับประโยคนั้นได้อีกเยอะ จนทำให้เรารู้สึกว่า “เอาง่ายๆ งี้เลยหรอ” แต่ถึงอย่างไรก็ตามตัวหนังก็สนุกและชวนให้น่าติดตามอยู่ดี

 

 

ด้านเสียก็มีนะครับ อย่างที่กล่าวไปว่า the commuter เป็นหนังสไตล์เลียม ก็เลยไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่ให้ตื่นตาตื่นใจสักเท่าไร ส่วนเอฟเฟคหรือ CG ก็เฉยๆนะ ไม่ได้เนียนและก็ไม่ได้แย่จนเกินรับได้ เนื้อเรื่องบางตอนก็ดูเกินจริงไปนิด ดูหนังออนไลน์

แต่ถึงยังไงก็ตาม หนังก็ยังดูสนุก และเพลินพอใช้ได้ประมาณนึง โดยที่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบู๊อะไรมาก แต่ลูกล่อลูกชนที่ดูเหมือนจะมั่วๆ แต่มันกลับทำให้เราคาดเดาไม่ได้ อยากรู้ว่าท้ายที่สุดจะมาไม้ไหน จะลงยังไง นี่คือความสนุกหลักของหนัง โอเคว่าช่วงท้ายอาจเดาง่าย แถมยังหาทางลงง่ายไปหน่อย (บางช่วงนึกว่าดู murder on the orient express) แต่ก็นั่นแหละปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังสนุกประมาณนึงเลยทีเดียว

 

 

ชื่อภาพยนตร์: The Commuter / นรกใช้มาเกิด

ผู้กำกับภาพยนตร์: Jaume Collet-Serra
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Byron Willinger (story by), Philip de Blasi (story by)
นักแสดงนำ: Liam Neeson, Vera Farmiga, Patrick Wilson, Jonathan Banks
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ความยาว: 104 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Drama, Mystery, Thriller
อัตราส่วนภาพ:
ปี: 2018
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 11 มกราคม 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Ombra Films, StudioCanal, The Picture Company

ติดตามรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้ที่ รีวิวหนังออนไลน์

 

 

 

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *